กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 515

หลิ่วจื้อชิงเงียบไปครู่หนึ่งก็เปิดปากเอ่ยว่า “ความหมายของเจ้าก็คือต้องการให้ข้าใช้ขนบธรรมเนียมและใจคนของตำหนักจินอูมาเป็นสถานที่ชำระล้างกระบี่?”

บัณฑิตชุดขาวผู้นั้นยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ข้าวชนิดเดียวกันเลี้ยงคนได้ร้อยรูปแบบ คำพูดประโยคเดียวความหมายนับพัน เซียนกระบี่หลิ่วเป็นผู้มีพรสวรรค์และมีปัญญาฉลาดล้ำ ไปทำความเข้าใจเอาเองเถิด”

หลิ่วจื้อชิงมองเส้นตรงเส้นนั้นแล้วพูดเหมือนพึมพำกับตัวเองว่า “ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร สุดท้ายข้าจะใช้สิ่งนี้มาล้างกระบี่หรือไม่ ลำพังเพียงแค่ความคิดนี้ก็มีประโยชน์มหาศาลแล้ว”

แล้วหลิ่วจื้อชิงก็เงยหน้า เอ่ยว่า “ตามข้อตกลง หน้าผาอวี้อิ๋งนี้เป็นของเจ้าแล้ว รับโฉนดไป แล้วเดี๋ยวข้าค่อยไปบอกกับบรรพจารย์ของสวนน้ำค้างวสันต์”

กระดาษหยกทองมูลค่าควรเมืองแผ่นหนึ่งลอยพลิ้วมาอยู่ตรงหน้าเฉินผิงอัน มีการลงนามของทั้งสองฝ่ายเอาไว้ ของสวนน้ำค้างวสันต์คือตัวอักษรชุนโบราณที่ประทับด้วยหยกลัญจกร ส่วนของหลิ่วจื้อชิงคือตัวอักษรหลิ่วที่ลักษณะเหมือนกระบี่เล่มหนึ่ง สองร้อยปีผ่านมาแล้ว ในตัวอักษรย่อมมีปณิธานกระบี่ถูกฟูมฟัก

เฉินผิงอันไม่ได้เก็บโฉนดที่มีมูลค่าอย่างน้อยก็หกเหรียญเงินฝนธัญพืชแผ่นนั้นมาทันที เขาถามด้วยรอยยิ้มว่า “เซียนกระบี่หลิ่วมือเติบขนาดนี้ ข้าว่าอันที่จริงความคิดนั้นของข้าก็ใช่ว่าจะมีประโยชน์เสมอไป ไม่แน่ว่าอาจกลายเป็นเรื่องร้ายด้วยซ้ำ ข้าคนนี้แต่ไหนแต่ไรมาก็ทำการค้าอย่างยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่เคยรังแกเด็กและคนชรา ยิ่งไม่กล้าหลอกเซียนกระบี่ที่มีพลังพิฆาตไร้ที่สิ้นสุดคนหนึ่ง เซียนกระบี่หลิ่วโปรดเก็บโฉนดกลับไปเถิด ช่วงนี้แค่ให้ข้ามาดื่มชาที่นี่ได้โดยไม่ต้องควักเงินก็พอแล้ว”

ความคิดของหลิ่วจื้อชิงใสกระจ่าง เขายิ้มเอ่ยว่า “ออกจากหน้าผาอวี้อิ๋งไปแล้ว หากกลับไปที่ตำหนักจินอูแล้วใช้จิตใจสารพัดรูปแบบของคนมาล้างกระบี่จริง แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่สภาพจิตใจและวิธีการเช่นนี้ ดังนั้นเจ้ารับโฉนดไปได้เลย”

เฉินผิงอันคิดแล้วก็ใช้พัดพับวาดเส้นตรงในแนวตั้งหลายเส้นลงมาจากเส้นในแนวขวางทั้งหลายก่อนหน้านี้ “เจ้าตำหนักจินอู ฮูหยินที่เป็นบุตรสาวของเจ้าแห่งขุนเขาใหญ่ จิ้นเยว่ ผู้ฝึกตนหญิงที่โน้มน้าวจิ้นเยว่ไม่ให้ออกกระบี่ใส่ข้า ชาติกำเนิด การสืบทอดจากอาจารย์ จุดเชื่อมต่อในการฝึกตน การลงภูเขามาหาประสบการณ์ มิตรสหายพันธมิตร ความเชื่อความศรัทธา บุญคุณความแค้นของพวกเขาแต่ละคน…เจ้าหลิ่วจื้อชิงสนใจอยากจะรู้จริงๆ หรือ? หากเจ้าเลือกล้างกระบี่ก็จำเป็นต้องชี้ตรงไปที่จิตดั้งเดิม ในฐานะที่เจ้าเป็นผู้ฝึกกระบี่ที่ติดอยู่ในคอขวดของโอสถทอง กระบี่บินแห่งชะตาชีวิต ตบะและลำดับอาวุโสในสำนักกลับจะกลายมาเป็นศัตรูตัวฉกาจที่สุดของเจ้า เจ้าจะสามารถสละพวกมันทิ้งได้ชั่วคราวจริงๆ หรือ? หากเจ้าหลิ่วจื้อชิงยอมแพ้กลางคัน ไม่อาจเดินไปถึงปลายทางอีกด้านได้ในรวดเดียว ก็มีแต่จะเป็นการทำลายเจตจำนงเดิม เป็นเหตุให้จิตแห่งกระบี่ถูกฝุ่นจับ ปณิธานแห่งกระบี่สกปรกไปด้วยจุดด่างพร้อย”

