ตู้อิ๋งยิ้มกล่าว “แน่นอนว่าสายลับของราชสำนักที่จัดวางไว้ข้างกายของเจ้าสำนักหลินได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดมาก่อนนานแล้ว สายลับฝีมือดีทั้งสองคนที่ไม่เคยรู้จักและไม่เคยติดต่อถึงกันต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มี”
หลินซูรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก เขาชูแขนขึ้นสูง กุมหมัดหันไปทางเมืองหลวง พูดเสียงทุ้มหนัก “แม่ทัพใหญ่ ข้าหลินซูและภูเขาเจิงหรงซื่อสัตย์ภักดีต่อฮ่องเต้ ฟ้าดินเป็นพยานได้!”
ตู้อิ๋งชักดาบออกมาช้าๆ ชี้ไปยังเมืองเล็กบนยอดเขา “ตอนนี้มีวิธีที่มั่นคงที่สุดอยู่วิธีหนึ่ง แค่ต้องดูว่าเจ้าสำนักหลินมีความภักดีและความกล้าหาญมากพอจะทำหรือไม่ อายุที่บันทึกไว้บนทำเนียบวงศ์ตระกูลของพรรคเจิงหรงและสำมะโนครัวที่บันทึกอยู่ในเอกสารคดีของเมืองประจำท้องที่ล้วนสามารถสร้างหลักฐานเท็จขึ้นมาได้ ดังนั้นไม่สู้เอาบุรุษที่อายุประมาณสิบแปดถึงยี่สิบปี รวมไปถึงคนที่มองดูคล้ายอายุยี่สิบปีในบรรดาคนหนึ่งพันสองร้อยกว่าคนของหมู่บ้านออกมาสังหารให้สิ้นซาก ทุกเรื่องก็จะราบรื่นมั่นคง”
ตู้อิ๋งยิ้มกล่าว “แน่นอนว่าจะให้คนตายไปเปล่าๆ ไม่ได้ ข้าตู้อิ๋งมิอาจปฏิบัติต่อขุนนางผู้มีคุณูปการอย่างไม่เป็นธรรม ดังนั้นรอให้ข้ากลับไปถึงเมืองหลวง ได้เข้าเฝ้าฝ่าบาท ย่อมต้องขอรางวัลจากฝ่าบาทด้วยตัวเอง หัวทุกหัวที่กลิ้งตกลงบนพื้นของภูเขาเจิงหรงในคืนนี้ หลังจบเรื่องจะชดเชยให้เจ้าหลินซูเป็นเงินขาวพันตำลึง ดีหรือไม่? ทุกๆ สิบหัว ข้าก็จะแบ่งเขตอิทธิพลของพรรคทั้งหลายที่ตายอยู่บนเรือส่วนหนึ่งมามอบให้ภูเขาเจิงหรงจัดการ”
หลินซูยิ้มเจื่อนเอ่ยว่า “หรือว่าในพรรคเจิงหรงมีคนถ่อยก่อกวน นำข่าวเท็จไปแจ้งให้แก่แม่ทัพใหญ่? จงใจผลักข้าหลินซูให้กลายเป็นคนไร้คุณธรรมไร้ความซื่อสัตย์?”
ตู้อิ๋งพยักหน้ารับ “มีคนถ่อยอยู่จริง อีกทั้งยังไม่ใช่แค่คนเดียว คนหนึ่งคือลูกศิษย์ที่ไม่เป็นโล้เป็นพายของเจ้า เพราะรู้สึกว่าภายใต้สถานการณ์ปกติ เขาไร้ความหวังที่จะได้สืบทอดตำแหน่งเจ้าประมุข อีกทั้งในอดีตก็ยังเกือบจะถูกเจ้าขับไล่ออกจากสำนัก แน่นอนว่าย่อมมีใจเคียดแค้นอย่างห้ามไม่ได้ คิดจะฉวยโอกาสนี้พลิกฟื้นกลับมา ช่วงชิงตำแหน่งเจ้าประมุขมาครอบครอง ปากข้าตอบตกลงเขาไปแล้ว แต่หลังจากนี้เจ้าสำนักหลินก็ไปฆ่าเขาเองแล้วกัน คนประเภทนี้ อย่าว่าแต่ครึ่งยุทธภพเลย ต่อให้แค่พรรคเจิงหรงแห่งเดียวก็ยังดูแลได้ไม่ดี ข้ารับเขามาเป็นลูกน้องแล้วจะมีประโยชน์อะไร?”
