ตอนที่คนชุดเขียวคว้าจับร่างทองของเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซี เจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นก็มีสีหน้าเดือดดาลคล้ายจะลงมืออย่างอำมหิตได้ทุกเมื่อ ถึงขั้นอาจบุกขึ้นฝั่งมาเปิดฉากเข่นฆ่าอย่างไม่สนใจสิ่งใด
แต่เมื่อคนผู้นั้นใช้หนึ่งหมัดต่อยให้ร่างทองของเทพลำคลองท่านหนึ่งแหลกสลาย อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบกลับมีจิตใจที่นิ่งสนิทดุจผิวน้ำ เผชิญหน้ากับคนต่างถิ่นที่ราวกับแม่ทัพควบม้านำเดี่ยวทะลวงขบวนรบผู้นั้น อินโหวยกมือขึ้น สองนิ้วประกบกัน แสงศักดิ์สิทธิ์สองกลุ่มที่หนึ่งเป็นสีทองจางๆ อีกหนึ่งเป็นสีเขียวมรกตรวมตัวคล้ายงูน้อยสองตัวที่ขดอยู่ปลายนิ้วแล้วเลื้อยรัดพันกันและกัน อินโหวสะบัดนิ้วเบาๆ ผิวน้ำทะเลสาบชางอวิ๋นที่มีเขาเป็นจุดศูนย์กลางก็เริ่มมีไอน้ำลอยอบอวลขึ้นมา ควันเขียวกลิ้งหลุนๆ พริบตาเดียวก็ปกคลุมผิวน้ำไปทั่วในรัศมีร้อยลี้
ทางฝั่งของท่าเรือ อย่าว่าแต่ตู้อวี๋แห่งตำหนักขวานผีเลย ต่อให้เยี่ยนชิงโคจรลมปราณเพ่งสมาธิมองไป สิ่งที่สายตามองเห็นก็มีเพียงไอหมอกขาวโพลนเท่านั้น ไม่เหลือเงาร่างของเจ้าแห่งทะเลสาบและขุนนางบุ๋นบู๊มากมายของทะเลสาบชางอวิ๋นอีกแล้ว ส่วนบรรพจารย์ของดินแดนเซียนเป่าต้งตนก็คล้ายว่าจะเรียกใช้สมบัติหนักของสำนักชิ้นนั้น แสงอัญมณีเรืองรองเดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ ปกป้องผู้ฝึกตนสำนักเดียวกันกับนางทั้งหมดไว้ภายใน จากนั้นก็เริ่มถอยร่นไปช้าๆ น่าจะต้องการยกสนามรบทั้งหมดนี้ให้กับอินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบฝ่ายเดียว
ริมขอบของไอน้ำมีงูเหลือมสีทองจางๆ ตัวหนึ่งกับงูใหญ่สีเขียวมรกตตัวหนึ่งเลื้อยวนไม่หยุดนิ่ง ทั้งสองตัวบินวนคาบหางกันและกัน ประหนึ่งเผ่าพันธุ์เจียวหลงที่โปรยพิรุณ เพิ่มไอน้ำบนทะเลสาบให้หนาแน่นขึ้น
เยี่ยนชิงแค่พอจะรู้ว่านี่คือหนึ่งในวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตของเทพวารีที่บรรลุมหามรรคาคนหนึ่ง ไม่เรียบง่ายเพียงเป็นแค่เวทอำพรางตาอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นกรงขังที่ลักษณะคล้ายคลึงกับค่ายกลยันต์อย่างหนึ่ง หากผู้ฝึกตนหรือผู้ฝึกยุทธเต็มตัวถูกขังไว้ภายใน มันก็สามารถเผาผลาญปราณวิญญาณในช่องโพรงลมปราณและปราณแท้จริงที่บริสุทธิ์ของพวกเขาได้ คือวิชาที่ค่อยๆ ลดทอนพละกำลังไปช้าๆ ซึ่งใช้ได้ทั้งโจมตีและทั้งป้องกัน
