กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 514

หากสืบสาวราวเรื่องกันถึงแก่นแล้ว จวนเถี่ยชางก็ยังคงเป็นกองกำลังด้านล่างภูเขาในราชสำนักของโลกมนุษย์ สำหรับกฎเกณฑ์ที่ใช้ในวงการขุนนาง พวกเขาย่อมคุ้นเคยดียิ่งกว่าใคร ยิ่งเป็นเช่นนี้ สำหรับพวกผู้ฝึกตนบนภูเขาที่ทำอะไรรวดเร็วฉับไว โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ตรงไปตรงมาด้วยแล้ว อันที่จริงหากคิดจะรับมือก็ไม่ได้ยากเลย

แล้วก็เพราะว่าสกุลเว่ยที่เป็นสามตระกูลใหญ่ของราชวงศ์ต้ากวานมีชาติกำเนิดที่ยิ่งใหญ่ จึงกลับกลายเป็นเมล็ดพันธ์บัณฑิตที่มักจะตายไปก่อนวัยอันควร ทว่าตัวอ่อนแม่ทัพบู๊มีน้อยนักหรือ? ไม่น้อยเลย ลูกหลานตระกูลสูงศักดิ์หลายคนที่ไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม ตอนเป็นขุนนางในเมืองหลวงก็ยังดีอยู่ แต่พอต้องไปเป็นขุนนางประจำแต่ละพื้นที่ เป็นขุนนางผู้ช่วยของเจ้าเมืองหรือเป็นนายอำเภออะไรพวกนั้น ยามที่พวกจิ้งจอกเฒ่าในวงการขุนนางคิดจะเล่นงานพวกเขาก็เรียกได้ว่ามีวิธีสารพัดรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบลึกลับอำพราง หรือแบบที่ทำให้คนสะอิดสะเอียน ปั่นหัวจนพวกเขาหัวหมุน ไม่ต่างจากเอามีดทื่อแร่เนื้อ ดังนั้นตลอดหลายปีมานี้สกุลเว่ยจึงปกป้องเว่ยป๋ายอย่างสุดกำลังความสามารถ ถึงขั้นได้ยินเสียงนกร้องเสียงลมพัดยังขวัญผวา เพราะกลัวว่าจู่ๆ วันใดคุณชายน้อยจะตายไปกะทันหัน หลังจบเรื่องแม้แต่ตัวศัตรูที่สังหารเขาก็ยังควานหาไม่เจอ

แต่ในอดีตทุกครั้งที่คุณชายน้อยออกเดินทาง กลับกลายเป็นว่าปลอดภัยมากที่สุด เส้นทางถูกกำหนดไว้แน่นอน มีองค์รักษ์ข้ารับใช้คอยติดตาม มีตระกูลเซียนให้การรับรองต้อนรับ ด้วยเหตุนี้ยังสามารถล่อกองกำลังฝ่ายตรงข้ามที่อำพรางตัวได้อย่างลึกล้ำออกมาได้ จากนั้นก็สืบสาวเบาะแสไป ทำให้จวนเถี่ยชางถือโอกาสกวาดล้างภัยร้ายที่ซ่อนอยู่อย่างลับๆ ไปได้ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นในราชสำนัก บนภูเขาหรือในยุทธภพก็ล้วนมีครบหมด

มีเพียงครั้งนี้ที่เป็นเรื่องไม่คาดฝันใหญ่เทียมฟ้าอย่างแท้จริง

ตอนนี้เรือข้ามฟากยังคงอยู่ในอาณาเขตของแคว้นใต้อาณัติของราชวงศ์ต้ากวาน ทว่าอีกฝ่ายกลับไม่ยอมไว้หน้าจวนเถี่ยชางและสวนน้ำค้างวสันต์แม้แต่น้อย ก่อนจะลงมือ มีเสียงผู้คนกระซิบกระซาบวิจารณ์กันมากมาย ต่อให้ก่อนหน้านั้นคนผู้นี้จะไม่รู้ถึงตัวตนอันสูงศักดิ์ของคุณชายน้อย ก็น่าจะฟังเข้าใจได้บ้างแล้ว

บัณฑิตชุดขาวใช้พัดพับชี้ไปที่โต๊ะ “ผู้ดูแลใหญ่เรือข้ามฟาก พวกเราคือคนที่เคยทำการค้ากันมาแล้วถึงสองครั้ง จะเกรงใจระมัดระวังตัวเช่นนี้ไปไย นั่งลง ดื่มชาเสียสิ”

บัณฑิตชุดขาวใช้พัดพับกวาดไปบนโต๊ะง่ายๆ ถ้วยชาก็ไถลไปถึงริมขอบโต๊ะด้านหน้าผู้ดูแลเรือ ถ้วยชาอีกครึ่งหนึ่งลอยพ้นขอบโต๊ะออกไป ทำให้ถ้วยชาส่ายไหวน้อยๆ จะตกมิตกแหล่ จากนั้นเขาก็ยกกาน้ำชาขึ้น ผู้ดูแลรีบเดินขึ้นหน้ามาสองก้าว สองมือจับถ้วยชาใบนั้นไว้ ค้อมเอวลง เมื่อยื่นถ้วยชาออกไปแล้ว รอให้เซียนกระบี่ชุดขาวรินชาให้เรียบร้อย เขาถึงได้นั่งลง ตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ยังไม่ได้เอ่ยคำพูดประจบสอพลอที่เกินความจำเป็นแม้แต่คำเดียว

