อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นยืนอยู่ในน้ำที่ห่างจากผิวทะเลสาบไปหลายสิบจั้ง เอาสองมือไพล่หลัง เขาสะบัดข้อมือยืดเส้นยืดสาย เป็นผู้ฝึกยุทธเต็มตัวคนหนึ่งจริงๆ ด้วย มิน่าเล่าถึงกล้าทำตามอำเภอใจ สังหารเจ้าแห่งคูน้ำและเทพลำคลองของตนอย่างส่งเดชเช่นนี้
หัวใจด้านหลังของอินโหวเหมือนถูกค้อนทุบลงหนักๆ พายุหมัดซัดโน้มเอียงขึ้นสู่ด้านบน ทำให้เจ้าแห่งทะเลสาบท่านนี้ลอยหวือแหวกผิวน้ำบินขึ้นไปกลางอากาศ
โชคดีที่มีแค่เจียวหลงหกตัวบนชุดคลุมอาคมช่าจื่อเท่านั้นที่แหลกสลายไป
หากมังกรเก้าตัวแตกกระจายไปพร้อมกัน ชุดคลุมอาคมก็จะสูญเสียประสิทธิภาพไปชั่วคราว
นี่ก็มีส่วนคล้ายคลึงกับเสื้อเกราะเทพรับน้ำค้างที่จำแลงมาจากเม็ดเสื้อเกราะของสำนักการทหาร
หมัดหนึ่งพุ่งแสกหน้าเข้ามา
กลางอากาศเกิดเสียงดังกังวานเหมือนระฆังใบใหญ่ถูกตี
อิวโหวเพิ่งจะออกมาจากทะเลสาบชางอวิ๋นก็ต้องร่วงจมลงไปในทะเลสาบอีกครั้ง
แม้ว่าเรือนกายของอินโหวจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่กลับรู้สึกว่าสองหมัดนี้คือความอัปยศอย่างใหญ่หลวงในชีวิตนี้จริงๆ
ต่อมาเบื้องใต้ทะเลสาบ
ก็เหมือนมีเสียงฟ้าร้องในฤดูใบไม้ผลิดังทึบอื้ออึงอยู่ใต้น้ำเป็นระลอกรัวยาว
น้ำทะเลสาบกระเพื่อมสะเทือนโถมตัวสูง
เพียงแต่ว่าเมื่อคลื่นลูกใหญ่โถมตัวเข้าใกล้สาวใช้ร่างทองที่ในมือกางฉัตรผู้นั้นก็เหมือนกับถูกกำแพงสูงของนครใหญ่สกัดกั้นเอาไว้จึงแหลกสลาย ลูกคลื่นที่ทับซ้อนกันเป็นชั้นๆ พากันถูกแสงศักดิ์สิทธิ์สีทองนั้นกั้นขวางเอาไว้จึงทำให้มองดูเหมือนไข่มุกสีขาวหิมะจำนวนนับไม่ถ้วนที่เด้งกระดอนอยู่บนนั้น
ฟ่านเหวยหรานยิ้มกล่าว “ขึ้นไปชมศึกบนฝั่ง”
แผ่นน้ำแข็งใต้ฝ่าเท้าที่รองรับทุกคนเอาไว้ลอยขึ้นกลางอากาศแล้วพุ่งตรงไปยังท่าเรือด้วยความเร็วราวสายฟ้าแลบ
ยามอยู่ในดินแดนเซียนเป่าต้ง หญิงชราก็เป็นบุคคลที่พูดจาคำไหนคำนั้นไม่ยอมให้ใครคัดค้านอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยิ่งไม่มีผู้ฝึกตนคนใดมีความเห็นต่าง
มีเพียงบรรพจารย์รองที่นิสัยประหลาด หรือก็คืออาจารย์ผู้มีพระคุณที่ถ่ายทอดมรรคาให้แก่เทพธิดาเยี่ยนชิงเท่านั้นที่ถึงจะกล้าโต้เถียงฟ่านเหวยหราน
หลังจากที่ชั้นน้ำแข็งขยับลอยเข้าใกล้ท่าเรือ พอไม่มีปราณวิญญาณจากฟ่านเหวยหรานช่วยบังคับก็พลันสลายกลายเป็นน้ำที่หลอมละลายลงสู่ทะเลสาบ
เหล่าผู้ฝึกตนจึงพากันพลิ้วกายลงพื้นตามบรรพจารย์อย่างฟ่านเหวยหราน มาอยู่บนท่าเรือที่แทบจะใกล้เคียงกับคำว่าซากปรัก
หลังจากที่เซียนซือกลุ่มนี้ขยับเข้ามาใกล้ท่าเรือ ตู้อวี๋ก็กัดฟันดีดปลายเท้าทะยานตัวไปหยุดอยู่ข้างหีบไม้ไผ่และไม้เท้าเดินป่า เอามือกดด้ามดาบตรงเอวไว้แน่น
ฟ่านเหวยหรานเพียงแค่ชำเลืองตามองลูกศิษย์สำนักการทหารของตำหนักขวานผีผู้นี้แวบหนึ่งเท่านั้น แล้วก็พาทุกคนเดินสวนไหล่ผ่านเขามา
