ท่ามกลางม่านราตรีของคืนนี้ รถม้ามาจอดอยู่ในจุดที่เงียบสงัดไร้ผู้คนแห่งหนึ่ง ผู้อาวุโสยอมสิ้นเปลืองแรงกายและเวลาอย่างที่หาได้ยากเพื่อต้มเนื้อตุ๋นหน่อไม้อ่อนหม้อหนึ่ง
สำหรับข้อที่ว่าเหตุใดหน่อไม้แรกฤดูใบไม้ผลิถึงยังคงสามารถสดใหม่ได้ในช่วงฤดูร้อนที่อากาศร้อนที่สุดเช่นนี้ แล้วเหตุใดถึงไม่ได้หยิบออกมาจากหีบไม้ไผ่ สุยจิ่งเฉิงคร้านที่จะคิดแล้ว
แต่สุยจิ่งเฉิงก็ยังรู้สึกได้ว่าการข้ามแม่น้ำคราวนั้น ทำให้ผู้อาวุโสที่อายุยังน้อยอารมณ์ดีอยู่มาก
เกี่ยวกับอายุของผู้อาวุโสเซียนกระบี่ ก่อนหน้านี้สุยจิ่งเฉิงเคยเอ่ยถาม แรกเริ่มผู้อาวุโสไม่ได้สนใจ ภายหลังนางทนความอยากรู้ในใจไม่ไหว จึงลองหลอกถามอีกสองครั้ง เขาถึงได้บอกว่าตนอายุประมาณสามร้อยกว่าปีแล้วกระมัง
สุยจิ่งเฉิงจึงมีใจมุ่งมั่นต่อการฝึกตนมากขึ้น
วันนี้เดินทางผ่านเมืองที่ครึกครื้นซึ่งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านภูเขาซ่าส่าวแห่งหนึ่งก็ได้เจอเข้ากับงานวัดพอดี
ทุกๆ ระยะทางช่วงหนึ่งจะมีร้านที่ลักษณะคล้ายคลึงกันปูผ้าวางตุ๊กตาดินเผาและคนจิ๋วเครื่องกระเบื้องไว้เต็มพื้น เงินหนึ่งอีแปะก็สามารถแลกเอาห่วงไม้ไผ่สานห่วงเล็กมาจากเจ้าของร้าน หรือไม่เงินสองอีแปะก็สามารถแลกมงกฎกิ่งหลิวอันใหญ่มาได้ ผู้คนเบียดเสียดกันเนืองแน่น แล้วก็มีผู้ใหญ่ที่คอยช่วยเด็กๆ โยนห่วงไม้ไผ่ มงกฎหลิว พอมีผู้ใหญ่ที่สามารถโยนห่วงครอบตุ๊กตาดินเผาหรือคนจิ๋วเครื่องกระเบื้องเหล่านั้นได้ พวกเด็กๆ ที่อยู่ข้างกายก็จะกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
ตอนนั้นเฉินผิงอันยิ้มกล่าวว่า “คนในยุทธภพแคว้นอู่หลิงของพวกเจ้าน้อยแค่นี้เองหรือ?”
แรกเริ่มสุยจิ่งเฉิงยังไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงถามเช่นนี้ จึงตอบพาซื่อไปว่า “แคว้นอู่หลิงของพวกเราฝ่ายบุ๋นรุ่งโรจน์กว่า ดังนั้นพอมีผู้อาวุโสหวังตุ้นปรากฎตัว คนทั้งราชสำนัก ต่อให้เป็นขุนนางบุ๋นอย่างบิดาข้าก็ยังรู้สึกเป็นเกียรติ หวังว่าจะอาศัยหูซินเหวยไปทำความรู้จักกับผู้อาวุโสหวังตุ้นให้ได้”
รอจนรถม้าขับออกมาได้ระยะทางช่วงหนึ่งแล้ว สุยจิ่งเฉิงถึงได้คิดจนกระจ่างถึงสาเหตุที่ผู้อาวุโสถามคำถามนั้น
หากผู้ฝึกยุทธมีเยอะ ร้านแผงลอยในงานวัดก็อาจจะยังมี แต่ไม่มีทางมีมากขนาดนั้น เพราะหากโชคไม่ดีก็เท่ากับว่าทำการค้าที่ขาดทุน ไม่เหมือนพ่อค้าในงานวัดตอนนี้ที่แต่ละคนได้กำไร เพียงแค่ต่างกันที่ว่าได้กำไรมากหรือน้อยเท่านั้น
สุยจิ่งเฉิงสะทกสะท้อนใจ
บางทีนี่ก็คงเป็นหนึ่งในเส้นสายที่ถูกอำพรางไว้ของโลกใบนี้กระมัง?
