เพื่อแบ่งสมาธิมาบังคับให้คักขราชิ้นนั้นหลุดออกจากพื้นไปช่วยคน อาคมของภิกษุเฒ่าจึงเริ่มเกิดช่องโหว่ พายุหมุนทรายสีทองยิ่งมีพลังอำนาจดุดัน ดอกบัวสีทองในพื้นที่โดยรอบที่กินบริเวณไม่กว้างเหลืออีกไม่มากแล้ว
และในขณะที่ภิกษุเฒ่ากำลังจะถูกทรายเหลืองห่อหุ้มแล้วกัดกินทำลายร่างทองของเขาไปอย่างสิ้นเชิงนั้นเอง ข้างหูก็มีเสียงกระซิบทุ้มอบอุ่นดังขึ้นมา “ต้าซือแค่เข้าฌานท่องพระธรรมต่อไปเถิด ข้าน้อยโชคดีได้มารับฟังก็ซาบซึ้งใจเป็นที่สุดแล้ว”
จากนั้นคนหนุ่มที่เดินหน้าหนึ่งก้าวร่างก็พุ่งออกไปหลายสิบจั้ง ก็ส่งเสียงว่า “ตามข้ามาปราบปีศาจ!”
เห็นเพียงว่าหีบไม้ไผ่เปิดออกด้วยตัวเอง เชือกพันธนาการปีศาจสีทองเส้นหนึ่งพุ่งออกมาเหมือนเจียวหลงสีทองที่ติดตามเงาร่างสีขาวหิมะ บุกตะลุยไปเบื้องหน้าด้วยกัน
เชือกพันธนาการปีศาจมุดลอดเข้าไปในพายุหมุนทรายเหลือง กักกันชุดคลุมสีเหลืองนั้นเอาไว้
ส่วนบัณฑิตชุดขาวก็แค่ออกหมัดรัวเร็วเหมือนฟ้าผ่าเท่านั้น
เพียงแต่ว่าพลังอำนาจของหมัดลมกรดน่าหวาดกลัว อานุภาพน่าครั่นคร้าม ทว่าบัณฑิตกลับก้าวเดินอย่างผ่อนคลาย และเพียงแค่เขาโบกสะบัดชายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง พายุหมุนงวงช้างทั้งลูกที่พวยพุ่งเชื่อมแผ่นฟ้าก็ถูกต่อยให้ขาดออกเป็นสองท่อน
ภิกษุเฒ่าลืมตาขึ้นช้าๆ ยิ้มบางๆ สิบนิ้วพนม ก้มหน้าแต่กลับไม่ท่องพระคัมภีร์ เพียงพึมพำกับตัวเองว่า “พลานุภาพและคุณธรรมสูงสง่า ตั้งใจพิศให้กระจ่าง เสียดายที่ไร้น้ำชา มิเช่นนั้นคงได้นั่งลง”
ชุดสีขาวกับพายุหมุนลูกนั้นเคลื่อนตัวต่อสู้กันห่างไปไกลแล้ว
ภิกษุลุกขึ้นยืนช้าๆ หมุนตัวเดินไปทางหีบไม้ไผ่ คว้าคักขราห่วงเงินที่นิ่งสงบไร้เสียงใดมาไว้ในมือ แล้วภิกษุเฒ่าก็ท่องพระธรรมหนึ่งคำ ครั้นจึงก้าวยาวๆ จากไป
ท่ามกลางม่านราตรีของวันนี้
บัณฑิตชุดขาวสะพายหีบไม้ไผ่ถือไม้เท้าเดินป่ากำลังเดินหน้าไปช้าๆ
บนฝ่าเท้ามีแม่นางน้อยชุดดำคนหนึ่งที่ใช้สองมือกอดข้อเท้าของเขาเอาไว้แน่นห้อยติดมาด้วย ดังนั้นทุกก้าวที่เดินจึงต้องลากแม่นางน้อยที่เหมือนขนมหนิวผีถัง (ขนมมีชื่อชนิดหนึ่งของเจียงซู หยางโจว หากเป็นในไทยก็คือขนมคอเป็ด/ขนมคอหงส์ เปรียบเปรยขนมชิ้นนี้กับคนที่หน้าหนาหน้าทน ตอแยพัวพันไม่ยอมเลิกรา) ผู้นี้ออกไปด้วย
เฉินผิงอันก็ไม่คิดจะก้มหน้า “เจ้าจะตอแยข้าอย่างนี้ใช่ไหม?”
