ตอน บทที่ 514.5 พบเจอข้าชุยตงซาน จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 514.5 พบเจอข้าชุยตงซาน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
จากนั้นโจวหมี่ลี่ก็เห็นว่าเผยเฉียนที่ถือไม้เท้าเดินป่าไว้ในมือกระโดดตัวขึ้น ไปพลิ้วกายอยู่ข้างคนชุดขาวผู้นั้นพอดี แล้วนางก็วาดไม้เท้าออกไปในแนวขวาง
โจวหมี่ลี่เบิกตากว้าง นี่มันเรื่องอะไรกัน ไม้นี่กวาดออกไปค่อนข้างจะช้าอยู่นะ ช้าจนถึงขั้นที่ว่ายามมดย้ายรังยังเร็วกว่าเสียอีก
ส่วนคนชุดขาวผู้นั้นก็เอนตัวไปด้านหลังอย่างเชื่องช้า ชายแขนเสื้อใหญ่สีขาวหิมะทั้งสองข้างค่อยๆ ตวัดขึ้นเหมือนกระดาษเซวียนจื่อสองแผ่นที่ถูกคลี่ออกช้าๆ
หลบพ้นไม้เท้าเดินป่าที่ฟาดเข้าใส่ได้พอดี
ต่อมาก็เป็นเจ้าส่งมาข้าปล่อยกลับ ยังคงช้าจนชวนให้คนตกใจตาย เจ้าฟาดไม้ใส่ ข้ายกขาขึ้นต้าน โจวหมี่ลี่รู้สึกว่าป่านนี้ตนน่าจะวิ่งไปกลับตรอกฉีหลงได้รอบหนึ่งแล้ว
เวลานี้สองคิ้วของโจวหมี่ลี่ขมวดจนแทบจะเป็นก้อนเดียวกัน นางมองแล้วก็ไม่เข้าใจจริงๆ นะ
สุดท้ายเผยเฉียนกับคนชุดขาวที่หน้าตาหล่อเหลามากๆ แต่สมองก็มีปัญหามากๆ ผู้นั้นก็หยุดมือแทบจะเวลาเดียวกัน ต่างคนต่างทำท่ากดลมปราณไว้ตรงจุดตันเถียน
เผยเฉียนอืมหนึ่งที “ยอดฝีมือ! สามารถต้านรับหกกระบวนท่าของวิชากระบี่มารคลั่งชุดนี้ของข้าไว้ได้ คิดจะเล่นงานคนทั้งยุทธภพในหนึ่งแคว้นได้อย่างไร้ศัตรูทัดเทียมก็เพียงพอเหลือแหล่!”
คนชุดขาวผู้นั้นก็พยักหน้ารับ “เป็นเช่นนี้จริง”
โจวหมี่ลี่รู้สึกมึนงงเล็กน้อย ยืนเกาหัวอยู่กับตัวเอง
จากนั้นคนชุดขาวก็ยิ้มกว้างเอ่ยว่า “เจ้าคือโจวหมี่ลี่กระมัง ข้าชื่อชุยตงซาน เจ้าสามารถเรียกข้าว่าศิษย์พี่เล็กได้”
โจวหมี่ลี่รีบลุกขึ้นยืน วิ่งลงมาจากบันได ยืดคอยื่นยาวไปมองคนที่แนะนำตัวเองบอกว่าชื่อชุยตงซานผู้นั้น “เฉินผิงอันบอกว่าเจ้าอาจจะรังแกคนอื่น แต่ข้ามองดูแล้วไม่เห็นเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้นเลย”
คนผู้นั้นโบกชายแขนเสื้อข้างหนึ่ง ตั้งมือจีบนิ้วเป็นท่าดรรชนีกล้วยไม้ อีกมือหนึ่งยกขึ้นปิดหน้า พูดอย่าง ‘เขินอาย’ ว่า “อาจารย์ของข้าชอบล้อเล่นที่สุดแล้ว”
มุมปากโจวหมี่ลี่กระตุก หันหน้าไปมองเผยเฉียน
เผยเฉียนเตะน่องเล็กของชุยตงซานไปหนึ่งที “เป็นการเป็นงานหน่อย อย่าให้อาจารย์ข้าต้องขายหน้า”