ตู้อวี๋ยืนอยู่ที่เดิมตลอดเวลา ชำเลืองตามองท่าเรือเบื้องหน้าที่สภาพเละเทะแวบหนึ่ง พื้นดินแถบนั้นพังยุบไม่เหลือชิ้นดี มีเพียงพื้นดินตรงจุดที่วางหีบไม้ไผ่กับไม้เท้าเดินป่าเท่านั้นที่ยังคงสมบูรณ์แบบเหมือนเดิม
ผู้อาวุโสช่างมีฝีมือเลิศล้ำประดุจเซียนจริงๆ
นี่หมายความว่าอะไร? หมายความว่าเท้าที่กระทืบลงไปครานั้นของผู้อาวุโสยังไม่ได้ออกแรงทั้งหมด
เยี่ยนชิงโบกชายแขนเสื้อสลายฝุ่นผงที่ตลบคลุ้งอยู่ตรงท่าเรือออกไป
เพียงแต่ว่าสายตาของนางจ้องมองความเคลื่อนไหวตรงพื้นผิวน้ำทะเลสาบชางอวิ๋นอยู่ตลอดเวลา ค่ายกลใหญ่ไอน้ำที่ขาวโพลนกินรัศมีเป็นร้อยจั้งพลันเหมือนแหตกปลาที่ถูกคนขยุ้มแล้วกระชากกลับมา กลายเป็นมีขนาดแค่สิบกว่าจั้ง ทว่าไอน้ำกลับเปลี่ยนมาเป็นเข้มข้นจนเหมือนกลายมาเป็นน้ำ งูเหลือมสีทองและงูยักษ์สีเขียวมรกตพากันพุ่งเข้าไปในค่ายกลทันใด
เยี่ยนชิงถอนหายใจอยู่ในใจ ถึงอย่างไรก็เป็นศึกบนทะเลสาบชางอวิ๋น อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบจึงได้เปรียบทั้งด้านฟ้าอำนวยดินอวยพรและคนสามัคคี อีกทั้งยังมีเทพลำคลองคนสนิทคนหนึ่งสละชีวิตขัดขวางการบุกรุดหน้าของคนผู้นั้น เมื่อสูญเสียโอกาสช่วงชิงความได้เปรียบ คิดดูแล้วสภาพการณ์ของคนผู้นั้นก็มีแต่จะย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบสามารถหยัดยืนอยู่ในแคว้นอิ๋นผิงมาได้นานเป็นพันปีโดยที่ไม่ล้มลง ใช้สถานะของเทพวารีสามารถนั่งทัดเทียมได้กับเจ้าแห่งขุนเขาทั้งห้าของหนึ่งแคว้น ก็ไม่แปลกที่บรรพจารย์ของสำนักจะเลือกวังมังกรเป็นสถานที่พักแรมแห่งสุดท้ายในการเดินทางมาเยือนเมืองสุยเจี้ย
เยี่ยนชิงชำเลืองตามองตู้อวี๋ เห็นว่าสีหน้าของเขายังราบเรียบเป็นปกติ
ตู้อวี๋เองก็สัมผัสได้ถึงสายตาของเยี่ยนชิงจึงหันหน้ามายิ้มกล่าว “บ่อน้ำเล็กๆ ไม่อาจกักตัวพี่น้องเฉินของข้าคนนั้นที่แค่จามง่ายๆ หนึ่งทีก็สามารถพลิกแม่น้ำคว่ำมหาสมุทรได้หรอก”
เยี่ยนชิงหลุดหัวเราะพรืดอย่างขำขัน
ถ้อยคำประจบสอพลอที่น่าสะอิดสะเอียนเช่นนี้ หลังสงครามใหญ่ปิดฉากลงแล้ว ดูสิว่าเจ้าจะยังพูดออกมาจากปากได้อีกหรือไม่