หากไม่เป็นเพราะได้เจอกับผู้อาวุโส บางทีชั่วชีวิตนี้ตนก็อาจจะไม่คิดถึงเรื่องพวกนี้
ไม่คิด ก็ไม่มีความเสียหายใดๆ ชีวิตยังคงดำเนินต่อ คิดแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีผลประโยชน์ที่เห็นผลในทันตาอะไร
มีครั้งหนึ่งผ่านสวนแตง รถม้าหยุดลง เฉินผิงอันไปนั่งยองอยู่ข้างคันดินของสวน เหม่อมองผลแตงที่เป็นสีเขียวสดปลั่งน่ารักเหล่านั้น
หวนนึกไปถึงในอดีต ใต้ต้นไหวโบราณจะต้องมีคนหลายคนยกตะกร้าสานไม้ไผ่ออกมาจากในบ่อโซ่เหล็ก พวกคนเฒ่าคนแก่เล่าเรื่องเก่าแก่ พวกเด็กๆ ก็กินแตงโมที่เย็นฉ่ำ ร่มเงาต้นไหวครึ้มเย็น จิตใจคนก็ปลอดโปร่งเย็นสบายตามไปด้วย
สุยจิ่งเฉิงกระโดดลงจากรถม้า ถามอย่างประหลาดใจว่า “เซียนบนภูเขาอย่างผู้อาวุโสก็อยากกินแตงโมด้วยหรือ?”
เฉินผิงอันเงียบไปนาน สุดท้ายกล่าวว่า “หากวันใดข้าสามารถทำทุกอย่างได้ตามใจปรารถนา สามารถขโมยแตงโมลูกหนึ่งแล้ววิ่งหนีไป นั่นก็หมายความว่าข้าสามารถฝึกจิตใจได้สำเร็จอย่างแท้จริงแล้ว ผลกระทบด้านจิตใจที่ถังหูลู่ไม้นั้นมีต่อข้าในอดีตถึงจะถือว่าหายไปอย่างสิ้นเชิง”
สุยจิ่งเฉิงรู้สึกว่านี่คือคำพูดประหลาดที่ประหลาดยิ่งกว่าเรื่องประหลาด คิดร้อยตลบก็ยังไม่เข้าใจ
บนเส้นทางริมภูเขาสายน้ำที่ใกล้จะไปถึงเมืองหลวง พวกเขาได้เจอกับคนกลุ่มหนึ่งที่มาดักปล้นกลางทาง ขนาดสุยจิ่งเฉิงก็ยังรู้สึกว่าเจ้าพวกคนที่โอ้อวดตัวอย่างโอหังพวกนี้ช่างโชคดีจริงๆ …
เฉินผิงอันให้สุยจิ่งเฉิงลงมือได้ตามสบาย ปิ่นทองชิ้นหนึ่งจึงพุ่งออกไปราวกระบี่บิน ทำเอาพวกเขาตกใจจนขี้หดตดหาย
ภายหลังผู้อาวุโสพาสุยจิ่งเฉิงแอบลอบเข้าไปยังบริเวณใกล้เคียงกับหมู่บ้านรังโจร ก็เห็นว่าที่นั่นมีกระท่อมที่สร้างง่ายๆ ตั้งกระจาย เสียงหมาเห่าไก่ขันดังระงม กลิ่นควันไฟจากการหุงหาอาหารลอยโชยกรุ่น มีเด็กผอมแห้งกำลังเล่นว่าวกระดาษที่เก่าขาด โจรที่มาดักปล้นกลางทางคนหนึ่งในนั้นนั่งยิ้มกว้างมองดูอยู่ด้านข้าง ข้างกายเขายังมีผู้เฒ่าร่างเล็กเตี้ยสวมชุดสีเขียวขาดวิ่นกำลังด่าเสียงดังว่าชายฉกรรจ์ไม่ได้เรื่อง หากยังไม่มีรายรับเข้ามา คนในหมู่บ้านก็จะต้องอดตายกันแล้ว เจ้าพวกลูกกระต่ายหลายคนยังต้องเรียนหนังสือกะผายลมอะไรนั่นอีก เวลาท่องหนังสืออยู่ในโรงเรียน แต่ละคนท้องร้องดังโครกคราก เสียงดังเสียยิ่งกว่าเสียงท่องหนังสือ ชายฉกรรจ์เกาหัว บอกว่าสตรีผู้นั้นร้ายกาจยิ่งนัก มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเทพเซียนในตำรา วันนี้หากไม่เพราะพวกเราวิ่งได้เร็วก็คงไม่ได้หิวตาย แต่เป็นถูกตีตายแทน
เฉินผิงอันพาสุยจิ่งเฉิงจากมาเงียบๆ พวกเขาย้อนกลับมาที่รถม้าแล้วออกเดินทางกันต่อ
ยามค่ำคืน สุยจิ่งเฉิงไม่รู้สึกง่วงนอน นางมานั่งอยู่ด้านนอกห้องโดยสาร เอียงตัวหันข้างมองป่าข้างทาง
สุยจิ่งเฉิงพึมพำกับตัวเองว่า “ก่อนหน้านี้เห็นพวกเขามาดักปล้นสะดมก็นึกอยากจะฆ่าพวกเขาให้สิ้นซาก ผู้อาวุโส หากข้าทำแบบนั้นจริงๆ ก็คงจะผิดใช่หรือไม่?”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “ไม่ผิดหรอก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!