กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 514

จู๋เฉวียนเงียบงันไปนาน จากนั้นก็เปิดปากเอ่ยสัพยอกว่า “ยังขาดอีกหนึ่งขอบเขตไม่ใช่หรือ? คิดว่าตัวเองเป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตทะยานลมจริงๆ หรือไร?”

เฉินผิงอันที่ใต้ฝ่าเท้าไม่มีเจี้ยนเซียนกระทืบเท้าเบาๆ ทะเลเมฆก็มารวมตัวกันคล้ายวัตถุที่จับต้องได้จริง เหมือนแผ่นหินหยกขาว เวทคาถาตระกูลเซียนช่างลี้ลับมหัศจรรย์เสียจริง เขาจึงยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ขอบคุณ”

จู๋เฉวียนยิ้มกล่าว “ได้พูดออกมาแล้ว รู้สึกสบายใจขึ้นบ้างไหม?”

เฉินผิงอันสอดสองมือรองไว้ใต้ท้ายทอย “ดีขึ้นมากเลยล่ะ”

จู๋เฉวียนส่ายหน้า “พูดออกมาไม่กี่ประโยค พ่นลมปราณขุ่นมัวไม่กี่คำ ไม่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างแท้จริง หากเจ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป จะกดทับให้ตัวเองทรุดลงได้ จิงชี่เสินของคนคนหนึ่งไม่ใช่ปณิธานหมัด ไม่ใช่การทุบตีหล่อหลอมจนเหลือเล็กเท่าเมล็ดงา แต่พอปล่อยหมัดออกไปแล้วกลับทำให้ฟ้าถล่มดินทลายได้ แต่จิงชี่เสินที่จะดำรงอยู่ได้อย่างยาวนานจำเป็นต้องยิ่งใหญ่สง่าผ่าเผย แต่คำพูดบางอย่าง ข้าที่เป็นคนนอก ต่อให้จะเป็นคำพูดที่ข้ารู้สึกว่าดี แต่อันที่จริงก็ถือว่าเป็นคนยืนพูดไม่ปวดเอว ก็เหมือนกับการไล่ฆ่าเกาเฉิงครั้งนี้ที่หากเปลี่ยนมาเป็นข้าจู๋เฉวียน สมมติว่าข้ามีตบะและขอบเขตเหมือนกับเจ้า ป่านนี้ก็คงตายไปหลายสิบรอบแล้ว”

เฉินผิงอันกล่าวอย่างจริงใจ “ดังนั้นข้าถึงได้เคารพเลื่อมใสเจ้าสำนักจู๋ แม้บนมหามรรคาจะยากลำบาก แต่กลับเดินได้อย่างองอาจเสรี”

จะมีผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่บนยอดเขาสักกี่คนที่เมื่ออยู่ภายใต้สถานที่ตัวเองตั้งใจทำเต็มที่อย่างดีที่สุดแล้ว แล้วยังกล้าพูดว่าเป็นความผิดของตน ข้าติดค้างน้ำใจเจ้าใหญ่เทียมฟ้า

จู๋เฉวียนดึงมือข้างหนึ่งออกมาโบกชายแขนเสื้อเป็นวงกว้าง “พูดประจบให้มันน้อยๆ หน่อย ข้าไม่มีภาพเทพหญิงฉบับเติมเต็มมาให้เจ้าหรอกนะ”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ข้าขอนอนสักครู่ เจ้าสำนักจู๋อย่าได้รู้สึกว่าข้าไม่ให้ความเคารพ”

จู๋เฉวียนยื่นมือออกมา “ใต้หล้านี้ไม่มีเหล้ากาใดที่สยบจู๋เฉวียนไม่ได้”

เฉินผิงอันกำลังจะหยิบกาเหล้าออกมาจากวัตถุจื่อชื่อ แต่จู๋เฉวียนกลับถลึงตาเอ่ยว่า “ต้องเป็นสุราดี! เลิกเอาเหล้าหมักข้าวในหมู่ชาวบ้านมาหลอกข้าเสียที ข้าจู๋เฉวียนเกิดและเติบโตมาบนภูเขา ไม่อาจรองรับพวกชาวบ้านร้านตลาดได้ ชีวิตนี้ได้แต่ผลาญเวลาหมดไปกับพวกโครงกระดูกของหุบเขาผีร้ายที่อยู่หน้าประตูบ้านตัวเอง ยิ่งไม่มีอารมณ์คิดถึงบ้านเกิดใดๆ ทั้งสิ้น!”

เฉินผิงอันรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย เหล้าหมักตระกูลเซียนที่อยู่ในวัตถุจื่อชื่อเหลืออีกไม่มากแล้ว ด้วยนิสัยและลูกไม้ในการหลอกขอสุราของจู๋เฉวียนนี้ คงเผชิญกับการยื่นมือออกมาของนางได้แค่ไม่กี่ครั้งจริงๆ

แต่กระนั้นเขาก็ยังเอาเหล้าออกมา ไม่เพียงเท่านี้ เฉินผิงอันยังเอาเหล้าหมักตระกูลเซียนที่มีรากฐานไม่เหมือนกันออกมาถึงสามกาโดยตรง มีเหล้าหมักกุ้ยฮวาของนครมังกรเฒ่า มีเหล้าหมักเซียนน้ำบ่อของท่าเรือหางผึ้ง แล้วก็มีเหล้าเหงื่อม้าจื่อหลิวของทะเลสาบซูเจี่ยน เขาโยนให้นางเบาๆ ไปทีละกา แล้วก็จริงดังคาด จู๋เฉวียนเก็บสองกาไปไว้ในฟ้าดินชายแขนเสื้อของตัวเองก่อน แล้วถึงกล่าวด้วยความลำบากใจเล็กน้อย “ค่อนข้างมากแล้ว เกรงใจจริง”