ผู้ฝึกตนของดินแดนเซียนเป่าต้งได้ถอยห่างออกไปจากสนามรบในระยะร้อยจั้งกว่าแล้ว บรรพจารย์ฟ่านเหวยหรานยังคงไม่ได้เก็บวิชาอภินิหารจากสมบัติพิทักษ์ขุนเขาชิ้นนั้นลงไป เห็นเพียงว่ามงกุฎสีทองบนศีรษะของนางส่องประกายแสงสีทองไหลวน สาดแสงเจิดจ้าไปสี่ทิศ ข้างกายของนางมีขุนนางหญิงแห่งสรวงสวรรค์เหมือนในภาพวาดคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา ใบหน้าของนางพร่าเลือน ทั่วร่างอาบไปด้วยแสงสีทอง เรือนกายอรชรอ้อนแอ้น ชายแขนเสื้อของสาวใช้ร่างทองที่เรือนกายพร่าเลือนคล้ายภาพมายานี้พลิ้วสะบัด ในมือนางกางฉัตรตระกูลเซียนอันหนึ่งคอยปกป้องผู้ฝึกตนจากดินแดนเซียนเป่าต้งทุกคน ส่วนผิวน้ำทะเลสาบใต้ฝ่าเท้าของฟ่านเหวยหรานก็เกาะตัวเป็นน้ำแข็ง ประหนึ่งท่าเรือที่ถูกสร้างขึ้นชั่วคราวให้คนได้มีที่ยืนอยู่บนทะเลสาบ
เยี่ยนชิงผ่อนลมหายใจโล่งอก
ดูท่าแล้วบรรพจารย์คงไม่คิดจะมีส่วนร่วมกับการเข่นฆ่าในคืนนี้
อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบยังคงยืนอยู่ที่เดิม แต่เทพลำคลองอีกสองคนที่เหลืออยู่ได้พาคนอื่นๆ ถอยห่างไปไกลแล้ว ดูจากทิศทางก็น่าจะย้อนกลับไปยังจวน เจ้าแห่งคูน้ำเสาซีผู้นั้นไม่เพียงแต่เหมือนได้รับอภัยโทษ ยังคล้ายกับว่าจะได้รับโชคหลังหายนะ บนใบหน้าไม่อาจปกปิดสีหน้าของความลิงโลดเอาไว้ได้ นางโคจรวิชาอภินิหารกลายร่างเป็นไอน้ำกลุ่มหนึ่งที่บินพุ่งไปยังทิศทางของคูน้ำเสาซีอันเป็นบ้านของตัวเองอย่างว่องไว
เยี่ยนชิงรู้ดีว่า ทะเลสาบชางอวิ๋นคิดจะระดมกองกำลังยิ่งใหญ่เพื่อสังหารคนผู้นั้นให้สิ้นซาก
อินโหวยังคงมีท่าทางผ่อนคลายอยู่ดังเดิม เขาคลี่ยิ้มน้อยๆ ส่งให้เยี่ยนชิง
เยี่ยนชิงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
ภาพปรากฎการณ์ผิดปกติพลันเกิดขึ้นบนทะเลสาบ
กรงขังค่ายกลที่ปกคลุมผิวทะเลสาบพลันปรากฎแสงสีทองเส้นหนึ่ง จากนั้นค่ายกลน้ำก็ระเบิด ประหนึ่งน้ำแข็งที่ละลายเป็นน้ำแล้วผสานรวมเข้าไปในทะเลสาบ
ชายชุดเขียวยืนมือหนึ่งไพล่หลัง เขาเองก็ประกบสองนิ้วเช่นกัน เวลานี้กำลังหันหน้าเข้าหาอินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบ หันหลังให้กับท่าเรือ
ยันต์วิเศษตระกูลเซียนกระดาษสีทองที่คนผู้นั้นคีบไว้ระหว่างสองนิ้วเพิ่งจะเผาไหม้ไปได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ
เยี่ยนชิงฉงนสนเท่ห์ไม่เข้าใจ
แค่ใช้ยันต์ทำลายสิ่งกีดขวางแผ่นเดียวเท่านั้นหรือ?
