กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 509

ท่ามกลางแสงดาบเงากระบี่ ประลองกลอุบายปัดแข้งปัดขาอยู่กับพวกคนที่มองกันและกันเป็นศัตรูคู่แค้น ปราณสังหารไหลเวียนวนอยู่ในถ้วยบนโต๊ะสุรา ล้วนถือเป็นการฝึกตน

ส่วนภาพเหตุการณ์ประหลาดแปลกใหม่ที่เกิดขึ้นในแคว้นไหวหวงแคว้นเล็กๆ ทางเหนือแห่งนี้ การที่อยู่ดีๆ ปีศาจก็เพิ่มพรวดขึ้นมา ก็มีความเกี่ยวข้องกับปราณวิญญาณที่ไหลทะลักจากด้านนอกมายังอาณาเขตของหลายสิบแคว้นเช่นกัน ไม่มีบ่อสายฟ้าที่สยบหมื่นสรรพสิ่งนั้นอยู่ แน่นอนว่าพวกมันต้องลิงโลด หลังจากการจำศีลในฤดูหนาวผ่านพ้นไป ทั้งงูและแมลงล้วนพากันกระเหี้ยนกระหือรืออยากแหวกดินออกมา

เพียงแต่ว่าเฉินผิงอันกับผู้ฝึกตนเบื้องหลังซึ่งเป็นยอดฝีมือของแคว้นเมิ่งเหลียงกับคนที่มีนามว่าเซี่ยเจินนี้ ตอนนี้ยังไม่ถือว่าแตกหักกันอย่างสิ้นเชิง เหนือโอสถทองขึ้นไป ก่อกำเนิดยังพูดได้ง่าย จะตีกันหรือไม่ก็ยังหนีได้ แต่ขอแค่มีคนหนึ่งเป็นขอบเขตหยกดิบ ไม่จำเป็นต้องทั้งสองคน สำหรับตนก็ถือเป็นปัญหาใหญ่เทียมฟ้าแล้ว เฉินผิงอันไม่มีฟ้าอำนวยดินอวยพรหรือคนสามัคคีใดๆ เลย หากอีกฝ่ายคิดจะสังหารตนโดยไม่สนค่าตอบแทนจริงๆ ด้วยนิสัยของผู้ฝึกตนอุตรกุรุทวีปแล้ว ย่อมไม่มีความลังเลอย่างแน่นอน อยู่ในอุตรกุรุทวีปที่เซียนกระบี่เป็นข้อยกเว้นแห่งนี้ ผู้ฝึกตนต่างถิ่นที่เบื้องหลังมีที่พึ่งตายไปอย่างกะทันหันไม่ได้มีแค่คนสองคนแล้ว

ไม่อย่างนั้นด้วยปราณวิญญาณที่เหมือนกระแสน้ำขึ้นไหลทวนสู่ตอนบนของแม่น้ำลำคลองนี้ หากเฉินผิงอันมีใจอำมหิตเสียหน่อย ก็สามารถใช้หยกของอริยะแผ่นนั้นมาเก็บรวบรวมเป็นของตัวเองได้เลย เพียงแต่ว่าข้ามทวีปมาใช้แผ่นหยกที่แม้แต่หลิวเหล่าเฉิงแห่งทะเลสาบซูเจี่ยนก็ยังหวาดกลัวแผ่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใช้อยู่ในกุรุทวีป จะกลายเป็นภาพเหตุการณ์ที่แตกต่างออกไป เพราะมีข้อต้องห้ามอยู่มาก ไม่แน่ว่าอาจทำให้สำนักศึกษาทั้งทวีปรู้สึกอคติและตำหนิเอาโทษ

คนเบื้องหลังสองคน เมื่อเทียบกับเซี่ยเจินแล้ว เฉินผิงอันกริ่งเกรงผู้ฝึกตนใหญ่ที่มีความเกี่ยวข้องกับแคว้นเมิ่งเหลียงคนนั้นมากกว่า อีกฝ่ายวางแผนการทุกก้าวย่างด้วยความระมัดระวัง ไม่จำเป็นต้องให้คนผู้นั้นลงมือเองแม้แต่น้อย เพียงแค่ส่งลูกน้องมาสองคนก็ได้รับสมบัติหนักของเมืองสุยเจี้ยชิ้นนั้นไปครอง ถึงท้ายที่สุดหากไม่เป็นเพราะตนฝ่าค่ายกลบุกเข้าไปในวังมังกรของทะเลสาบชางอวิ๋น ผู้ฝึกยุทธขอบเขตร่างทองที่จงใจทำตัวเป็นหลานในกลุ่มของผู้ฝึกลมปราณแคว้นเมิ่งเหลียงคนนั้นก็ต้องยังอำพรางตนต่อไปแน่

