ตอน บทที่ 525.4 เหตุผลของเฉินผิงอันและฉีจิ่งหลง จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 525.4 เหตุผลของเฉินผิงอันและฉีจิ่งหลง คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
พอกู้โม่เห็นฉีจิ่งหลง เนื่องจากขอบเขตที่มีความแตกต่างจึงไม่อาจรู้ได้ว่าคนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ก็คือ ‘หลิวจิ่งหลง’ เจียวหลงบนบก
แต่ผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดคนนั้นกลับมองทะลุเวทอำพรางตาไปเห็น จึงยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “หรงช่างแห่งทะเลสาบกระบี่ฝูผิงคารวะท่านหลิว”
เจ้าของทะเลสาบกระบี่ฝูผิง ก็คือลี่ไฉ่
สุยจิ่งเฉิงมีสีหน้าแปลกประหลาด เหตุใดเมื่อนางได้พบกับผู้ฝึกกระบี่ที่บอกว่าตัวเองมาจากทะเลสาบกระบี่ฝูผิงผู้นี้แล้วถึงได้รู้สึกใกล้ชิดและคุ้นเคยนะ? นางสะบัดศีรษะ สลายริ้วคลื่นอารมณ์ที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุนั้นทิ้งไป ขยับเท้าไปยืนอยู่ด้านหลังของฉีจิ่งหลงมากกว่าเดิม
หรงช่างเห็นภาพนี้แล้วก็หลุดหัวเราะพรืดอย่างอดไม่ได้ แล้วก็ไม่ได้พูดอะไรให้มากความเช่นกัน นี่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลดีแล้ว แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น แต่แค่รับฟังก็พอแล้ว จะได้ไม่กลายเป็นว่าตนวาดงูเติมขา ทำลายมหามรรคา
เพียงแต่ว่าเมื่อหรงช่างได้ ‘พบกับนางอีกครั้งหลังจากที่จากกันไปนาน’ ในใจก็รู้สึกหนักอึ้งเล็กน้อย
เดิมทีเรื่องการฝึกตนของ ‘สุยจิ่งเฉิง’ ไม่ควรจะต้องมีอุปสรรคมากมายขนาดนี้
แต่ใครเล่าจะคาดคิดได้ว่า หลี่อวี๋ไท่เสียหยวนจวินที่มีโอกาสว่าจะฝ่าด่านเป็นตายได้สำเร็จ ผู้ฝึกตนใหญ่ที่สนิทสนมกับอาจารย์ของตนจะลาจากโลกนี้ไปแล้ว
ดังนั้นการเดินทางลงใต้ครั้งนี้ ในฐานะลูกศิษย์คนสุดท้ายที่หลี่อวี๋รักเอ็นดูและให้ความสำคัญมากที่สุด อารมณ์ของกู้โม่จึงเรียกได้ว่าเลวร้ายสุดขีด รังปีศาจที่มีพวกภูตผีอาละวาดล้วนถูกนางใช้วิชาอสนีของสำนักทำลายล้างจนภูเขาพังถล่มพื้นดินแตกแยก ครั้งหนึ่งในนั้นหากไม่เป็นเพราะหรงช่างออกกระบี่ นางก็คงต้องตกอยู่ในสถานการณ์อับจนสิ้นหวัง เพราะถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นปีศาจใหญ่ขอบเขตก่อกำเนิดที่ต่อสู้จนเลือดขึ้นตาแล้ว ดังนั้นกู้โม่ที่บาดเจ็บไม่น้อยจึงยังเอาแต่ก้มหน้าก้มตาเดินทาง นางไปที่แคว้นอู่หลิงมาก่อนรอบหนึ่ง ไล่ตามไปพบเบาะแสจึงย้อนกลับมายังท่าเรือหัวมังกรแคว้นลวี่อิงแห่งนี้ ไม่เคยมีเวลาได้พักผ่อนรักษาร่างกาย หรงช่างเกลี้ยกล่อมอยู่สองครั้งก็ยังไร้ผล จึงได้แต่ล้มเลิกความคิด เพราะถึงอย่างไรกู้โม่ก็ไม่ใช่คนในสำนักของตน