หลิ่วจื้อชิงยิ้มบางๆ “ข้าสามารถแน่ใจได้แล้วว่าเจ้าไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ ความยากลำบากในการฝึกตน พิบัติภัยทั้งหลายที่จะเข้ามาลดทอนกำจัดปณิธานในหัวใจให้สูญสลาย ตอนนี้เจ้าน่าจะยังไม่รู้ชัดเจนนัก การล้างกระบี่ของตำหนักจินอู ยากก็ตรงที่ว่ามีเรื่องหยุมหยิมยิบย่อยมากมายดุจขนวัว แล้วก็ยากตรงที่จิตใจคนยากแท้หยั่งถึง ทว่าสืบสาวราวเรื่องกันถึงแก่นแล้ว เมื่อเทียบกับความยากในการหล่อหลอมตัวอ่อนกระบี่ช่วงแรกเริ่มสุดก็ไม่ได้ต่างกันเลยแม้แต่น้อย มีส่วนที่คล้ายคลึงกันอย่างน่ามหัศจรรย์ ข้าก็แค่ต้องเดินบนเส้นทางการฝึกตนที่เคยเดินในช่วงแรกเริ่มสุดซ้ำอีกรอบเท่านั้น ตอนนั้นยังทำได้ ตอนนี้กลายเป็นผู้ฝึกกระบี่โอสถทองแล้ว จะมีอะไรยากอีกเล่า?”

บัณฑิตชุดขาวกลับส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มอ่อนบาง “เรื่องเดียวกัน เมื่อเวลาผ่านพ้นไปย่อมกลายเป็นความยากสองอย่างที่ไม่เหมือนกัน”

หลิ่วจื้อชิงขบคิดคำพูดประโยคนี้อยู่พักหนึ่งก็ยิ้มบางๆ พยักหน้ารับ “ได้รับการสั่งสอนแล้ว”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ข้าแสร้งทำเป็นมีภูมิ เซียนกระบี่หลิ่วก็เชื่อด้วยอย่างนั้นหรือ? ไม่กลัวจริงๆ หรือว่าข้าจะเอาทั้งรากภูเขาทั้งรากสายน้ำไปพร้อมกับจวนเซียนของเจ้าด้วย?”

หลิ่วจื้อชิงลุกขึ้นยืน “ไม่รบกวนแล้ว หวังว่าวันหน้าหากมีโอกาสได้มาเป็นแขกดื่มชาที่นี่ เจ้าของจะยังเป็นคนเดิม”

ในสายตาของหลิ่วจื้อชิง หน้าผาอวี้อิ๋งแห่งนี้ เขาได้กลายเป็นแขกไปแล้ว

เฉินผิงอันมองโฉนดที่ดินที่อยู่บนโต๊ะ แล้วจึงเงยหน้ามองเด็กหนุ่มชุดขาวอีกครั้ง “เหตุใดตำหนักจินอูถึงมีผู้ฝึกกระบี่เช่นเจ้าได้? บรรพบุรุษสั่งสมบุญกุศลกันมาหรือ?”

หลิ่วจื้อชิงยิ้มกล่าว “คำพูดประโยคนี้ของเจ้าไม่น่าฟังเอาเสียเลย แต่ข้าจะถือว่าเป็นคำพูดที่ดีแล้วกัน บอกตามตรง หาใช่ว่าข้าหลิ่วจื้อชิงชมตัวเองไม่ แต่ในอดีตผู้ฝึกตนอาวุโสของตำหนักจินอูมีชื่อเสียงดีกว่าตอนนี้มากนัก น่าเสียดายก็แต่ชื่อเสียงไม่อาจแลกเปลี่ยนมาด้วยตบะและกิจการบ้านเรือน เรื่องราวบนโลกที่ชวนให้คนจนใจก็หนีไม่พ้นสิ่งนี้เอง ดังนั้นในหลายๆ ครั้ง ข้าจึงคิดว่าศิษย์หลานคนนั้นก็แค่กระทำในสิ่งที่ไม่ตรงใจข้า แต่ใช่ว่าเขาจะทำผิดอย่างแท้จริง”

เฉินผิงอันลุกขึ้นยืน “ข้าจะทำการค้ากับเจ้าอีกครั้ง เป็นอย่างไร?”