เฉินผิงอันนอนอยู่บนทะเลเมฆที่เป็นดั่งกระดานหินหยก เหมือนกับปีนั้นที่นอนอยู่บนระเบียงไผ่เขียวของเรือนชุยตงซานในสำนักศึกษาซานหยา ไม่ใช่บ้านเกิด แต่ก็คล้ายบ้านเกิด

ตลอดทางหลังออกมาจากชายหาดโครงกระดูก เขาเหนื่อยมากจริงๆ

จู๋เฉวียนนั่งอยู่ข้างกาย วางแม่นางน้อยชุดดำไว้ด้านข้างเบาๆ นางโบกสะบัดชายแขนเสื้อให้พายุลมกรดบนท้องฟ้าอ้อมผ่านแม่นางน้อยไปดั่งน้ำที่เจอเสาหิน นางยังคงนอนหลับฝันหวาน ไร้ทุกข์และไร้กังวล

จู๋เฉวียนดื่มเหล้า พูดอย่างกลัดกลุ้มว่า “อิงตามคำบอกของเจ้าก่อนหน้านี้ ถ้าเกาเฉิงรู้ว่าตัวเองต้องตาย แล้วคิดจะให้พินาศวอดวายกันไปหมดจริง หากเขาคิดจะลากนครจิงกวานและหุบเขาผีร้ายให้ตายตกตามกันไปด้วย ภูเขามู่อีก็ไม่เพียงแต่ต้องโดนทุบทำลายจนเละ ชายหาดโครงกระดูกเองก็คงต้องพังทลายลงไปเหมือนกัน และลำคลองเหยาเย่ก็ต้องเดือดร้อนไปด้วย บวกกับปราณชั่วร้ายในหุบเขาผีร้ายที่จะต้องลามขยายออกไปทางตอนบน คนนับพันนับหมื่นในหลายแคว้นนั้น ไม่รู้ว่าต้องตายกันไปกี่มากน้อย สมกับคำว่า ‘พลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน’ อย่างแท้จริง”

เฉินผิงอันกล่าว “ไม่ใช่ถ้าหาก แต่เป็นแน่นอน”

จู๋เฉวียนกล่าวอย่างปลงอนิจจัง “นั่นสิ”

เฉินผิงอันเอ่ยเนิบช้าว่า “เจ้าสำนักจู๋รู้หรือไม่ว่ากระแสผู้คนที่ไปเยือนนครปี้ฮว่าในแต่ละวัน ชาวบ้านที่อยู่ในตลาดด่านไน่เหอ พรรคและสำนักที่ตั้งอยู่ในชายหาดโครงกระดูก มีจำนวนเท่าไร? รู้หรือไม่ว่าจำนวนประชากรที่อยู่ตามแคว้นต่างๆ ทางตอนบนของลำคลองเหยาเย่มีมากแค่ไหน?”

จู๋เฉวียนอึ้งตะลึงไปพักหนึ่ง “ข้าจะต้องรู้เรื่องพวกนี้ไปทำไม ข้าไม่มีเวลามาสนใจจริงๆ ทั้งต้องฝึกตนเหมือนเต่าคลาน แล้วยังต้องเป็นเจ้าสำนักอย่างยากลำบากนี่ แค่นี้ก็เหนื่อยมากแล้ว”

เฉินผิงอันเอ่ย “ตอนที่ข้าเดินทางผ่านชายหาดโครงกระดูก เคยได้เห็นมาก่อน คำนวณมาก่อน สืบข่าวมาก่อนและพลิกเปิดตำรามาก่อน ดังนั้นข้าถึงได้รู้”

จู๋เฉวียนกล่าวอย่างระอาใจ “เฉินผิงอัน ข้าไม่ได้จะว่าเจ้าหรอกนะ แต่ในหัวของเจ้าวันๆ เอาแต่คิดถึงเรื่องอะไรอยู่กันแน่?”

เฉินผิงอันสอดสองมือรองใต้ท้ายทอยต่างหมอน “หลังออกมาจากภูเขามู่อี ข้ามองใครก็คิดว่าเป็นเกาเฉิงไปเสียหมด พอไปถึงเรือนผีของเมืองสุยเจี้ย ข้ามองใครก็ล้วนเป็นเฉินผิงอัน เพราะฉะนั้นข้าเองก็เหนื่อยมากเหมือนกัน”

จู๋เฉวียนกล่าวอย่างกังขา “ถ้าอย่างนั้นทำไมเจ้าต้องมาที่อุตรกุรุทวีป ที่นี่คือสถานที่ที่ชอบรบราฆ่าฟันกันมากที่สุด เจ้าเป็นคนกลัวตายขนาดนี้ ทำไมไม่รอให้ขอบเขตสูงกว่านี้อีกหน่อยแล้วค่อยมา อีกอย่างวิธีการที่ใช้หลบหนีของเจ้าก็ยังน้อยเกินไป รากฐานยังเป็นผู้ฝึกยุทธเต็มตัว ดังนั้นอย่างมากที่สุดก็ได้แค่อาศัยอาวุธกึ่งเซียนหนึ่งชิ้นและยันต์ฟางชุ่นดึงระยะห่างในเสี้ยววินาทีเท่านั้น ในขณะที่ห้าขอบเขตบนอย่างพวกเราและผู้ฝึกลมปราณเซียนดิน มีใครบ้างที่ไม่ใช่ลูกกระต่ายที่สามารถเผ่นไปไกลได้หลายพันลี้ในรวดเดียว หากเจ้าไม่สามารถเข้าประชิดตัว ตัดสินแพ้ชนะได้อย่างรวดเร็ว ย่อมต้องถูกเผาผลาญพลังจนตาย”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!