หลังจากที่รู้ว่าไท่เสียหยวนจวินลาจากโลกนี้ไปแล้ว หรงช่างก็รีบส่งข่าวกระบี่บินไปยังทะเลสาบซูเจี่ยนแห่งแจกันสมบัติทวีปซึ่งได้นัดหมายกับอาจารย์ไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วทันที
จากนั้นไม่นานอาจารย์ก็ส่งกระบี่บินกลับมาที่ทะเลสาบกระบี่ฝูผิง บอกเขาว่าต้องดูแลความปลอดภัยของสตรีผู้นั้นให้ดี ห้ามให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดใดๆ ขึ้นอีก ไม่อย่างนั้นจะมาเอาเรื่องกับเขา
หรงช่างรู้จักนิสัยของลี่ไฉ่ผู้เป็นอาจารย์ดียิ่งกว่าใคร รู้ดีว่านี่ต้องไม่ใช่คำพูดเพราะแรงโทสะอย่างแน่นอน
นิสัยของอาจารย์นั้นเรียบง่ายอย่างยิ่ง ไม่ต้องให้ลูกศิษย์ทั้งสำนักคาดเดากันไปส่งเดช ยกตัวอย่างเช่นเขาหรงช่างยังไม่อาจเลื่อนขั้นเป็นห้าขอบเขตบนได้เสียที ลี่ไฉ่เห็นเขาจึงขวางหูขวางตา ทุกครั้งที่พบหน้ากันจะต้องลงมือสั่งสอนเขาคำรบหนึ่ง ต่อให้หรงช่างจะแค่ขี่กระบี่ไปกลับ แต่ขอแค่ดันบังเอิญไปโผล่ให้อาจารย์ที่กำลังชมทัศนียภาพอย่างที่หาได้ยากมองเห็นเข้าพอดี ก็จะต้องถูกกระบี่หนึ่งฟันเข้าใส่
ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องใหญ่
แม้กู้โม่จะอารมณ์ย่ำแย่อย่างถึงที่สุด แต่ก็ยังคงทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้แก่หรงช่างแห่งทะเลสาบกระบี่ฝูผิง ด้วยการพูดกับสตรีคนนั้นว่า “เจ้าก็คือสุยจิ่งเฉิงกระมัง? เจ้าถือเป็นลูกศิษย์ที่ได้รับการบันทึกชื่อของไท่เสียหยวนจวินผู้เป็นอาจารย์ข้า หลังจากนี้บนเส้นทางการฝึกตนของเจ้าจะมีผู้ปกป้องมรรคา ซึ่งก็คือข้ากู้โม่ แต่เจ้าวางใจเถอะ นอกจากนี้จะชี้แนะวิชาบังคับกระบี่วิชาหนึ่งให้แก่เจ้าแล้ว เจ้าจะไปไหนก็ได้ตามใจ ขึ้นเขาลงห้วย ล้วนไปได้หมด ไม่มีใครบังคับเจ้า ข้าเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ชุดคลุมอาคมเสื้อไผ่ที่อยู่บนร่างเจ้าตัวนั้น หลังจากนี้ก็จะเป็นของของเจ้าอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ปิ่นทอง ‘ไท่เสียอี้กุ่ย’ หนึ่งในปิ่นทองสามชิ้น เจ้าต้องเอาออกมา ในอนาคตทางสำนักจะมีการเตรียมการอย่างอื่นสำหรับเจ้า แต่ข้าก็จะนำสมบัติอาคมชิ้นอื่นมาแลกเปลี่ยนกับเจ้า ระดับขั้นย่อมเท่ากัน ไม่มีทางแย่กว่า”
ส่วนหลิวจิ่งหลงนั้น ถึงอย่างไรเขาก็ร่ายเวทอำพรางตา กู้โม่จึงทำเป็นว่ามองไม่เห็น ไม่รู้จัก
ได้ยินมาว่าเขาเป็นคนประหลาดคนหนึ่งที่ตบะสูงมาก พรสวรรค์ดีเยี่ยมอย่างถึงที่สุด ชื่อเสียงก็โด่งดัง แต่กลับอืดอาดจู้จี้มากเป็นพิเศษ
กู้โม่ไม่ยินดีจะทักทายปราศรัยกับเขา
การคบค้าสมาคมกับผู้อื่น?