หลิ่วจื้อชิงถาม “หมายความว่าอย่างไร?”

เฉินผิงอันถามคำถามข้อหนึ่งก่อน “ผู้ฝึกตนของสวนน้ำค้างวสันต์จะลอบมองที่แห่งนี้หรือไม่?”

หลิ่วจื้อชิงชี้ไปยังกระท่อมที่อยู่นอกศาลา “เห็นกระบี่ของข้าเป็นเพียงของตกแต่งอย่างนั้นหรือ? กฎเกณฑ์บางอย่างยังต้องพูดกัน ยกตัวอย่างเช่นข้ามาดื่มชาอยู่ที่นี่ก็ยังต้องเคาพกฎเกณฑ์ทุกข้อของสวนน้ำค้างวสันต์ ในอดีตเคยมีครั้งหนึ่งที่ข้าเจอกับศัตรูของตำหนักจินอูที่ข้าอยากออกกระบี่ใส่บนเทือกเขาเจียมู่ แต่ข้าก็แค่แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ถ้าเช่นนั้นก็ควรปฏิบัติต่อผู้อื่นเฉกเช่นที่เขาปฏิบัติต่อตนเอง หากแม้แต่กฎเล็กน้อยแค่นี้สวนน้ำค้างวสันต์ยังไม่เคารพ ข้าก็รู้สึกว่านี่ก็คือการรนหาที่ตายโดยขอให้ข้าออกกระบี่ของพวกเขา”

“เป็นเช่นนี้ได้ย่อมดีที่สุด”

เฉินผิงอันชี้มาที่ตัวเอง “เจ้ากำลังกลุ้มใจเรื่องหาหินลับกระบี่ไม่ได้ไม่ใช่หรือ?”

หลิ่วจื้อชิงกวาดตามองไปรอบด้าน “ไม่กลัวว่าหน้าผาอวี้อิ๋งจะถูกทำลายหรือไร? ตอนนี้น้ำพุริมหน้าผาเป็นของเจ้าทั้งหมดแล้วนะ”

เฉินผิงอันกล่าว “เลือกสถานที่แห่งหนึ่งแล้ววาดพื้นที่ให้เป็นกรงขัง เจ้าออกกระบี่ข้าออกหมัด เป็นอย่างไร?”

หลิ่วจื้อชิงยิ้มกล่าว “ข้ากลัวว่าเจ้าจะตาย”

“หวังให้เป็นเช่นนั้น”

เฉินผิงอันเหน็ดพัดพับให้เรียบร้อย พูดซ้ำว่า “หวังให้เป็นเช่นนั้น”

หนึ่งประโยคสองความหมาย

……

ในงานเลี้ยงอำลาวสันต์ ผู้ฝึกกระบี่หลิ่วจื้อชิงแห่งตำหนักจินอูไม่ได้ปรากฏตัว

ส่วนเซียนกระบี่หนุ่มที่พักอยู่ในจวนจิงเจ๋อก็ไม่ได้เผยกายเช่นเดียวกัน

นี่ทำให้คนของสวนน้ำค้างวสันต์ที่ทกุวันนี้ข่าวลือเล็กๆ แพร่กระจายไปทั่วพากันเสียดาย

ไม่ต้องพูดถึงหลิ่วจื้อชิงที่เป็นหนึ่งในผู้ฝึกตนลำดับสูงสุดของมหาสมุทรทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของอุตรกุรุทวีป แม้ว่าเพิ่งจะมีขอบเขตเป็นโอสถทอง แต่ถึงอย่างไรก็ยังหนุ่ม อีกทั้งยังเป็นผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่ง

ป้ายอักษรทองของผู้ฝึกกระบี่ตำหนักจินอูนี้ หลังจากที่ปีนั้นเจ้าตำหนักที่เป็นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตก่อกำเนิดลาจากโลกนี้ไปก็แทบจะอาศัยหลิ่วจื้อชิงหนึ่งคนหนึ่งกระบี่ประคับประคองไว้เพียงลำพัง

ทว่าหลิ่วจื้อชิงนั้น ไม่ว่าใครก็ไม่รู้สึกว่าเขาแปลกหน้า ผู้ฝึกตนของสวนน้ำค้างวสันต์เองและคนต่างถิ่นจึงเอาความสนใจส่วนใหญ่ไปไว้ที่ตัวของเซียนกระบี่หนุ่มต่างถิ่นที่มีเรื่องเล่าลือมากมายผู้นั้นมากกว่า

หนึ่งเพราะเขาใช้หนึ่งกระบี่ผ่าบ่อสายฟ้าพิทักษ์ภูเขาของตำหนักจินอู เล่าลือกันว่านี่เป็นสิ่งที่หลิ่วจื้อชิงพูดออกจากปากเอง ไม่อาจเป็นเรื่องโกหกไปได้ อีกทั้งเขายังเชิญคนผู้นี้ไปดื่มชาที่หน้าผาอวี้อิ๋งด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!