ตอนนี้ยังไม่เข้าสู่หน้าร้อน เรือข้ามฟากลำนี้ของตนก็มีเรื่องมากมายให้กลัดกลุ้มเสียแล้ว

คำว่าการค้าสองครั้งที่อีกฝ่ายเอ่ย หนึ่งคือเรื่องที่เขาควักเงินจ่ายค่าโดยสารเรือลำนี้ อีกหนึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นรายงานข่าวที่ซื้อไป

บัณฑิตชุดขาวยกถ้วยชาขึ้นจิบเนิบนาบ แล้วจึงวางลงบนโต๊ะเบาๆ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้ คลี่พัดเปิดออก พัดเบาๆ เอาลมเย็นเข้าสู่ตัว

เว่ยป๋ายถึงได้ยกถ้วยขึ้นดื่มชาช้าๆ แล้ววางลงรวดเร็วตามอีกฝ่ายไป ส่วนคนดูแลเรือข้ามฟากกลับยกถ้วยชาช้าๆ และดื่มเร็วๆ ตามหลังเว่ยป๋าย จากนั้นก็วางถ้วยชาประคองถือไว้บนฝ่ามือสองข้าง ไม่วางมันลงกับโต๊ะ

บัณฑิตชุดขาวยิ้มกล่าว “ความเข้าใจผิดบางอย่าง คุยกันอย่างตรงไปตรงมาก็รู้เรื่องแล้ว ออกจากบ้านมาอยู่ข้างนอก ควรจะปรองดองกันจึงจะบังเกิดทรัพย์สิน”

เว่ยป๋ายรินชาให้ตัวเองหนึ่งถ้วย เมื่อรินเต็มแล้ว มือหนึ่งถือถ้วย อีกมือหนึ่งประคองรองเอาไว้ ยิ้มพลางพยักหน้ารับ “ผู้อาวุโสเซียนกระบี่ได้ออกมาท่องเที่ยวภูเขาแม่น้ำทั้งที คราวนี้เป็นจวนเถี่ยชางของพวกเราที่ล่วงเกินผู้อาวุโสเซียนกระบี่ ผู้น้อยขอใช้น้ำชาต่างสุรา บังอาจดื่มลงโทษตัวเองหนึ่งถ้วยได้หรือไม่?”

บัณฑิตชุดขาวพยักหน้ารับ

เว่ยป๋ายกระดกดื่มจนหมด

หน้าผากของผู้ดูแลเรือมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ซึมออกมา

ผู้ฝึกตนขอบเขตชมมหาสมุทรอย่างเขาถึงขั้นมีความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็ม

บัณฑิตชุดขาวหันหน้าไปมองผู้ฝึกตนหญิงคนนั้น “เทพธิดาท่านนี้คือ?”

เว่ยป๋ายวางถ้วยชาลงแล้วยิ้มบางๆ ตอบว่า “คือบุตรีโทนของเซียนซือถังแห่งเรือนเย่ฉ่าวสวนน้ำค้างวสันต์ ถังชิงชิง”

บัณฑิตชุดขาวยิ้มกล่าว “ก่อนหน้านี้เทพธิดาถังคือคนแรกในห้องที่คิดจะมาเปิดประตูต้อนรับแขกสินะ สาวงามมีพระคุณยิ่งใหญ่ คุณชายเว่ยอย่าได้ทำผิดต่อนางเชียว”

เว่ยป๋ายพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “แค่รอให้ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายตอบตกลงเท่านั้น”

บัณฑิตชุดขาวอืมรับหนึ่งที แล้วยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “แต่ข้าคาดว่าทางฝั่งของเรือนเย่ถังอาจยังพูดได้ง่าย เพราะบุตรเขยที่ดีอย่างคุณชายเว่ย ใครบ้างจะไม่ชอบ เพียงแต่ทางฝั่งของแม่ทัพใหญ่เว่ยนั่นต่างหากที่น่าจะผ่านด่านได้ยาก เพราะถึงอย่างไรบนภูเขากับล่างภูเขาก็ไม่เหมือนกัน แน่นอนว่ายังต้องดูที่บุพเพวาสนา ตีคู่ยวนยางให้แยกจากไม่ใช่เรื่องดี แตงที่ฝืนเด็ดก่อนเวลาก็ย่อมไม่หวาน”

แม่งเอ๊ย ข้าเว่ยป๋ายได้ถอนหายใจโล่งอกอีกคราหนึ่งแล้ว

ส่วนถังชิงชิงก็ถึงขั้นรู้สึกซาบซึ้งใจนิดๆ

ผู้ฝึกตนของแต่ละฝ่ายที่ยืนอยู่ในห้องไม่ว่าจะเป็นของจวนเถี่ยชางหรือสวนน้ำค้างวสันต์ต่างก็มึนงงไม่เข้าใจ นอกจากตอนแรกที่ยังทำให้คนที่มองดูอยู่สัมผัสได้ถึงปราณสังหารที่ซุ่มซ่อนอยู่ได้เลือนๆ แล้ว เวลานี้ทำไมมองดูแล้วเหมือนคนที่กำลังคุยกันเรื่องสัพเพเหระทั่วไปเลยเล่า?