การคบค้าสมาคมกับผู้อื่นของสายไท่เสีย แต่ไหนแต่ไรมาจะคบค้ากับแค่พวกผู้ฝึกตนที่เคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กันมาเท่านั้น ต่อให้เจ้าจะเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกตนห้าขอบเขตล่าง ก็สามารถกลายเป็นแขกผู้สูงศักดิ์บนภูเขาได้เช่นกัน แต่นอกเหนือจากนี้ ต่อให้เจ้าเป็นผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบน แล้วจะเกี่ยวอะไรกับข้าด้วยเล่า?
สุยจิ่งเฉิงอึ้งตะลึงไปเล็กน้อย ครั้นจึงกัดฟัน เดินไปหยุดอยู่ข้างกายฉีจิ่งหลง ถามอย่างระมัดระวังว่า “ข้าอยากไปเที่ยวดูที่แจกันสมบัติทวีป ได้หรือไม่?”
กู้โม่ที่ยืนอยู่บนใบบัวชำเลืองตามองหรงช่างที่อยู่ด้านหลังแวบหนึ่ง
หรงช่างจึงยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ทางที่ดีที่สุดควรอยู่ในอุตรกุรุทวีป”
เพราะหากไม่ผิดไปจากที่คาด ลี่ไฉ่อาจารย์ของเขาคงอยู่ระหว่างการเดินทางมาเยือนอุตรกุรุทวีปแล้ว
สุยจิ่งเฉิงรีบหยิบปิ่นทองสามชิ้นออกมา “ปิ่นทองสามชิ้นนี้ ข้าสามารถคืนให้กับพวกเจ้า หากเป็นไปได้ ข้าอยากจะติดตามผู้อาวุโสท่านหนึ่งฝึกตน ข้าพูดว่าหากเป็นไปได้ แต่ถ้าไท่เสียหยวนจวินไม่ตอบตกลง ยังคงจะให้ข้าเป็นลูกศิษย์ที่ได้รับการบันทึกชื่อ ถ้าอย่างนั้นให้ข้าไปท่องเที่ยวแจกันสมบัติทวีปให้เสร็จก่อนได้หรือไม่? หลังจากการเดินทางจบลง ข้าย่อมกลับคืนมายังอุตรกุรุทวีป แล้วจะไปขออภัยหยวนจวิน…”
กู้โม่คำรามอย่างเดือดดาล “หยุดพูดจาเหลวไหลสักที!”
หรงช่างเองก็รู้สึกลำบากใจเล็กน้อย
คำกล่าวของสตรีผู้นี้ไม่มีปัญหาใดๆ ทว่ามันกลับแทงใจดำของกู้โม่พอดี
หยวนจวินท่านหนึ่งสิ้นชีพลาจากโลกไป ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในตระกูลเซียนที่มีอักษรจงในชื่อแห่งใดก็ล้วนถือเป็นความโชคร้ายใหญ่เทียมฟ้า แล้วนับประสาอะไรกับที่กู้โม่ยังเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของหลี่อวี๋อีก
ฉีจิ่งหลงถอนหายใจอยู่ในใจ พอจะเดาออกแล้วว่าน่าจะเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นกับไท่เสียหยวนจวิน
แต่ฉีจิ่งหลงก็ยังพูดด้วยอารมณ์ที่สงบนิ่งว่า “มีอะไรก็พูดคุยกันดีๆ”
สีหน้ากู้โม่เย็นชาดุจน้ำค้างแข็ง สายตาจับจ้องฉีจิ่งหลงเขม็ง “เจ้าเป็นแค่คนนอกคนหนึ่ง มีคุณสมบัติมาเอ่ยปากแทรกด้วยหรือ?!”
ฉีจิ่งหลงพูดด้วยสีหน้าเป็นปกติ “ข้ามีสหายอยู่คนหนึ่ง ตอนนี้กำลังหลอมวัตถุแห่งชะตาชีวิต อยู่ในช่วงที่เป็นกุญแจสำคัญ แม่นางกู้กับเซียนกระบี่หรงก็น่าจะรู้ชัดเจนดี ถ้าอย่างนั้นพวกเราสามารถนั่งลงแล้วคุยกันช้าๆ ได้หรือไม่?”