ตู้อิ๋งใช้ปลายดาบชี้ไปยังหน้าประตูใหญ่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของสะพาน แล้วเอ่ยเนิบช้าว่า “ยังมีอีกคนหนึ่ง คือคนหนุ่มที่ใช้ชีวิตพึ่งพากับสายลับคนหนึ่งของราชสำนักมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้สายลับผู้นั้นทำหน้าที่เป็นอาจารย์ในโรงเรียนของเมืองเล็กพวกเจ้า คนหนุ่มยังถือว่าเป็นเมล็ดพันธ์บัณฑิตคนหนึ่ง เขากับบุตรสาวโทนของเจ้ามีความสัมพันธ์กัน แต่เจ้าดันรู้สึกว่าเขาไม่มีพรสวรรค์ในการฝึกตน จึงไม่คู่ควรกับบุตรสาวของเจ้า ภายหลังก่อนตายสายลับเฒ่าที่เลี้ยงดูเขามารู้สึกว่าคนหนุ่มมีพรสวรรค์ในการเป็นขุนนาง ดังนั้นภายใต้การจัดการของสายลับเฒ่า คนหนุ่มจึงได้รับสืบทอดสถานะของอาจารย์เขา ต่อมาจึงมีการส่งจดหมายลับระหว่างเขากับราชสำนักเป็นประจำ ในความเป็นจริงแล้วความคิดที่บอกให้สังหารลูกศิษย์พรรคเจิงหรงที่อายุสอดคล้องใกล้เคียงทั้งหมดก็เป็นเขาที่เป็นผู้เสนอ ข้าเองก็ตอบรับแล้วเช่นกัน ไม่เพียงแต่รับปากว่าจะช่วยเขารักษาความลับนี้ และช่วยให้เขาได้สาวงามกลับไปครอง ยังจะจัดการให้เขาได้เข้าร่วมสอบเคอจวี่ในวงการขุนนาง และต้องมีชื่อติดอยู่บนกระดานทองคำอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าสิบปียี่สิบปีให้หลัง เขาอาจจะได้เป็นขุนนางใหญ่ในพื้นที่ศักดินาแห่งใดแห่งหนึ่งของแคว้นจินเฟยก็เป็นได้”
หลินซูโมโหจนใบหน้าเขียวคล้ำ เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ยว่า “เจ้าลูกหมาป่าเนรคุณ ปีนั้นพ่อแม่ของเขาด่วนจากไปเร็ว อีกทั้งยังเป็นคนที่ทำหน้าที่แบกถังอาจมซึ่งต่ำช้าอย่างถึงที่สุด หากไม่เป็นเพราะพรรคเจิงหรงมอบเงินทำขวัญให้เขาทุกเดือน เขาก็คงต้องกินขี้แทนข้าวแล้ว!”