ชุยตงซานกระแอมสองที ก่อนจะย่อตัวลงนั่งยอง ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “แค่ยืนเฉยๆ ก็พอ”
โจวหมี่ลี่กะพริบตาปริบๆ
คนผู้นั้นยื่นนิ้วข้างหนึ่งออกมาดันไว้ที่หว่างคิ้วของนางเบาๆ
โจวหมี่ลี่รู้สึกสะลืมสะลือ เหมือนว่าจะง่วงอยู่หน่อยๆ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร อาการปวดแสบก็แล่นปลาบขึ้นตรงหว่างคิ้วของโจวหมี่ลี่ จากนั้นก็ไม่มีอะไรผิดปกติอีก
คนผู้นั้นลุกขึ้นยืนแล้ว เอามือข้างหนึ่งตบศีรษะของโจวหมี่ลี่เบาๆ ยิ้มกล่าวว่า “ไม่เป็นอะไรแล้ว ไปเถอะ กลับร้านกัน”
เผยเฉียนขมวดคิ้ว “ต้องระวังให้มากๆ หน่อยนะ นี่เป็นงานที่อาจารย์ข้ามอบหมายให้เจ้าเชียวนะ!”
ชุยตงซานเอามือข้างหนึ่งไพล่หลัง สองข้างกายมีแม่นางน้อยสองคนเดินขนาบ พูดด้วยสีหน้าระอาใจว่า “รู้แล้วน่า ไปกันเถอะๆ”
ด้านหน้าตรอกฉีหลิง แม่นางน้อยสองคนเดินอาดๆ เหมือนกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยน
นี่เรียกว่าเดินอย่างกำเริบเสิบสาน ปีศาจมารล้วนพรั่นผวา
เผยเฉียนดีกับโจวหมี่ลี่มากจริงๆ นางยังเอายันต์แผ่นหนึ่งที่ตัวเองเก็บไว้เป็นอย่างดีออกมาแตะน้ำลาย แล้วแปะลงบนหน้าผากของโจวหมี่ลี่
ชุยตงซานเดินเนิบช้าตามมาด้านหลังของแม่นางน้อยทั้งสอง เขามองพวกนางแล้วก็คลี่ยิ้ม
รัศมีแห่งตะวันจันทรา
แสงแห่งเมล็ดข้าว
จากนั้นชุยตงซานก็ยกมือข้างที่ไพล่ไว้ด้านหลังขึ้นมาเบาๆ ระหว่างสองนิ้วคีบเศษซากจิตวิญญาณที่ดำสนิทเหมือนกับหมึกเม็ดหนึ่งเอาไว้
ชุยตงซานกระตุกมุมปาก “ขอโทษทีนะ มาพบเจอกับข้าชุยตงซาน ก็ถือว่าเป็นความซวยแปดชาติของเจ้าแล้ว”
……
ท่าเรือของสวนน้ำค้างวสันต์
หลังจากที่ทางศาลบรรพจารย์ได้รับกระบี่บินส่งข่าวจากถังชิงชิง บรรพจารย์ก่อกำเนิดและคนของศาลบรรพจารย์ปรึกษากันแล้วก็ตัดสินใจว่าให้ซ่งหลานเฉียวผู้ดูแลเรือข้ามฟากของสำนักหยุดดูแลเรือข้ามฟากชั่วคราว ระยะเวลาช่วงนี้ก็ให้อยู่ที่สวนน้ำค้างวสันต์ ให้เขาซ่งหลานเฉียวเป็นผู้รับรองเซียนกระบี่หนุ่มต่างถิ่นที่มาจากชายหาดโครงกระดูกผู้นั้นด้วยตัวเองจนกว่างานเลี้ยงอำลาวสันต์จะสิ้นสุด ถึงเวลานั้นหากเซียนกระบี่หนุ่มแซ่เฉินยังเต็มใจจะอยู่พักผ่อนต่อในสวนน้ำค้างวสันต์ แน่นอนว่ายิ่งดี
ซ่งหลานเฉียวมารออยู่ที่ท่าเรือเกือบจะหนึ่งชั่วยามแล้ว แต่กระนั้นเขาก็ยังอารมณ์ดีอยู่มาก ยามทักทายกับคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีก็มีรอยยิ้มจริงใจเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน
ผู้ดูแลเรือข้ามฟากของใต้หล้านี้ล้วนเป็นคนที่น่าสงสารบนเส้นทางของการฝึกตน ทางสำนักไม่ทอดทิ้งก็เหมือนทอดทิ้ง ซ่งหลานเฉียวเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น นอกจากอาจารย์ผู้มีพระคุณของเขาแล้ว ผู้อาวุโสหลายท่านและเค่อชิงผู้ถวายงานคนอื่นๆ ในศาลบรรพจารย์ ต่อให้คนส่วนใหญ่จะมีขอบเขตพอๆ กับเขาซ่งหลานเฉียว มีเพียงแค่ส่วนน้อยที่อาวุโสมากกว่าเขาหนึ่งรุ่น แค่ชื่อเปลี่ยนจากตัวอักษรหลานเป็นตัวอักษรจู๋เท่านั้น แต่พวกเขาก็ยังไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา หนึ่งเพราะอยู่กันคนละสายในสำนัก สองเพราะรายได้ของเรือข้ามฟากตลอดทั้งปีที่ได้มาจากพืชพรรณประหลาดและวัตถุอันดีเยี่ยมที่เป็นผลผลิตของเทือกเขาเจียมู่นั้น อันที่จริงเงินเทพเซียนไม่เคยผ่านมือเขา บนเรือข้ามฟากจะมีคนสนิทที่เป็นผู้สืบทอดสายตรงของศาลบรรพจารย์คอยรับผิดชอบทำหน้าที่สานสัมพันธ์กับกลุ่มอิทธิพลตระกูลเซียนอื่นๆ โดยเฉพาะ เขาก็แค่อาศัยสถานะของเจ้าของเรือมาช่วงชิงส่วนแบ่งที่เป็นดั่งเศษซากน้ำแกงเหลือๆ ถ้วยหนึ่งเท่านั้น หากได้ส่วนพิเศษเกินมา ทางศาลบรรพจารย์ยังซักไซร้เอาผิดว่าได้มากเกินไป อาจไม่ถึงขั้นยากลำบากเกินบรรยาย แต่ถึงอย่างไรชีวิตที่สุขสบายก็มีได้แค่ไม่กี่วันเท่านั้น
เรือข้ามฟากลำหนึ่งค่อยๆ จอดเทียบท่าช้าๆ จากนั้นท่าเรือฝูสุ่ยของสวนน้ำค้างวสันต์ที่เจริญรุ่งเรืองผิดจากที่อื่น รวมไปถึงเรือข้ามฟากน้อยใหญ่ที่มาจากสถานที่ต่างๆ ของอุตรกุรุทวีปก็สังเกตเห็นเรื่องประหลาดเรื่องหนึ่ง
ผู้โดยสารบนเรือลำนั้นกลับไม่มีใครสักคนที่ทะยานลมลงมา แล้วก็ไม่มีใครกระโดดลงมา ทุกคนต่างพากันเดินมาตามทางเดินลงเรือสองด้านแต่โดยดีอย่างไม่มีข้อยกเว้น ไม่เพียงเท่านี้ พอลงเรือมาแล้วแต่ละคนกลับทำหน้าเหมือนคนที่เพิ่งรอดพ้นจากความตายมาได้
ในขณะที่ปรึกษากันเรื่องนี้ เหล่าผู้อาวุโสและผู้ถวายงานกลุ่มใหญ่ที่เดิมทีเย่อหยิ่งจมูกเชิดขึ้นฟ้าต่างก็พากันหันมาสอบถามความเห็นของซ่งหลานเฉียวอย่างจริงจัง
นี่ทำให้ซ่งหลานเฉียวรู้สึกเหมือนตัวเองได้ลืมตาอ้าปากเสียที แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นโอสถทองผู้เฒ่าคนหนึ่ง จึงไม่เปิดเผยสีหน้าลำพองใจออกมาแม้แต่น้อย กลับกันยังยิ่งมีท่าทีนอบน้อมถ่อมตน รับมือได้อย่างรอบคอบรัดกุม
