กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 522

เฉินผิงอันมองสีท้องฟ้า

หวังตุ้นยิ้มถามว่า “ตามข้อตกลงก่อนหน้านี้ นอกจากสุราดีสิบกว่าไหแล้ว ยังต้องการให้ทางหมู่บ้านภูเขาส่าส่าวควักอะไรอีกหรือไม่?”

เฉินผิงอันตอบ “ม้าเร็วสองตัว รวมไปถึงที่อยู่ของท่าเรือตระกูลเซียนแห่งหนึ่งของแคว้นลวี่อิ๋ง”

หวังตุ้นกังขา “เพียงแค่นี้เองหรือ?”

เฉินผิงอันกล่าว “แค่นี้ก็มากพอแล้ว”

หวังตุ้นชี้ไปทางโต๊ะคิดเงิน “เหล้าที่อยู่ด้านล่างโต๊ะมีรสชาติกลมกล่อมเข้มข้นยิ่งกว่า เซียนกระบี่เชิญเอาไปได้ตามสบาย”

เฉินผิงอันจึงลุกขึ้นยืนเดินไปที่โต๊ะคิดเงินแล้วเริ่มเทเหล้าใส่น้ำเต้าเลี้ยงกระบี่

เปิดไหหนึ่งแล้วก็ตามด้วยอีกไหหนึ่ง

หลังจากเหล้าหมักเก่าแก่ห้าไหถูกเปิดผนึกดินออก หวังตุ้นก็นั่งไม่ติดอีกต่อไป เขาที่นอนฟุบอยู่บนโต๊ะคิดเงินเอ่ยโน้มน้าวเบาๆ ว่า “เดินทางอยู่ในยุทธภพ ดื่มเหล้าอาจทำให้เกิดเรื่อง น่าจะพอได้แล้วล่ะ”

เซียนกระบี่ชุดเขียวที่มองดูแล้วยังหนุ่มอยู่มากผู้นั้นหันหลังให้หวังตุ้น แต่มือที่เทเหล้ากลับไม่ได้หยุดนิ่ง “ไม่เป็นไร บรรจุเหล้าไปมากๆ หน่อยก็สามารถดื่มอย่างประหยัดได้เหมือนกัน”

หวังตุ้นลังเลเล็กน้อย ก่อนเอ่ยเตือนว่า “ข้าสามารถเปลี่ยนหน้ากากใหม่ เปลี่ยนสถานที่ใหม่มาขายเหล้าต่อ”

เซียนกระบี่หนุ่มผู้นั้นเงยหน้าขึ้นยิ้มกล่าว “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขออวยพรล่วงหน้าให้กิจการของเจ้าภูเขาหวังเจริญรุ่งเรือง มีเงินทองไหลมาเทมา”

หวังตุ้นเห็นว่าเขาไม่หลงกลก็ได้แต่เอ่ยต่อว่า “เหล้าเก่าแก่หลายไหที่อยู่ด้านล่างนั้นฤทธิ์แรงเกินไป มีชื่อว่าเหล้าโซ่วเหมย อันที่จริงเป็นเหล้าเก่าเก็บอยู่ใต้ดินของหมู่บ้านภูเขาส่าส่าวข้า โดยทั่วไปแล้วคนในยุทธภพที่ชอบดื่มเหล้าไม่รู้จักชื่อของเหล้าชนิดนี้ ต่อให้ควักเงินจ่ายได้ไหวก็ไม่กล้ากินเกินสองชาม นั่นเป็นเพราะออกฤทธิ์แรงเกินไป ดังนั้นจึงถูกเรียกว่าสองถ้วยเซหรือไม่ก็สามถ้วยล้ม ไม่สู้เจ้าลองเปลี่ยนเป็นเหล้าธรรมดา รสชาติดีกว่ากันมาก”

คนหนุ่มส่ายหน้า “ไม่เป็นไร ดื่มเหล้าไม่ใช่ดื่มชา ไม่จำเป็นต้องพิถีพิถันในเรื่องรสชาติที่คงค้างอยู่ยาวนาน ดื่มเหล้าก็หวังให้เมามาย นี่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลตามหลักฟ้าดิน”