ได้เห็นตู้อวี๋เพียงคนเดียวก็พอจะรู้สถานการณ์ของตำหนักขวานผีคร่าวๆ เห็นเจ้าแห่งคูน้ำจ่าวซีและฮูหยินแห่งคูน้ำเสาซีก็พอจะเข้าใจขนบธรรมเนียมของทะเลสาบชางอวิ๋นได้พอประมาณ เห็นเยี่ยนชิงก็รู้สภาพการณ์ของดินแดนเซียนเป่าต้ง เห็นเหอลู่ก็รู้ถึงพฤติการณ์ของนครหวงเยว่ ล้วนเป็นหลักการเดียวกันนี้ทั้งสิ้น แน่นอนว่าอาจมีส่วนที่ผิดพลาดไปบ้าง แต่ขอแค่อยู่ด้วยกันนานวันเข้า ได้เห็นผู้ฝึกตนมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะยิ่งขยับเข้าใกล้เรื่องจริงและความจริงมากขึ้น หนึ่งในหมื่นนั้นก็จะเล็กลงตามไปด้วย บางครั้งยังพอจะมองหนึ่งส่วนก็เห็นภาพทั้งหมด นี่คือพูดถึงเทพอภิบาลเมืองประจำศาลของเมืองสุยเจี้ย ฟ่านเหวยหรานและเย่หาน เพราะว่าพวกเขาล้วนเป็นผู้นำของสถานที่หนึ่ง ขนบธรรมเนียมประจำบ้านเป็นอย่างไร ส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นพวกเขาที่เป็นผู้ตัดสินใจ

หนึ่งมองขึ้น หนึ่งมองลง สองอย่างรวมกันก็เหมือนหัวและท้ายสองด้านของเส้นเส้นหนึ่ง หากถูกคนจับปลายทั้งสองด้านขึ้นมา ต่อให้เจ้าจะซุกซ่อนเส้นสายนั้นไว้ได้ยาวเป็นพันลี้ก็ยังยากจะหลบพ้นสายตาของคนผู้นั้นไปได้อยู่ดี

วิถีทางโลกซับซ้อน หากอยากจะใช้ชีวิตได้อย่างผ่อนคลาย ถ้าไม่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาใช้ชีวิตของตัวเองไป เสวยสุขหรือประสบทุกข์ก็ล้วนยอมรับชะตากรรม ก็ต้องได้แต่มองให้มากคิดให้มาก ทว่าอย่างหลังนี้กลับเหนื่อยกายเหนื่อยใจ ภูเขาลูกหนึ่งมักจะสูงกว่าอีกลูกเสมอ ต่อให้เป็นอริยะของแต่ละฝ่ายที่เฝ้าพิทักษ์ฟ้าดินขนาดเล็กเหมือนเทวดาของแต่ละที่ ขอแค่วันใดเดินออกมาจากฟ้าดินขนาดเล็กที่เป็นบ้านของตัวเองก็ต้องเหมือนถูกมัดมือมัดเท้า ไปอาศัยอยู่ใต้ชายคาของคนอื่นอยู่ดี เพราะยังคงต้องทอดสายตามองไปยังเส้นสายมากมายและกฎเกณฑ์ยิบย่อยในโลกมนุษย์