ขันทีเฒ่าผู้ควบคุมตรากองม้าใช้สองนิ้วคีบผมขาวที่รุ่ยหลุดลงมาตรงจอนผม พูดด้วยเสียงแหลมว่า “สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องเล็กน้อย จากรายงานลับของสายลับอีกคนหนึ่ง พรรคเจิงหรงของพวกเจ้ายังมียอดฝีมือเฝ้าพิทักษ์ ผ่านมาหลายปีมากแล้ว เพียงแต่ว่าเก็บซ่อนตัวตนได้เป็นอย่างดี จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่เผยพิรุธให้เห็น นี่แหละที่ค่อนข้างจะยุ่งยาก”
หลินซูอึ้งตะลึง
เจิ้งสุ่ยจูขมวดคิ้วกล่าว “แม่ทัพตู้ พวกเราจะมัวเสียเวลากันอยู่อย่างนี้น่ะหรือ? กากเดนราชวงศ์ก่อนผู้นั้นอยู่บนภูเขาหรือไม่ ชักดาบออกมาหยั่งเชิงก็รู้แล้ว หากมีผู้ฝึกลมปราณของตำหนักเกล็ดทองมาหลบซ่อนตัวอยู่ที่นี่จริง ก็มีความเป็นไปได้เกินครึ่งว่าจะเป็นผู้พิทักษ์ขององค์ชายผู้นั้น ยิงธนูลูกเดียวได้นกสองตัว ทั้งสังหารกากเดนราชวงศ์ก่อน แล้วก็สามารถดึงตัวของผู้ฝึกตนตำหนักเกล็ดทองออกมาได้ด้วย”
ในกลุ่มคนมีชายฉกรรจ์เงียบขรึมคนหนึ่งถือกล่องไม้ยาวไว้ในมือ
ตู้อิ๋งยิ้มกล่าว “หากเทพเซียนตำหนักเกล็ดทองผู้นั้นขอบเขตสูงมาก พวกเราที่มีพลทหารสวมเกราะมาแค่ร้อยกว่าคนย่อมไม่อาจต้านรับวิชาตระกูลเซียนของอีกฝ่ายได้ ต่อให้เขาจะสู้กับพวกเราสามคนที่ร่วมมือกันไม่ได้ แต่หากอีกฝ่ายพาคนทะยานลมจากไป พวกเราสามคนก็ได้แต่มองดูคนเขาจากไปไกลคาตาก็เท่านั้น หรือจะให้กระโดดหน้าผาตามไปล่ะ?”
เจิ้งสุ่ยจูหันหน้าไปมองชายฉกรรจ์ถือกล่องแล้วหลุดหัวเราะพรืด “ลูกศิษย์ใหญ่ของเจินเหรินผู้พิทักษ์แคว้นท่านนั้นของพวกเราก็มาด้วย ยังต้องกลัวว่าผู้ฝึกลมปราณคนหนึ่งที่หลบซ่อนตัวอยู่บนภูเขาเจิงหรงมานานหลายสิบปีอีกหรือ?”
ราชวงศ์ต้าจ้วนก็มีขุนนางผู้ประคับประคองมังกรที่รับผิดชอบพิทักษ์คุ้มกันฮ่องเต้เช่นเดียวกัน ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวสายของเจิ้งสุ่ยจู กับผู้ฝึกตนสายที่มีเหลียงหงอิ่นเจินเหรินผู้พิทักษ์แคว้นเป็นผู้นำ ความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายย่ำแย่มาโดยตลอด ต่างฝ่ายต่างชิงชังรังเกียจกัน มีความขัดแย้งและแข่งขันกันอย่างลับๆ เกิดขึ้นมากมาย อีกทั้งราชวงศ์ต้าจ้วนยังมีอาณาเขตกว้างใหญ่ทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ นอกจากอาณาเขตของตำหนักเกล็ดทองที่ตั้งอยู่กลางภูเขาลึกแถบชายแดนของทางทิศเหนือแล้ว ยุทธภพและบนภูเขาของต้าจ้วน ฮ่องเต้ก็ปล่อยให้ทั้งสองฝ่ายอาศัยความสามารถของตัวเองช่วงชิงกันไปเอง แน่นอนว่าไม่คิดจะยื่นมือเข้าแทรก ศิษย์พี่ชายคนหนึ่งของเจิ้งสุ่ยจูที่เดิมทีมีพรสวรรค์ดีเยี่ยมเคยถูกผู้ฝึกลมปราณขอบเขตชมมหาสมุทรและขอบเขตประตูมังกรสามคนที่ปิดบังสถานะล้อมโจมตี ทุบขาสองข้างของเขาจนหัก ตอนนี้ก็ได้แต่นั่งอยู่บนรถเข็น กลายเป็นคนพิการครึ่งตัว ภายหลังลูกศิษย์ผู้สืบทอดคนหนึ่งของเหลียงหงอิ่นเจินเหรินผู้พิทักษ์แคว้นก็หายตัวไปท่ามกลางการฝึกประสบการณ์ จนถึงทุกวันนี้ก็ยังหาศพไม่พบ
ชายฉกรรจ์ที่บนใบหน้าสวมหน้ากากมีสีหน้าเย็นชา ชำเลืองตามองแผ่นหลังของเจิ้งสุ่ยจูแวบหนึ่ง สตรีผู้นี้เย่อหยิ่งหัวสูงมาโดยตลอด อยู่ในเมืองหลวงก็ไม่ค่อยสงบเสงี่ยมสำรวมตน อาศัยว่าหญิงเฒ่าผู้นั้นรักและเอ็นดู ก่อนหน้านี้ก็ไปลอบมีสัมพันธ์กับองค์ชายท่านหนึ่งของต้าจ้วน คิดว่าตัวเองได้รับแต่งตั้งให้เป็นฮองเฮาคนถัดไปแล้วหรืออย่างไร?