แม่นางน้อยที่บนร่างรัดห่อสัมภาระห่อหนึ่งเอาไว้พยักหน้ารับ “ในห่อสัมภาระของข้าคือทรัพย์สมบัติใต้ทะเลสาบ ไม่ว่าอย่างไรก็มีค่ามากเกินกว่าหนึ่งเหรียญเงินฝนธัญพืชแน่นอน ตกลงกันก่อนว่าข้าจะยกมันให้เจ้าทั้งหมด แต่เจ้าจำเป็นต้องช่วยข้าหาบัณฑิตคนหนึ่งที่เขียนหนังสือได้ ให้เขามาช่วยเขียนเรื่องราวอันน่าตระการตาที่ในเรื่องข้าดุร้ายอำมหิต น่าหวาดกลัวอย่างมาก”
เฉินผิงอันกล่าวอย่างระอาใจ “หากเจ้ายังทำแบบนี้ ข้าจะไม่เกรงใจเจ้าแล้วนะ”
แม่นางน้อยเช็ดน้ำมูกน้ำตาลงบนขาของคนผู้นั้นลวกๆ พูดเสียงสะอื้นว่า “ขอร้องเจ้าล่ะ พาข้าไปท่องยุทธภพด้วยเถอะ เจ้ามีความสามารถมากขนาดนั้น ขนาดบรรพบุรุษหวงเฟิงผู้นั้นยังถูกเจ้าสังหารได้ อยู่กับเจ้า ข้าก็ไม่ต้องกลุ้มเรื่องกินอยู่ ข้าจะต้องหาบัณฑิตคนนั้นให้เจอให้จงได้ ให้เขาเขียนเรื่องราวของข้า ข้าต้องการมีชื่อเสียงอยู่ในประวัติศาสตร์ ทุกครอบครัวทุกตระกูลต้องรู้ว่าข้าคือภูตน้ำใหญ่แห่งทะเลสาบคนใบ้”
เฉินผิงอันหยุดเดิน ก้มหน้าถาม “ยังไม่ปล่อยมือ?”
ตีให้ตายแม่นางน้อยชุดดำก็ไม่ยอมปล่อยมือ นางโคลงศีรษะ เช็ดคราบน้ำมูกน้ำตาบนใบหน้าของตนเองกับชายชุดคลุมสีขาวของคนผู้นั้น จากนั้นจึงเงยหน้า ยู่ใบหน้าเอ่ยว่า “ข้าไม่ปล่อย”
เฉินผิงอันยกขาขึ้น “ไปเลย”
แม่นางน้อยถูกเตะโด่งลอยไปยังทะเลสาบมรกตขนาดเล็กแห่งนั้นโดยตรง นางกลิ้งหลุนๆ อยู่กลางอากาศไม่หยุด ลากเอาเส้นโค้งที่ยาวเหยียดเส้นหนึ่งตามหลังไป
ครู่หนึ่งต่อมา
เฉินผิงอันหันกลับไปมอง
ห่างไปไกลมีแมลงตามก้นตามติดมาอีกครั้ง พอเห็นว่าเขาหันหน้าไปมองก็รีบหยุดยืนนิ่ง แหงนหน้ามองดวงจันทร์
เฉินผิงอันถอนหายใจ “อยู่ข้างกายข้า ไม่แน่ว่าเจ้าอาจตายได้”
เจ้าตัวน้อยวิ่งตุปัดตุเป๋มาข้างหน้า แต่พอเห็นว่าบัณฑิตชุดขาวคนนั้นขมวดคิ้วก็รีบหยุดกึก พูดอย่างอัดอั้นว่า “ใครบ้างไม่ต้องตาย ถึงอย่างไรก็ล้วนต้องตายกันทุกคน ข้าไม่กลัวเรื่องนี้สักหน่อย ข้าแค่อยากให้ทุกคนรู้จักข้า พอรู้จักแล้ว ต่อให้ต้องตายก็ตายเถอะ”
เฉินผิงอันเดินไปข้างหน้าต่อ
นางจึงเดินตามมาด้านหลัง
ระหว่างนี้นางนั่งยองลงบนพื้น จ้องเป๋งไปบนพื้นดิน เอียงศีรษะ จากนั้นจู่ๆ ก็แสยะปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคมออกกว้าง งับจิ้งเหลนตัวหนึ่งกลืนลงท้องไป
พอลุกขึ้นยืน แม่นางน้อยที่ด้านหลังสะพายห่อสัมภาระก็ยิ้มหน้าบาน “อร่อย!”
เพียงแต่จู่ๆ นางก็สังเกตเห็นว่าคนผู้นั้นหันหน้ากลับมา
นางรีบวางสีหน้านิ่งขึง สายตาล่อกแล่กอยู่ไม่นิ่ง เพียงแต่อดขยับแก้มน้อยๆ ไม่ได้
คนผู้นั้นคลี่ยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นก็ตามมาเถอะ ข้าจะพยายามช่วยหาที่พักพิงให้เจ้าก่อนจะไปถึงสวนน้ำค้างวสันต์ก็แล้วกัน แต่เรื่องไม่น่าฟังเอามาพูดกันก่อน หากเจ้าคิดเปลี่ยนใจขึ้นมากลางคัน อยากจะกลับมาที่ทะเลสาบคนใบ้ เจ้าก็ต้องกลับมาเอง ข้าจะไม่สนใจเจ้า”
นางวิ่งตะบึงมาหยุดข้างกายคนผู้นั้น ยืดอกตั้งเอ่ยว่า “ข้าหรือจะเปลี่ยนใจ? หึหึ ข้าคือภูตน้ำใหญ่เชียวนะ!”
คนผู้นั้นอืมรับหนึ่งที “ภูตน้ำใหญ่ที่ตัวเท่าเมล็ดข้าวสาร”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!