กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 505

สรุปบท บทที่ 505.3 เจี้ยนเซียนอยู่ในมือของเซียนกระบี่: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

อ่านสรุป บทที่ 505.3 เจี้ยนเซียนอยู่ในมือของเซียนกระบี่ จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บทที่ บทที่ 505.3 เจี้ยนเซียนอยู่ในมือของเซียนกระบี่ คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

แล้วก็จริงดังคาด

ไม่ถึงครึ่งก้านธูป อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบก็ร้องตะโกนเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง “บรรพจารย์ฟ่าน ตำแหน่งเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซี จะยกให้เจ้าด้วยพร้อมกันทีเดียว! หากยังไม่ตอบรับ ได้คืบแล้วจะเอาศอก วันหน้าทะเลสาบชางอวิ๋นกับผู้ฝึกตนของดินแดนเซียนเป่าต้งพวกเจ้าจะไม่เหลือสัมพันธ์ไมตรีใดๆ ให้พูดถึงอีก!”

เสียงของเขาในครั้งนี้ไม่มีความหนักแน่นสุขุมอย่างก่อนหน้า แต่เป็นเสียงที่ผ่านการเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เห็นได้ชัดว่าเริ่มเป็นเดือดเป็นแค้นแล้ว

ฟ่านเหวยหรานยิ้มบางๆ หันไปเอ่ยเสียงเบากับเยี่ยนชิง “เป็นอย่างไร?”

เยี่ยนชิงสีหน้าซับซ้อน เอ่ยตอบเสียงเบาปานกัน “บรรพจารย์โปรดระวังตัวด้วย”

“แม่หนูเยี่ยน เจ้าคงไม่รู้กระมังว่าผู้ฝึกยุทธขอบเขตร่างทองคนสุดท้ายในประวัติศาสตร์หลายสิบแคว้นผู้นั้น สุดท้ายแล้วตายอย่างไร เดี๋ยวพอกลับไปถึงสำนักก็ลองถามอาจารย์ของเจ้าดู นั่นเป็นศึกสร้างชื่อของศิษย์น้องหญิงของข้ากับเจ้านครหวงเยว่เชียวนะ”

ฟ่านเหวยหรานหัวเราะเสียงดังพลางกลายร่างเป็นสายรุ้งพุ่งทะยานออกไป

เยี่ยนชิงขมวดคิ้ว

ตู้อวี๋ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างว่าง่าย ในใจก็ภาวนาขอพรพระไปด้วย

แต่เมื่อสายรุ้งเส้นยาวพาดผ่านอากาศสูงเหนือศีรษะมุ่งไปทางทะเลสาบชางอวิ๋น ตู้อวี๋ก็รู้สึกได้ว่าการขอพรพระคงไม่มีประโยชน์สักเท่าไรแล้ว แต่หากในมือมีธูปอยู่สามดอก ตู้อวี๋ก็คงจะปักลงดินไปจริงๆ

บนเกาะเล็กแห่งหนึ่งที่แทบจะถูกปาดราบเป็นหน้ากลอง

ร่างจริงอันใหญ่โตมโหฬารของอินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบเลื้อยล้อมวนไปรอบเกาะอย่างเชื่องช้า

มังกรน้ำสองตัวที่เกิดจากการควบคุมของร่างทองเทพลำคลองต่อสู้จนเลือดขึ้นตา พากันพุ่งกระโจนเข้าเข่นฆ่าเงาร่างสีเขียวนั้นอย่างบ้าคลั่ง

ส่วนงูน้ำสีหมึกที่เจ้าแห่งคูน้ำเสาซีเป็นผู้ควบคุมนั้นก็กำลังลอยตัวอยู่บนผิวทะเลสาบนอกเกาะ เนื้อหนังมังสาของเจ้าแห่งคูน้ำที่ซ่อนตัวอยู่ในวังมังกรกำลังนั่งโงนเงนบนเบาะใบหนึ่ง เจ้าแห่งคูน้ำเสาซีผู้นี้สีหน้าซีดขาวราวกับหิมะ รู้สึกเพียงว่ากระดูกทั่วร่างเหมือนถูกทุบจนเละ

เทพลำคลองสองคนที่อยู่ใกล้กันต่างก็ยืนอยู่บนเบาะรองนั่ง หลับตาเพ่งสมาธิ แสงสีทองไหลวนไปทั่วร่าง อีกทั้งยังมีปราณวิญญาณชะตาน้ำของวังมังกรไหลกรูเข้ามายังร่างทองของพวกเขาไม่ขาดสาย

เพียงแต่ว่าเรือนกายอยู่ที่นี่ก็เพื่อสะดวกให้ดึงเอาชะตาน้ำที่เข้มข้นมาจากวังมังกร แต่ร่างทองที่แท้จริงของเทพวารีสองลำคลองหนึ่งคูน้ำนี้กลับผสานรวมอยู่กับมังกรน้ำทั้งสามตัวไปแล้ว

มังกรน้ำตัวหนึ่งใช้หัวที่ใหญ่โตพุ่งชนชายชุดเขียว

แต่กลับถูกอีกฝ่ายใช้ฝ่ามือยันศีรษะเอาไว้ เพียงเท่านั้นก็ไม่อาจขยับเคลื่อนหน้าได้อีก

คนผู้นั้นยิ้มบางเอ่ยว่า “เริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้วใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็เปลี่ยนมาเป็นทีของข้าบ้างดีไหม?”