หวังตุ้นทนไม่ไหวอีกต่อไป “ตอนนี้ในหมู่บ้านมีแขกสูงศักดิ์มาเยือนมากมายดุจก้อนเมฆ ขุนนาง สหายในยุทธภพ ผู้มีชื่อเสียงในวงการนักประพันธ์ ต่างก็ไม่อาจเพิกเฉยละเลยได้ เหล้าโซ่วเหมยสามสิบกว่าไหที่เก็บไว้ในหมู่บ้าน คาดว่าคงต้องหมดสิ้นแน่แล้ว การที่ข้ามาหลบหาความสงบอยู่ที่นี่ก็เพราะคิดว่า จะดีจะชั่วก็ยังสามารถเก็บเหล้าโซ่วเหมยไว้ได้สักสองสามไห เจ้าจะไม่เข้าใจกันสักหน่อยหรือ?”

คนหนุ่มเปิดเหล้าโซ่วเหมยไหสุดท้ายแล้ว เขาพูดอย่างขุ่นเคืองว่า “เหตุใดผู้อาวุโสไม่พูดแต่เนิ่นๆ พอผนึกดินถูกเปิดออกก็ไม่อาจรั้งรสชาติเอาไว้ได้แล้ว ก่อนหน้านี้พวกเรานั่งอยู่ที่โต๊ะก็ดื่มเหล้ากันไปพอสมควร ไม่อย่างนั้นก็คงจะลองชิมรสชาติของเหล้าโซ่วเหมยนี่ดูได้ เวลานี้กลับไม่อาจบรรจุไว้ในกาเหล้าของข้าได้ ช่างน่าเสียดายจริงๆ น่าเสียดายยิ่งนัก ช่างเถิด ในเมื่อเจ้าหมู่บ้านอยากจะเก็บไว้ดื่มเองหนึ่งไห ทำตัวเป็นคนขี้เหนียวที่ยินดีแบ่งเหล้าให้คนอื่นดื่มแค่หนึ่งถ้วยเหมือนข้า ข้าก็คงไม่เอาไปแล้วล่ะ จะเก็บไหนี้ไว้ให้เจ้าภูเขาหวังก็แล้วกัน”

หวังตุ้นโบกมือ หัวเราะร่าเอ่ยว่า “ที่ไหนกันๆ เชิญเจ้าเทเหล้าไปได้ตามสบาย ข้าหวังตุ้นไม่ใช่คนประเภทนั้น มอบเหล้าให้แก่เซียนกระบี่บรรจุไว้ในน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ ถือเป็นเรื่องงดงามในโลกมนุษย์ เป็นเรื่องที่ดีงามเรื่องหนึ่ง”

ดังนั้นถึงท้ายที่สุด เหล้าโซ่วเหมยจึงไม่เหลืออยู่แม้แต่ไหเดียว

หวังตุ้นหมุนตัวกลับ ไม่อยากมองเห็นอีก ท่าทางเสียใจอาลัยอาวรณ์คล้ายสตรีที่ต้องแต่งงานจากบ้านไปไกล

หวังตุ้นที่หันหลังให้โต๊ะคิดเงินถอนหายใจ “จะไปจากที่นี่เมื่อไหร่? หาใช่ว่าข้าไม่กระตือรือร้นอยากรับรองแขก แต่พวกเจ้าอย่าไปที่หมู่บ้านภูเขาส่าส่าวเลยจะดีกว่า ที่นั่นมีแต่การรับรองที่น่าเบื่อหน่าย”

จากนั้นหวังตุ้นก็บอกที่อยู่ของท่าเรือตระกูลเซียนแคว้นลวี่อิงโดยละเอียด

เฉินผิงอันเดินอ้อมออกมาจากโต๊ะคิดเงิน ยิ้มกล่าวว่า “ถ้าอย่างั้นก็รบกวนเจ้าหมู่บ้านหวังให้คนจูงม้ามาให้สองตัว พวกเราคงไม่ค้างแรมที่เมืองเล็กแล้ว แต่จะออกเดินทางทันที”