บนโลกมียันต์ทำลายสิ่งกีดขวางที่ทรงอานุภาพเช่นนี้อยู่ด้วยหรือไร?
ไม่เพียงแต่ใช้มันฝ่าค่ายกลของอินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบ เมื่อมองไปจากทิศทางของท่าเรือที่เยี่ยนชิงยืนอยู่นี้ ยังมองเห็นว่ามือที่ไพล่หลังของคนผู้นั้นกำเป็นหมัดเบาๆ และบนหมัดยังมีหางของงูน้อยสองตัวที่เป็นสีทองอ่อนและสีเขียวมรกตโผล่ออกมา
อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกลับไม่มีท่าทีตกตะลึงใดๆ เพียงยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “อาหารเรียกน้ำย่อยจานเล็กที่ทะเลสาบชางอวิ๋นใช้รับรองแขก เซียนซือต่างถิ่นท่านนี้คิดว่ารสชาติเป็นอย่างไร?”
เฉินผิงอันกวาดตามองรอบด้าน เทพลำคลองทั้งสองท่านและเจ้าแห่งคูน้ำเสาซีน่าจะย้อนกลับไปยังอาณาเขตของตัวเองแล้ว เพื่อเตรียมพร้อมในการโจมตีโดยเริ่มตั้งแต่ต้นกำเนิดของลำคลองและคูน้ำสามสาย ไล่มายังตอนล่างของสายน้ำ เพื่อช่วยเจ้าแห่งทะเลสาบผู้นี้วางค่ายกลสังหารที่แท้จริง
หากไม่เป็นเพราะสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวภายนอก อันที่จริงเฉินผิงอันก็ไม่ถือสาหากจะต้องอยู่รับลมชมจันทร์ในค่ายกลแห่งนี้ เพราะถึงอย่างไรหลังจากจับงูโชคชะตาน้ำทั้งสองตัวของอินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบมาหลอมเล็กได้แล้ว นี่ก็ไม่ใช่สิ่งที่แก่นโชคชะตาน้ำสี่ตำลึงที่เจ้าแห่งคูน้ำเสาซีเอาออกมามอบให้จะเปรียบเทียบได้ ลองชั่งน้ำหนักดูแล้ว อย่างน้อยแต่ละตัวก็น่าจะหนักถึงหนึ่งจิน (ประมาณครึ่งกิโล) ไม่เสียทีที่เป็นผู้ปกครองทะเลสาบคนหนึ่ง รากฐานเหนือกว่าที่แม่ย่าลำคลองของคูน้ำเล็กๆ คนหนึ่งจะทัดเทียมได้
เฉินผิงอันจึงล้มเลิกความคิดที่จะหลอมเล็กงูโชคชะตาน้ำสองตัวนั้นให้เสร็จสมบูรณ์ไปชั่วคราว กลุ่มแสงสองสีที่อยู่ในมือด้านหลังพลันหายวับไปในชั่วพริบตา ถูกเขากักตัวไว้นอกประตูจวนน้ำ
หากอีกฝ่ายมีแผนการรับมือภายหลังที่รออยู่ ทำร้ายให้จิตวิญญาณของตนต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานเล็กๆ ได้จริง ก็ถือว่าเป็นความสามารถของอินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบ เฉินผิงอันยินดีรับความเสียเปรียบเล็กๆ น้อยๆ นี้
ในช่องโพรงลมปราณอันเป็นฟ้าดินขนาดเล็กในร่างคน งูธาตุน้ำสองตัวนอนขดอยู่นอกประตูใหญ่จวนน้ำด้วยอาการตัวสั่นสะท้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!