เฉินผิงอันคีบเอายันต์แสงสว่างอวี้ชิงที่สร้างขึ้นด้วยวิชาลับของตำหนักนภากาศหน่วยฉงเสวียนออกมาแผ่นหนึ่ง เขาท่องคาถาของยันต์นี้สำเร็จตั้งนานแล้ว ครั้นจึงขว้างมันออกไปกลางอากาศสูง

แสงสว่างพลันระเบิดเจิดจ้า

ประหนึ่งพระอาทิตย์ดวงใหญ่ที่ส่องสว่างในโลกมืด

เนื่องจากไม่ได้จงใจเน้นในเรื่องของอาณาเขตที่กว้างขวาง การกดกำราบพันธนาการที่มีต่อเกาะแห่งนี้จึงยิ่งแข็งแกร่งมิอาจทำลายมากยิ่งขึ้น

มังกรน้ำที่เป็นร่างจำแลงของเทพลำคลองท่านนี้คิดจะสะบัดหัวถอยหนี

ทว่าเมื่อคนชุดเขียวก้าวออกมาหนึ่งก้าว ก็บิดฝ่ามือข้างที่ตั้งตรงต้านรับการโจมตีของศีรษะมังกรน้ำเบาๆ เปลี่ยนมือเป็นสันมีดฟันผ่าไปเบื้องหน้า

ตลอดทางที่สันมือสับลงไป นับแต่ศีรษะจรดหน้าท้องของมังกรน้ำที่ร่างทองของเทพลำคลองเป็นผู้บัญชาการณ์ก็ถูกผ่าแหวกออก

เมื่อคนผู้นั้นหยุดยืนนิ่ง ในมือก็มีเศษชิ้นส่วนร่างทองขนาดค่อนข้างใหญ่เพิ่มขึ้นมา

เนื้อหนังมังสาของเทพลำคลองที่จำแลงร่างเป็นคนอยู่ในวังมังกรพลันแห้งเหี่ยวแล้วแหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลี

มังกรน้ำอีกตัวหนึ่งเลื่อนลอยไปชั่วขณะ แต่จากนั้นก็เผ่นหนีไปอย่างเสียสติ เพียงแต่ว่าเมื่อมันชนเข้ากับกำแพงตราผนึกที่เป็นแสงจ้าบาดตานั้น ศีรษะก็แตกปริแล้วเกิดรอยร้าวลามไปทั่ว มันข่มกลั้นความเจ็บปวดทรมาน หมายจะขุดดินหนีไป ขอแค่มุดผ่านรากภูเขาของเกาะแห่งนี้ไปได้แล้วเข้าใกล้น้ำ มันก็มีโอกาสที่จะหนีรอดแล้ว

เพียงแต่ว่านาทีถัดมามันก็รู้สึกเหมือนถูกอะไรทุบหนักๆ เข้าที่หัว ตามมาด้วยร่างที่ถลาลื่นไปด้านหน้า ทำให้พื้นผิวของเกาะเกิดร่องลึกที่ถูกไถครูดเส้นหนึ่ง

ภายใต้หมัดของบุรุษชุดเขียวสะพายกระบี่ที่พุ่งตัวมาอยู่เหนือศีรษะของมังกรน้ำ

ตลอดทั้งเกาะเล็กพลันสั่นสะเทือน ฝุ่นจำนวนนับไม่ถ้วนคลุ้งตลบ น้ำทะเลสาบที่เดิมทีซัดกระทบฝั่งอย่างรุนแรงก็ยิ่งเกิดลูกคลื่นที่ซัดย้อนกลับไปทางเดิม

กลายเป็นเศษชิ้นส่วนร่างทองของเทพลำคลองอีกหนึ่งชิ้นที่ถูกคนผู้นั้นกุมไว้ในฝ่ามือ

หันไปมองอีกที

อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบกลับหายตัวไปแล้ว

นี่ก็เป็นเรื่องปกติ เดิมทีก็เป็นแค่วิธีการเล็กๆ ที่ใช้ไล่จู่โจมไปทีละจุดเท่านั้น หากเจ้าแห่งทะเลสาบผู้นั้นบุกเข้ามาในอาณาเขตของค่ายกล ในชายแขนเสื้อของเขายังมียันต์ที่มีมูลค่ามากกว่าอีกแผ่นหนึ่งรออยู่ และตนก็จะได้ยกอาหารจานหลักคืนกลับไปให้ทะเลสาบชางอวิ๋นได้พอดี