สตรีร่างทองที่เดินกางฉัตรวิเศษตามอยู่ข้างกายคล้ายจะมีจิตใจเชื่อมโยงกับนางจึงชำเลืองตามองตู้อวี๋เช่นกัน
ตู้อวี๋กัดฟันจนฟันกระทบกันดังกรอดๆ เรือนกายที่เครียดเกร็งยืนแน่นิ่งไม่กระดุกกระดิกอยู่ข้างไม้เท้าเดินป่า
หญิงชราที่ร่างกายสูงใหญ่กำยำผู้นี้เป็นมือวางอันดับสองของบรรดาผู้ฝึกตนบนภูเขาหลายสิบแคว้นเชียวนะ
อีกทั้งเมื่อเทียบกับเจ้านครหวงเยว่ที่เป็นมือวางอันดับหนึ่งแล้ว ศักยภาพที่แท้จริงก็แตกต่างกันไม่มากเท่าไร
นอกจากนี้ฟ่านเหวยหรานก็ยังมีชื่อเสียงด้านนิสัยที่เกรี้ยวกราดดุร้าย ในอดีตตอนที่ยังไม่ได้เป็นเจ้าสำนักดินแดนเซียนเป่าต้ง ขอแค่เป็นกลุ่มคนที่นางพาลงจากภูเขาไปฝึกประสบการณ์ ก็ไม่มีครั้งไหนที่ผู้ฝึกตนจะไม่ตายไปหลายคน ส่วนผู้ฝึกยุทธในยุทธภพที่โชคไม่ดีไปเจอเข้ากับนางก็ยิ่งมีจำนวนคนตายมากยิ่งกว่า และฟ่านเหวยหรานก็ยังชอบสังหารศัตรูอย่างโหดเหี้ยม เคยมีปรมาจารย์ในยุทธภพขอบเขตหกคนหนึ่งไปมีเรื่องกับลูกศิษย์ที่มาฝึกประสบการณ์ของดินแดนเซียนเป่าต้ง ก็ถูกฟ่านเหวยหรานตามไปเอาเรื่องถึงที่ หลังจากที่ใช้สมบัติอาคมเล่นงานอีกฝ่ายจนล้มกองอยู่กับพื้น หญิงชราก็ยืนอยู่ข้างกายคนผู้นั้นแล้วยกเท้ากระทืบเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ตั้งแต่หัวจรดเท้า กระทืบจนเขากลายเป็นเนื้อเละๆ กองหนึ่ง
ฟ่านเหวยหรานยกนิ้วขึ้นแตะไปยังมงกุฎสีทองบนศีรษะเบาๆ แสงสีทองก็หมุนย้อนกลับเข้าไปในมงกุฎทอง สาวใช้ร่างทองรวมไปถึงฉัตรวิเศษพากันสลายหายไป
เยี่ยนชิงโค้งตัวคำนับ “เยี่ยนชิงคารวะบรรพจารย์”
ฟ่านเหวยหรานมีสีหน้าเมตตาอ่อนโยน ใช้นิ้วจิ้มหน้าผากของเยี่ยนชิงเบาๆ แสร้งพูดด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธ “เด็กน้อยอย่างเจ้าประมาทเกินไปแล้ว กล้าเดินทางมาพร้อมกับคนต่างถิ่นที่อันตรายขนาดนี้ได้อย่างไร”
เยี่ยนชิงที่อับอายไร้คำพูด เพียงยืนกุมมือประสานกัน
ฟ่านเหวยหรานหันไปมองทางทะเลสาบชางอวิ๋น ใช้ริ้วคลื่นทะเลสาบหัวใจบอกกับเยี่ยนชิง “งิ้วสนุกๆ ขึ้นแสดงแล้ว สามารถเล่นงานให้ภาพมายาร่างคนของอินโหวย่อยยับ จนจำต้องเผยร่างจริงออกมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าต้องเป็นปรมาจารย์ขอบเขตร่างทองคนหนึ่งอย่างแน่นอน หาได้ยากยิ่งนัก ยุทธภพล่างภูเขาหลายสิบแคว้นนี้ไม่เคยมีผู้ฝึกยุทธร่างทองในตำนานปรากฏตัวมาสองร้อยปีแล้ว แม่หนูเยี่ยน ประมือกับคนผู้นี้ต้องระวังไว้สักหน่อย อย่าได้ปล่อยให้เขาเข้าประชิดตัวเด็ดขาด อย่าได้เลียนแบบอินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นที่ประมาทเลินเล่อ เพราะต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน วางวิชาเซียนและสมบัติอาคมเอาไว้ไม่เอาออกมาใช้ ใช้แค่มือเปลือยหมัดเปล่าประลองพละกำลังกับผู้ฝึกยุทธคนนั้น ไม่ได้เรียกว่าโง่แล้วจะเรียกว่าอะไร?”