สุยจิ่งเฉิงพยักหน้ารับอย่างแรง ยังคงค้างอยู่ในท่ามือหนึ่งยื่นออกไป ฝ่ามือของนางแบออก บนฝ่ามือก็คือปิ่นทองทั้งสามชิ้น
หรงช่างพลันขมวดคิ้วมุ่น
ขออย่าให้เป็นทัณฑ์หายนะนั้นเลย!
สุยจิ่งเฉิงมีสีหน้าตื่นตระหนก
ฉีจิ่งหลงส่ายหน้า “ละวางสิ่งที่พึงละวางก็เพื่อกระทำสิ่งที่พึงกระทำ”
ฉีจิ่งหลงมองไปทางกู้โม่ที่โมโหจัดจนกลายเป็นหัวเราะ “ข้ารู้ว่าแม่นางกู้ไม่ใช่คนป่าเถื่อนไร้เหตุผล เพียงแต่ตอนนี้จิตแห่งเต๋าไม่มั่นคง ถึงได้มีคำพูดและการกระทำเช่นนี้”
แล้วฉีจิ่งหลงก็หันหน้าไปมองผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดจากทะเลสาบกระบี่ฝูผิงผู้นั้น “ข้าเองก็รู้ว่าเซียนกระบี่หรงมีใจคิดคำนึงถึง ซึ่งเป็นความหวังดี”
กู้โม่หัวเราะเสียงเย็นชา “โอ้โห อีกเดี๋ยวก็ต้องพูดว่า ‘แต่ว่า’ ด้วยหรือเปล่าล่ะ?!”
ฉีจิ่งหลงส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “ข้ายืนอยู่ตรงนี้ก็คือคำว่า ‘แต่ว่า’ นั่นแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ข้าพูดออกมา”
หรงช่างคิดแล้วก็เอ่ยว่า “แค่ประลองกระบี่หนึ่งครั้ง เป็นอย่างไร?”
ฉีจิ่งหลงพยักหน้ารับ จากนั้นก็ไม่มองหรงช่างอีก เขาเบนสายตามองไปยังกู้โม่ แล้วพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “ตอนนี้ถึงตาเจ้าแล้ว”
ในใจกู้โม่เกิดความหวาดผวาพรั่นพรึง พลันหันขวับกลับไปมอง
หรงช่างยืนนิ่งไม่ขยับ ได้แต่ยิ้มเจื่อนเอ่ยว่า “ศึกบนภูเขาตี่ลี่ เป็นพวกเจ้าสองคนที่พากันหยุดมือจริงๆ”
เวลานี้ผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดจากทะเลสาบกระบี่ฝูผิงผู้นี้เหมือนตกอยู่ในฟ้าดินขนาดเล็กแห่งหนึ่ง
ฟ้าดินขนาดเล็กแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยปณิธานกระบี่ที่บริสุทธิ์นับไม่ถ้วน
กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของฉีจิ่งหลงมีนามว่า ‘กฎเกณฑ์’ ว่ากันว่ามาจากคัมภีร์ของอริยะลัทธิขงจื๊อคนหนึ่งในอดีต แต่ในอุตรกุรุทวีปแห่งนี้แทบจะไม่มีใครรู้แล้วว่ากระบี่บินที่มีชื่อประหลาดเล่มนี้มีวิชาอภินิหารแห่งชะตาชีวิตแบบใดกันแน่
กู้โม่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน สีหน้าซีดขาวราวหิมะ มือสองข้างเริ่มสั่นสะท้านเบาๆ
ฉีจิ่งหลงตวาดเบาๆ “สงบสติอารมณ์ รวบรวมลมปราณและจิตใจให้สงบ อย่าได้ทำอะไรเหลวไหล!”
กู้โม่เหมือนถูกตวาดให้ได้สติ นางสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้งถึงจะสงบสติอารมณ์ได้ แล้วมองไปยังผู้ฝึกกระบี่ชุดเขียวผู้นั้นด้วยอารมณ์ซับซ้อนอย่างยิ่ง
และเวลานี้เอง คนหนุ่มที่สวมชุดเขียวเหมือนกับฉีจิ่งหลงก็เดินออกมาจากในห้องแห่งนั้น “ขอโทษที ทำให้ทั้งสองท่านรอนานแล้ว”
—–
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!