หวังตุ้นโบกมือหนึ่งครั้ง ลูกศิษย์ในหมู่บ้านคนหนึ่งที่ตามมาเพราะได้ข่าวก็ถูกเรียกตัวจากมุมของตรอกที่ห่างไปไกลให้มาอยู่ข้างกายเขา เป็นมือกระบี่วัยกลางคนหน้าตาหล่อเหลาปานหยกคนหนึ่ง หวังตุ้นฝึกวรยุทธปะปนกันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นวิชาหมัดวิชาตัวเบา หรือวิชาดาบ กระบี่ ทวนก็ล้วนเป็นบุคคลอันดับหนึ่งอย่างสมศักดิ์ศรีของแคว้นอู่หลิง ดังนั้นในบรรดาลูกศิษย์ผู้สืบทอดของเขาจึงเชี่ยวชาญกันไปคนละอย่าง คนที่มายังร้านเหล้าผู้นี้ก็คือลูกศิษย์ผู้เป็นที่ภาคภูมิใจที่ได้รับการสืบทอดวิชากระบี่จากหวังตุ้น อยู่ในแคว้นอู่หลิงก็สามารถยึดครองตำแหน่งยอดฝีมือสามอันดับแรกด้านวิชากระบี่ได้อย่างมั่นคง พอได้พบกับเฉินผิงอันและรับคำสั่งจากอาจารย์แล้ว ก่อนจะไปจากร้านเหล้าก็ไม่ลืมกุมหมัดคารวะเซียนกระบี่ชุดเขียวผู้นั้น “หวังจิ้งซานลูกศิษย์หมู่บ้านภูเขาส่าส่าวคารวะเซียนกระบี่ วันหน้าหากเซียนกระบี่เดินทางผ่านหมู่บ้าน ขอเซียนกระบี่โปรดชี้แนะวิชากระบี่แก่ผู้น้อยสักหน่อยเถิด”

เฉินผิงอันยิ้มพลางพยักหน้ารับ “ได้เลย”

หวังตุ้นยิ้มกล่าว “ชี้แนะวิชากระบี่อะไรกัน กระบี่บินบนภูเขาบินไปบินกลับ เจ้าหวังจิ้งซานก็แพ้แล้ว บอกไปตามตรงเถอะว่าอยากเห็นวัตถุแห่งชะตาชีวิตของเซียนกระบี่กับตาตัวเอง จะหาข้ออ้างส่งเดชทำไม ไม่อายคนเขาบ้างหรือ”

เห็นได้ชัดว่าหวังจิ้งซานคุ้นเคยกับนิสัยของอาจารย์ตัวเองดี จึงไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนใดๆ เพียงบอกลาจากไปด้วยใบหน้าแต้มยิ้ม

เพียงไม่นานหวังจิ้งซานก็จูงม้าสองตัวมาจากทางหมู่บ้านภูเขา นอกจากหวังจิ้งซานแล้วยังมีม้าอีกสองตัว ผู้ขี่คือเด็กหนุ่มเด็กสาวคู่หนึ่ง ล้วนเป็นศิษย์น้องชายหญิงของหวังจิ้งซาน

สามคนห้าม้ามาเยือนอำเภอที่ห่างจากหมู่บ้านภูเขาส่าส่าวไม่ไกลแห่งนี้

คนในหมู่บ้านทั่วไปไม่กล้าเปิดปากขอหวังจิ้งซานว่าจะไปรบกวนอาจารย์ที่ร้านเหล้าเพื่อชมมาดของเซียนกระบี่ในตำนาน ก็มีเพียงลูกศิษย์ที่อาจารย์รักและเอ็นดูที่สุดสองคนนี้เท่านั้นที่สามารถตามตื๊อจนหวังจิ้งซานจำต้องแข็งใจพามาด้วย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!