หางตาของเฉินผิงอันชำเลืองไปมองเจียวน้ำสีหมึกตัวเล็กที่แกล้งตายลอยอยู่บนผิวทะเลสาบ จากนั้นก็สะบัดหางพุ่งตัวเข้าไปในน้ำจนเกิดสะเก็ดน้ำลูกใหญ่แตกกระจาย

เฉินผิงอันตบน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่หนึ่งครั้ง กระบี่บินสืออู่ก็พุ่งพรวดออกไป

จุดที่เฉินผิงอันมองไปก็คือทิศทางที่อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบหนีไป

เจี้ยนเซียนที่สะพายอยู่ด้านหลังออกจากฝักมาด้วยตัวเองสามชุ่น

เฉินผิงอันหรี่ตาลง มองไปยังทะเลเมฆที่เริ่มรวมตัวกันหนาหนักมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วเอ่ยเสียงหนัก “กลับไป!”

เจี้ยนเซียนสอดเข้ากลับฝักกระบี่ดังเคร้ง

ดูเหมือนว่าจะไม่พอใจเท่าไร

ร่างของเฉินผิงอันเซไปด้านหลังเล็กน้อย แต่เขายังไม่มีเวลามาทะเลาะกับกระบี่เล่มนี้

เฉินผิงอันยื่นมือออกไปคว้า เรียกยันต์แสงสว่างอวี้ชิงแผ่นนั้นมาไว้ในมือ ยันต์ของตระกูลเซียนส่วนใหญ่มักจะมีข้อหนึ่งที่ไม่ดี นั่นคือเปิดประตูไม่ง่าย ปิดประตูก็ยิ่งยาก หากแก่นของยันต์ถูกเปิดออกก็ได้แต่มองดูแสงศักดิ์สิทธิ์ของยันต์สลายหายไปท่ามกลางฟ้าดินคาตาตัวเอง ผู้ฝึกตนได้แต่ชะลอความเร็วในการปริแตกของแก่นยันต์และการไหลหายไปของปราณวิญญาณ แต่กลับไม่สามารถหยุดยั้งการเผาไหม้ของยันต์ชั้นเยี่ยมได้อย่างสิ้นเชิง ทว่ายันต์แผ่นนี้ หลังจากปิดประตูแล้ว ต่อให้จะกลายเป็นเรือนหลังหนึ่งที่มีรูโหว่รอยรั่วอยู่รอบทิศ แต่ขอแค่ไม่เรียกมันออกมาใช้อีก คิดจะประคับประคองตัวไปอีกสักสิบวันก็ยังไม่ยาก

เขาย่อมต้องมีวิธีให้เจ้าแห่งทะเลสาบชางอวิ๋นผู้นั้นยอมขึ้นฝั่งไปด้วยตัวเองแต่โดยดี คิดจะทำการค้ากับตนก็ต้องยอมเสียเวลาสักเล็กน้อย แต่ความเป็นไปได้ที่มากกว่านั้นก็คืออีกฝ่ายจะยอมขึ้นฝั่งไปด้วยตัวเอง คนชั่วที่มีชีวิตอยู่มานานและปีนป่ายได้สูง ส่วนใหญ่มักไม่ใช่คนโง่ นี่ก็คือเรื่องหนึ่งที่ทำให้คนจนใจอย่างยิ่ง

ตู้อวี๋กำลังจะขยับขาก้าวเดิน แต่มารดามันเถอะ ข้าของเขากลับเหน็บกินเสียนี่

เทพทวารบาลน้อยจากตำหนักขวานผีอย่างตน น่าจะถือว่าทำหน้าที่ได้อย่างรอบคอบระมัดระวัง ต่อให้ไม่มีคุณความชอบก็น่าจะมีคุณความเหนื่อยยากกระมัง?

ผู้อาวุโส สายตาของท่านเฉียบแหลมดุจเทพเซียนผู้เฒ่าบนยอดเขา ก็น่าจะเก็บเอาไปใส่ใจบ้างนะ

เฉินผิงอันเดินอยู่ด้านหน้า ตู้อวี๋เก็บเสื้อเกราะน้ำค้างหวานชิ้นนั้นลง มันจึงเปลี่ยนมาเป็นเม็ดเสื้อเกราะของสำนักการทหารที่ถูกเก็บไปไว้ในชายแขนเสื้อ เดินตามผู้อาวุโสไปด้วยฝีเท้าที่แผ่วเบาราวสายลม พลางถามเบาๆ ว่า “ผู้อาวุโส ในเมื่อพวกเราเล่นงานให้เหล่าเทพวารีทั้งหลายของทะเลสาบชางอวิ๋นถอยร่นไปได้สำเร็จ อีกทั้งพวกผู้ฝึกตนของดินแดนเซียนเป่าต้งกลุ่มนั้นยังเผ่นหนีไปด้วย หลังจากนี้จะเอาอย่างไรต่อ? พวกเราไปทุบศาลของเทพลำคลองสองท่าน หรือไปแย่งชิงสมบัติที่เมืองสุยเจี้ยดีล่ะ?”

เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “พวกเรา?”

ส่วนคำกล่าวที่ว่า ‘เล่นงานให้ถอยร่น’ นั้นจะเป็นคำกล่าวที่ถูกต้องแม่นยำหรือไม่ เฉินผิงอันคร้านจะสนใจ

ตู้อวี๋หัวเราะร่า ไม่รู้สึกลำบากใจแม้แต่น้อย

เพียงแต่ว่าต้องกะกำลังไฟให้ดี หลังจากนั้นตู้อวี๋จึงไม่พูดมากอีก

เพียงแต่ว่าเดินกันไปได้ครู่หนึ่ง ตู้อวี๋ก็อดไม่ไหวถามว่า “ผู้อาวุโส พวกเราจะไปที๋ศาลเทพวารีของเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีหรือ?”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ข้าจะไปพักค้างแรมอยู่ที่นั่นสักสองสามวัน รอให้เจ้าแห่งทะเลสาบขึ้นฝั่งมาคุยเรื่องการค้ากับข้า”

ตู้อวี๋อ้อรับหนึ่งที แล้วก็ไม่กล้าถามอะไรมากอีก

ย้อนกลับทางเดิมไปยังศาลเทพวารี พวกสาวใช้และบ่าวชายของจวน ไม่ว่าจะเป็นผีหรือคนมีชีวิตก็ล้วนแตกฮือเหมือนต้นไม้ล้มวานรแยกย้าย

เฉินผิงอันมาหยุดอยู่ด้านหน้าเรือนในที่แขวนกรอบป้ายคำว่า ‘น้ำเขียวไหลยาว’ แล้วก็เก็บกรอบป้ายนี้เอาไว้ในวัตถุจื่อชื่อ แม้ว่าร่างทองของเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีจะมอดม้วยไปแล้ว แต่กรอบป้ายที่ไม่ธรรมดาแผ่นนี้กลับยังสามารถฟูมฟักปราณวิญญาณชะตาน้ำได้อยู่ มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่าคือวัตถุที่มีค่ามากที่สุดของจวนแห่งนี้แล้ว

เฉินผิงอันปลดหีบไม้ไผ่และงอบสานลง นั่งอยู่บนขั้นบันไดด้านล่างสุด บอกให้ตู้อวี๋ก่อไฟขึ้นในลานกว้าง

แล้วเฉินผิงอันก็เริ่มฝึกท่ายืนนิ่งเจี้ยนหลู

หลังจากผ่านศึกใหญ่มาจำเป็นต้องพักผ่อนบำรุงกำลัง นี่เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะทิ้งโรคร้ายไว้ภายหลัง และจะเป็นภัยแฝงในระยะยาวอย่างหนึ่ง

นอกจากนี้เฉินผิงอันก็ต้องใช้วิธีมองภายในไปมองดูว่างูเหลือมทอง งูเขียวมรกตสองตัวนั้นได้ผ่านการหลอมเล็กอย่างสมบูรณ์แบบแล้วหรือไม่ แล้วจะมีประโยชน์ต่อจวนน้ำอย่างแท้จริงหรือไม่

ตู้อวี๋นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างกองไฟ แอบชำเลืองมองท่านั่งของผู้อาวุโสแวบหนึ่งอย่างไม่คิดอะไร การฝึกวิชาอภินิหารของตระกูลเซียน ใช่ว่าจะมีแค่ท่าทางอย่างเดียวก็ฝึกได้แล้ว

อีกอย่าง คาดว่าด้วยสถานะของผู้อาวุโสตรงหน้าผู้นี้ นี่ต้องเป็นวิชาที่สูงส่งมากอย่างหนึ่งแน่นอน ต่อให้เขาถ่ายทอดคาถาชุดนี้แก่ตนอย่างครบถ้วนสมบูรณ์แบบ ตนก็ไม่มีทางเรียนเป็นอยู่ดี

แสงสีเขียวเส้นหนึ่งแหวกอากาศยามราตรีมาถึง แล้วมุดลอดเข้าไปในกาเหล้าที่อยู่ตรงเอวของผู้อาวุโส

ตู้อวี๋บอกกับตัวเองเงียบๆ ว่า ความประหลาดมหัศจรรย์มีมากมายหลายพันรูปแบบ ไม่มีอะไรให้ต้องแปลกใจ

—–

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!