ตู้อิ๋งถาม “เจ้าประมุขหลิน จะว่าอย่างไร?”
ใบหน้าของหลินซูบิดเบี้ยว “บุรุษหนุ่มบนภูเขาที่มีอายุสอดคล้องล้วนฆ่าทั้งหมด! แต่ข้าก็มีข้อเสนอสองอย่าง เจ้าลูกศิษย์ที่หลอกลวงอาจารย์ลบล้างบรรพชนผู้นั้นจำเป็นต้องตาย และเจ้าเศษสวะที่เนรคุณคนผู้นั้นก็ยิ่งสมควรตาย! วิธีเลาะเอ็นที่พรรคเจิงหรงของพวกเราใช้จัดการกับคนทรยศ ไม่กล้าพูดว่ามีเอกลักษณ์เป็นหนึ่งเดียวของแคว้นจินเฟย แต่ทำให้คนอยู่ไม่สู้ตายกลับไม่ยากเลยจริงๆ”
ตู้อิ๋งส่ายหน้า “คนแรกคือเศษสวะ ฆ่าไปก็ไม่เป็นไร แต่ฝ่ายหลังแม้จะมีจิตใจทะเยอทะยาน ทว่ากลับมีสติปัญญาที่ไม่ธรรมดา จดหมายลับที่เขาส่งมอบให้แก่ราชสำนักตลอดหลายปีมานี้ นอกจากจะวางแผนให้กับยุทธภพแล้วยังมีคำแนะนำให้กับทางราชสำนักอีกไม่น้อย ข้าอ่านจดหมายทุกฉบับอย่างละเอียดมาก่อน ล้วนมีความคิดที่เฉียบแหลม หากไม่ผิดไปจากที่คาด ฝ่าบาทเองก็น่าจะได้ทอดพระเนตรจดหมายลับพวกนั้นของเขาแล้ว บัณฑิตไม่ออกจากบ้าน แต่รู้เรื่องในใต้หล้า คงจะพูดถึงคนประเภทนี้กระมัง”
หลินซูสะกดกลั้นไฟโทสะ พูดด้วยสีหน้ามืดทะมึนว่า “แม่ทัพใหญ่ คนผู้นี้ปีนี้…อายุประมาณยี่สิบสี่ยี่สิบห้า ก็ถือว่าใกล้เคียงกับยี่สิบเหมือนกัน!”
ตู้อิ๋งหลุดหัวเราะพรืด เงียบงันไปพักหนึ่งก็ยังส่ายหน้าอยู่ดี “การมาเยือนในค่ำคืนนี้ เดิมทีก็เป็นการป้องกันเหตุไม่คาดฝัน ช่วยเจ้าประมุขหลินจัดการดูแลครัวเรือน ทำความสะอาดเส้นทางในการเดินขึ้นสู่ยอดเขาก็เท่านั้น ข้าไม่คิดจะฆ่าคนบริสุทธิ์พร่ำเพื่อหรอกนะ”
ขันทีเฒ่าผู้ถือตราบังคับกองม้ายิ้มตาหยี “ลงมือตามโอกาสเหมาะสม ไม่ต้องรีบร้อน ถึงอย่างไรคืนนี้ก็มีงิ้วสนุกๆ ให้ดูอยู่แล้ว”
ตู้อิ๋งมองสะพานแขวนแวบหนึ่ง “ตอนนี้ข้ากลัวก็แต่ว่าจะมีผู้ฝึกตนของตำหนักเกล็ดทองรอฉวยโอกาสโจมตีอยู่จริงๆ รอให้พวกเราเดินไปได้ครึ่งทางแล้วสะพานขาดขึ้นมา จะทำอย่างไร?”
ขันทีเฒ่าพยักหน้ารับ “เป็นปัญหาใหญ่จริงๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!