บัณฑิตชุดขาวพลันเอ่ยว่า “เทพธิดาถังน่าจะรู้จักผู้อาวุโสซ่ง ซ่งหลานเฉียวกระมัง?”

ถังชิงชิงรีบตอบ “ย่อมรู้จัก เจ้าของเรือซ่งคือศิษย์พี่ของบิดาข้า ล้วนเป็นผู้ฝึกตนรุ่นตัวอักษรหลานของสวนน้ำค้างวสันต์”

บัณฑิตชุดขาวยิ้มเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นก็ดี ก่อนหน้านั้นข้าเคยได้นั่งเรือข้ามฟากของผู้อาวุโสซ่ง พวกเราถูกชะตากันอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นสหายต่างวัย ดูท่าเดินทางไปเยือนสวนน้ำค้างวสันต์ครั้งนี้คงต้องรบกวนเรือนเย่ฉ่าวเสียแล้ว”

ถังชิงชิงยิ้มหวาน “ผู้อาวุโสเซียนกระบี่มาเยือนเรือนเย่ฉ่าว นับเป็นเกียรติของพวกเรา”

ต่อให้เป็นเว่ยป๋ายก็ยังรู้สึกอิจฉาความสัมพันธ์ควันธูปครั้งนี้ของถังชิงชิงไม่ได้

บัณฑิตชุดขาวพลันถามว่า “คุณชายเว่ย เซียนกระบี่เด็กหนุ่มที่ผ่านทางมาก่อนหน้านี้พูดจาไม่มีต้นไม่มีปลาย แถมยังบอกว่าจะเลี้ยงน้ำชาข้า เขาเป็นใครชื่อแซ่อะไรหรือ?”

เว่ยป๋ายกล่าว “หากผู้น้อยมองไม่ผิด น่าจะเป็นบรรพจารย์อาน้อยของตำหนักจินอู นามว่าหลิ่วจื้อชิง เซียนกระบี่หลิ่ว”

ถังชิงชิงพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “เซียนกระบี่หลิ่วแห่งตำหนักจินอูผู้นี้ ทุกๆ ระยะเวลาสองสามปีจะต้องไปยังน้ำพุบนภูเขาแห่งหนึ่งที่เขาซื้อจากสวนน้ำค้างวสันต์ของพวกเรามาได้หลายปี เพื่อเอาน้ำมาต้มชา”

บัณฑิตชุดขาวกล่าวอย่างกระจ่างแจ้ง “ข้าเคยอ่านเจอเนื้อหาส่วนนี้จากในตำรา ‘น้ำค้างวสันต์คงเหมันต์’ ของสวนน้ำค้างวสันต์เล่มนั้น ที่แท้เซียนกระบี่ใหญ่ท่านนี้ก็คือหลิ่วจื้อชิงแห่งตำหนักจินอูนี่เอง เลื่อมใสในชื่อเสียงของเขามานานแล้ว หากรู้แต่แรก ก่อนหน้านั้นคงทำหน้าหนาทักทายเซียนกระบี่หลิ่วสักสองสามคำ พอไปถึงสวนน้ำค้างวสันต์จะได้สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองได้บ้าง”

เว่ยป๋ายคลี่ยิ้มเป็นปกติ

ทว่ามุมปากของหญิงชรากลับกระตุกอยู่สองที

น้ำชาอ้อมหมู่บ้านในมือที่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่กล้าดื่มหมดถ้วยนั้นไม่ขม ทว่าในใจของผู้ดูแลเรือข้ามฟากกลับขมขื่นยิ่ง

นายท่านเซียนกระบี่ผู้นี้ เจ้าใช้หนึ่งกระบี่ฟันบ่อสายฟ้าตำหนักจินอูของคนเขา หลิ่วจื้อชิงยังมาเชื้อเชิญเจ้าไปดื่มชาอย่างกระตือรือร้น ท่านผู้อาวุโสยังจะต้องการชื่อเสียงน้อยนิดแค่นี้อีกหรือ? พวกเราช่วยทำตัวเป็นคนตรงไปตรงมากันหน่อยได้ไหม ขอร้องนายท่านเซียนกระบี่โปรดพูดมาตรงๆ เลยเถอะ อย่าได้ทรมานจิตใจคนเช่นนี้ต่อไปจะได้หรือไม่?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!