เยี่ยนชิงพยักหน้ารับ
ฟ่านเหวยหรานเอ่ยอีกว่า “แล้วนับประสาอะไรกับที่เจ้าแห่งทะเลสาบผู้นั้นเกิดมาก็มีเรือนกายที่แข็งแกร่ง ไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกลมปราณอย่างพวกเราจะทัดเทียมได้ ก็สัตว์เดรัจฉานนี่นะ หนังย่อมหนาเป็นธรรมดา”
บนทะเลสาบพลันมีงูเหลือมยักษ์ยาวร้อยจั้งตัวหนึ่งโผล่พรวดออกมา งูตัวนี้มีกรงเล็บสี่ข้างแล้ว เวลานี้มันกำลังชูคอขึ้นสูง อ้าปากกว้าง พ่นเสาลำแสงสีเขียวมรกตไปทางผิวทะเลสาบ
เงาร่างสีเขียวยกฝ่ามือขึ้นต้านรับเสาลำแสงที่พลังอำนาจน่าครั่นคร้ามนั้นเอาไว้อย่างแข็งกร้าว
เกิดเป็นภาพที่ประกายแสงสีระเบิดพร่างพราวราวกับแสงจันทร์ที่สาดส่องเหนือมหาสมุทร
เยี่ยนชิงเก็บภาพนี้ไว้ในคลองจักษุของตนเงียบๆ
ฟ่านเหวยหรานหลุดหัวเราะพรืด “ผู้ฝึกยุทธร่างทองเปิดศึกใหญ่กับองค์เทพร่างทอง ไม่เลวๆ ไม่เสียทีที่เดินทางมาครั้งนี้”
เวลาเดียวกันนั้นตรงจุดที่สองลำคลองหนึ่งคูน้ำไหลรวมสู่ทะเลสาบก็ปรากฎมังกรน้ำยาวหลายสิบจั้งสามตัวขึ้นมาพร้อมกัน มังกรน้ำสีเหลืองสองตัวขนาดเรือนกายค่อนข้างใหญ่ ส่วนมังกรน้ำสีดำเหมือนหมึกกลับมีเรือนกายเล็กจิ๋วที่สุด
มังกรน้ำสามตัวที่เกิดจากการควบคุมของร่างทองเทพวารี มีพียงดวงตาเท่านั้นที่ปรากฏเป็นสีทองจางๆ หนึ่งชั้น
ไม่เพียงแต่มังกรน้ำสามตัวนี้เท่านั้นที่เลื้อยมาให้ความช่วยเหลือ สายน้ำเล็กใหญ่ตลอดทั้งอาณาเขตการปกครองของทะเลสาบชางอวิ๋นก็เริ่มเกิดการสั่นสะเทือนบิดเบือน ล้วนถูกอินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นและองค์เทพร่างทองสามท่านของหนึ่งคูน้ำสองลำคลองนำมาใช้งาน
บนทะเลสาบชางอวิ๋นคืนนี้เวลานี้ต่างหากถึงจะเรียกว่าเกิดอุทกภัยน้ำเอ่อล้น คลื่นยักษ์โถมตัวท่วมเทียมฟ้าอย่างแท้จริง
สนามรบที่พลังอำนาจยิ่งใหญ่น่าครั่นคร้ามขยับออกห่างจากท่าเรือไปอย่างต่อเนื่อง เคลื่อนไปทางใจกลางของทะเลสาบชางอวิ๋น
ผู้ฝึกตนหญิงลูกศิษย์ผู้สืบทอดคนหนึ่งของฟ่านเหวยหรานพูดกลั้วหัวเราะเบาๆ “อาจารย์ เจ้าคนผู้นี้นับว่ารู้กาลเทศะไม่น้อย กลัวว่าสะเก็ดน้ำจะกระจายมาโดนอาจารย์ก็เลยเผ่นหนีไปก่อนแล้ว”
ผู้ฝึกตนชายร่างสูงใหญ่อีกคนหนึ่งก็เอ่ยคล้อยตามว่า “ผู้รู้สถานการณ์คือผู้มีปัญญา เขาสร้างความแค้นเคืองให้อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นเช่นนี้ เป็นหรือตายก็ยากจะคาดการณ์ได้ หากยังผูกปมแค้นกับอาจารย์อีก นั่นก็ไม่ใช่ว่ารนหาที่ตายหรอกหรือ”
ตู้อวี๋ที่รู้สึกเสียวสันหลังวาบๆ ยืนอยู่ด้านหน้าสุดของท่าเรือประหนึ่งเสาไม้อันหนึ่ง
เทียบกับไม้เท้าเดินป่าสีเขียวปลั่งอันนั้นแล้วยังเหมือนไม้เท้าเดินป่าเสียยิ่งกว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!