การใช้เหตุผล อาจไม่มีประโยชน์เสมอไป

การเข้าใจกฎเกณฑ์ ย่อมไม่ใช่เรื่องร้ายอย่างแน่นอน

อินโหวเจ้าแห่งทะเลสาบมีเหตุผลหรือไม่? แต่เขากลับเข้าใจหลักการการหากฎเกณฑ์ของผู้อื่น คว้าจับเส้นสายในการกระทำของเฉินผิงอันไว้ได้ ดังนั้นเหนือทะเลสาบชางอวิ๋นถึงได้มีเมฆมืดทะมึนหนาชั้นแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ เฉินผิงอันจึงไม่กล้าฆ่าเขา ด้วยกลัวว่าน้ำในหนึ่งทะเลสาบสามลำคลองและสองคูจะไหลทะลัก เกิดน้ำท่วมกลายเป็นภัยพิบัติสำหรับชาวบ้านที่บริสุทธิ์จำนวนนับไม่ถ้วน ตอนอยู่ในวังมังกร เขาไม่ได้สมควรตายน้อยไปกว่าเย่หานหรือฟ่านเหวยหรานเลย แต่เขาเป็นฝ่ายให้คำสัญญาด้วยตัวเองว่าในอนาคตยินดีจะปกป้องปวงประชาในอาณาเขต ชดเชยซ่อมแซมชะตาแห่งภูเขาแม่น้ำ ทำความดีชดใช้ความผิด ดังนั้นไม่ว่าจะหนึ่งหมัดหรือหนึ่งกระบี่ของเซียนกระบี่ชุดเขียวก็ล้วนไม่ได้ร่วงใส่หัวเขา

จากนั้นนักเล่านิทานกับลูกศิษย์ของเขาก็สวาปามกินอาหารกันอย่างหิวโหย

เฉินผิงอันเพียงแค่ดื่มเหล้าในถ้วยตัวเองไปช้าๆ ไม่ได้ขยับตะเกียบมาตั้งแต่แรก

นักเล่านิทานส่งเสียงเรอดังเอิ้ก ก่อนจะยิ้มแต้เอ่ยว่า “คุณชายไม่กินอะไรเลยสักคำ เอาแต่ดื่มเหล้าอย่างเดียว ไม่หิวเลยหรือ?”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ไม่หิวจริงๆ แล้วนับประสาอะไรกับที่ข้ารู้สึกว่าอาหารมื้อนี้สมควรเป็นของท่านผู้เฒ่า”

ผู้เฒ่ากล่าวอย่างจนใจ “เหตุใดข้าถึงได้รู้สึกว่าคำพูดของคุณชายเหมือนลาหัวโล้นที่ท่องพระคัมภีร์ ทำให้คนฟังไม่เข้าใจเอาเสียเลย”

เฉินผิงอันถาม “ท่านผู้เฒ่าจะผ่านด่านไปที่เมืองอิ๋นผิงเมื่อไหร่หรือ?”

ผู้เฒ่ายิ้มกล่าว “จะไปเดี๋ยวนี้เลย กินดื่มอิ่มหนำแล้ว ใช่แล้ว ข้าเรียนวิชาการดูรูปลักษณ์มาบ้าง คุณชายเลี้ยงข้าวข้ามื้อนี้ ไม่อย่างนั้นก็ให้ข้าช่วยดูดวงแทนคุณชายดีไหม? คุณชายวางใจเถอะ ไม่เก็บเงินแน่นอน”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนท่านผู้เฒ่าแล้ว”

ผู้เฒ่าหยิบเหรียญทองแดงสองสามเหรียญที่ได้มาก่อนหน้านี้ออกมาจากชายแขนเสื้อ แล้วจึงโยนลงบนโต๊ะ จากนั้นก็ลูบหนวดใช้ความคิด เงียบงันไปครู่ใหญ่

เฉินผิงอันเพียงยิ้มไม่เอ่ยอะไร

ผู้เฒ่าใช้นิ้วขยับเหรียญทองแดงบนโต๊ะเบาๆ ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คุณชายมีจิตใจที่ดีงาม คือคนที่มีโชควาสนาลึกล้ำ แต่ก็ต้องจำไว้ว่า คนมีโชคไม่ไปเยือนสถานที่อับโชค คำพูดเก่าแก่โบราณไม่ใช่แค่คำพูดจากปากเปล่าไร้หลักฐาน คนฟังไม่ควรมองข้าม ข้าว่าคุณชายเดินทางมาเที่ยวแคว้นไหวหวงทางทิศเหนือครั้งนี้ สามารถไปได้ทุกที่ มีเพียงภูเขาจี้หวนที่อยู่ห่างไปข้างหน้าร้อยกว่าลี้เท่านั้นที่ไม่ควรไป สำหรับคุณชายแล้ว ที่นั่นก็คือสถานที่อับโชค ไปเยือนอาจไม่ได้มีอันตรายใหญ่หลวงอะไรเสมอไป แต่หากเจอพวกคนชั่วมาขวางทางเข้าจริงๆ เกิดปัญหาแทรกซ้อนขึ้นมา ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องดี”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ตกลง ข้าจะเชื่อท่านผู้เฒ่า จะอ้อมผ่านภูเขาจี้หวนไป”

ผู้เฒ่าเงยหน้า “คุณชายเชื่อจริงๆ หรือ?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!