เรื่องราวบนภูเขานั้นพิถีพิถันในคำว่าน้ำเส้นเล็กไหลยาวมากที่สุด
วันนี้ลำพองใจ พรุ่งนี้อาจต้องผิดหวัง มีให้เห็นมากมายนัก
ซ่งหลานเฉียวเข้ามาในจวนจิงเจ๋อแห่งนั้นแล้วก็ไม่ได้อยู่รับรองนานนัก เพราะเพียงครู่เดียวเขาก็ขอตัวจากมา
ด้านในเรือนมีผู้ฝึกตนหญิงหน้าตาโดดเด่นอยู่สองคน คนหนึ่งในนั้นยังเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของผู้ฝึกตนโอสถทองคนหนึ่งของสวนน้ำค้างวสันต์
พวกนางรับผิดชอบผลัดเวรมาเป็นสาวให้การรับรองแขกที่เข้าพักในจวนนี้ชั่วคราว
นี่ทำให้เฉินผิงอันรู้สึกอึดอัดไม่น้อย ในขณะที่เดินไปส่งซ่งหลานเฉียวที่หน้าประตู จึงถามไปตามตรงว่าจะขอคืนตัวสตรีทั้งสองไปได้หรือไม่
ซ่งหลานเฉียวหัวเราะร่า “คุณชายเฉิน ท่านคือแขกผู้มีเกียรติอันดับหนึ่งของสวนน้ำค้างวสันต์เรา แน่นอนว่าย่อมได้ เพียงแต่ว่าแม่นางสองคนนี้กลับไปคงต้องโดนตำหนิไม่น้อย”
เฉินผิงอันถอนหายใจ เขาโบกพัดพับ ไม่เอ่ยอะไรอีก
ซ่งหลานเฉียวกล่าวเบาๆ ว่า “เดิมทีบรรพจารย์ของพวกเราอยากจะมารับรองคุณชายเฉินด้วยตัวเอง เพียงแต่ว่าเรื่องการจัดงานเลี้ยงอำลาวสันต์ได้เกิดปัญหาบางอย่างขึ้น จำเป็นต้องให้นางออกหน้าควบคุมด้วยตัวเอง อีกทั้งบรรพจารย์ของเรายังเป็นคนมีนิสัยละเอียดอ่อนรอบคอบ ไม่อาจปลีกตัวมาได้จริงๆ ได้แต่บอกให้ข้าขออภัยคุณชายเฉินแทนนาง”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “บรรพจารย์ถานเกรงใจกันเกินไปแล้ว”
ซ่งหลานเฉียวจากไปแล้ว รอจนเงาร่างของเขาหายวับไปตรงสุดปลายทางของทางเดินเส้นเล็กกลางป่าไผ่ เฉินผิงอันก็ไม่ได้กลับเรือนทันที แต่ออกไปเดินเล่นอยู่ด้านนอก
รอจนเฉินผิงอันกลับมาที่จวนอีกครั้งก็เห็นว่าหลิ่วจื้อชิงแห่งตำหนักจินอูที่อยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มปักปิ่นทอง เรือนกายสะโอดสะองราวต้นไม้หยกได้มายืนอยู่หน้าประตู
ผู้ฝึกตนหญิงสองคนยืนรับรองอยู่ด้านข้าง สีหน้าของพวกนางอ่อนโยน ไม่เพียงแต่เป็นสีหน้าเลื่อมใสที่ผู้ฝึกตนหญิงมีต่อเซียนกระบี่เท่านั้น ยังเป็นสีหน้าหวามไหวที่สตรีมีต่อบุรุษรูปงามด้วย
เฉินผิงอันหัวเราะ
คนเปรียบกับคน ทำให้คนโมโหตายได้จริงๆ
หากลูกศิษย์ผู้นั้นของตนมายืนอยู่ที่นี่ คาดว่าสตรีของสวนน้ำค้างวสันต์สองคนนี้ก็คงไม่มีเซียนกระบี่หลิ่วอยู่ในสายตาแล้วกระมัง
—–
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!