จากนั้นเฉินผิงอันก็ลุกขึ้นยืน เดินไปเคาะประตู
ฝ่ายฉีจิ่งหลงก็ได้ถอนค่ายกลยันต์ออกไปแล้ว
เฉินผิงอันพาสุยจิ่งเฉิงเดินมาถึงริมขอบสระบัว ขอแค่เป็นเรื่องที่พูดได้ เขาล้วนเล่าให้นางฟังทั้งสิ้น
สุดท้ายเฉินผิงอันยิ้มกล่าวว่า “ตอนนี้เจ้าไม่ต้องไปคิดถึงอะไรทั้งนั้น ภายใต้เงื่อนไขเช่นนี้ เจ้าคิดจะทำอย่างไร?”
สุยจิ่งเฉิงถามเบาๆ ว่า “จะสร้างปัญหาให้กับผู้อาวุโสกับท่านหลิวหรือไม่?”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “บนเส้นทางของการฝึกตน ขอแค่ตนเองไม่ไปหาเรื่องมาใส่ตัว ก็ไม่ต้องกลัวว่าปัญหาจะมาเยือนถึงบ้าน”
กู้โม่นั่งอยู่บนเรือลำเล็ก นางว่างงานยิ่งกว่าฉีจิ่งหลงเสียอีก มองดูเหมือนกำลังเพ่งมองใบบัวที่อยู่นอกตัวเรือ แต่ความจริงกลับเงี่ยหูรับฟังอยู่ตลอดเวลา แล้วก็อดกลอกตามองบนได้
ไม่ใช่ว่าเป็นเพราะคนผู้นั้นพูดจาไม่ถูกใจ ตรงกันข้ามกันเลยด้วยซ้ำ เพราะนางกู้โม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายพูดจามีเหตุผลอย่างยิ่ง แต่กับเจ้าคนแซ่เฉินผู้นี้ นางไม่เคยปฏิเสธว่ามีอคติต่อเขาอย่างมาก ดังนั้นถึงได้มีการกระทำเช่นนี้
สุยจิ่งเฉิงพยักหน้ารับ ยิ้มกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นก็รอให้ข้าได้พบกับยอดฝีมือท่านนั้นก่อนค่อยว่ากัน?”
เฉินผิงอันตอบ “ย่อมได้”
สีหน้าของสุยจิ่งเฉิงหม่นหมองเล็กน้อย ดวงตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความละอายใจ นางอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูด
เฉินผิงอันขมวดคิ้วกล่าวว่า “หากมัวแต่คิดมากกับทุกเรื่อง ก็มีแต่จะยิ่งทำให้เจ้าชักช้าอืดอาด แล้วจะยังต้องคิดอีกทำไม? รังเกียจว่าการฝึกตนของตัวเองพัฒนาเร็วเกินไป? หรือว่าเรื่องของการฝึกจิตใจนั้นง่ายดายเกินไป?”
สุยจิ่งเฉิงร้องอ้อรับหนึ่งที
ทั้งไม่โต้เถียง แต่ก็ดูเหมือนไม่คิดจะเอากลับไปทบทวนตัวเอง
หากเปลี่ยนมาเป็นลูกศิษย์บุกเบิกขุนเขาของตน ป่านนี้เฉินผิงอันคงเขกมะเหงกลงไปนานแล้ว
ฉีจิ่งหลงยังคงนั่งอยู่ที่เดิม ไม่มองในสิ่งที่ไม่ควรมอง ไม่ฟังในสิ่งที่ไม่ควรฟัง
แต่ด้วยตบะที่สูงส่ง ถ้อยคำทั้งหลายจึงดังเข้าหูอย่างแจ่มชัด จะขวางก็ขวางไม่อยู่
กลับกลายเป็นว่าหรงช่างคือคนที่อัดอั้นตันใจมากที่สุด
สถานการณ์ใหญ่ถูกกำหนดมาแล้ว กู้โม่ที่ตอนแรกรีบร้อนลุกลน กลับกลายมาเป็นคนที่สบายอารมณ์มากที่สุด นางมองดูคู่ชายหญิงที่ความสัมพันธ์ประหลาดคู่นั้นแล้วถึงขั้นรู้สึกว่ามีบางอย่างชวนให้น่าขบคิด
หลังจากนั้นกู้โม่และหรงช่างก็เข้าพักในโรงเตี๊ยมตระกูลเซียนของท่าเรือหัวมังกรแห่งนี้ เรือนทั้งสองหลังล้วนไม่เล็ก
อยู่ห่างจากเรือนสระบัวมาค่อนข้างไกล และนี่ก็ถือว่าเป็นความจริงใจเล็กๆ อย่างหนึ่ง หลีกเลี่ยงไม่ให้บุรุษชุดเขียวสองคนนั้นเข้าใจผิดคิดว่าไม่ไว้ใจพวกเขา
กู้โม่และหรงช่างนั่งอยู่ตรงข้ามกันในลานบ้านขนาดเล็กของเรือน
กู้โม่เอ่ยถาม “หรงช่าง ข้าแค่ถามชวนคุยนะ เจ้าเอาชนะหลิวจิ่งหลงผู้นั้นไม่ได้จริงๆ หรือ? กระบวนท่าเดียวก็แพ้เลย?”
หรงช่างยิ้มกล่าว “หากจะเข่นฆ่ากันจริงๆ แน่นอนว่าไม่มีทางแพ้ยับเยินขนาดนั้น แต่โอกาสที่จะเอาชนะได้ก็มีน้อยมากจริงๆ ศึกบนภูเขาตี่ลี่ระหว่างฉีจิ่งหลงกับนักพรตหญิงต่างถิ่นครั้งนั้น หากพวกเขาไม่หยุดมือก็ต้องหาโอกาสในการฝ่าทะลุขอบเขตจนเจอ”
กู้โม่กล่าวอย่างปลงอนิจจังว่า “หลิวจิ่งหลงผู้นี้เป็นคนประหลาดจริงๆ! มีใครที่สามารถฝ่าทะลุขอบเขตได้ตลอดทางอย่างง่ายดายแบบนี้บ้าง นี่ต้องเรียกว่าพุ่งทะยานดุจผ่าลำปล้องไม้ไผ่แล้ว คนเปรียบเทียบกับคน ทำให้คนโมโหตายได้จริงๆ”
หรงช่างยิ้มกล่าว “หากหันไปมองสองคนที่อยู่เบื้องหน้าหลิวจิ่งหลง พวกเราจะไม่ต้องเอาหัวโหม่งตายให้จบๆ เรื่องไปเลยหรอกหรือ?”
กู้โม่ส่ายหน้า “สองคนนั้นน่ะหรือ ข้าไม่คิดจะเอาตัวไปเปรียบเทียบด้วยซ้ำ ไม่มีความคิดนั้นเลย หลิวจิ่งหลงมีความหวังสูงสุดที่จะได้เลื่อนขั้นเป็นคนบนยอดเขาของอุตรกุรุทวีปในอนาคต แต่สองคนนั้นน่ะ ต้องได้เลื่อนขั้นแน่นอนอยู่แล้ว ถึงขั้นที่ว่าอาจารย์อาท่านหนึ่งในสายอื่นของสำนักข้ายังเคยวิเคราะห์ไว้ว่า คนหนึ่งในนั้น ในอนาคตต่อให้ไปอยู่ที่ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง ก็ยังมีโอกาสเลื่อนขั้นติดอันดับสิบคนอยู่ดี”
กู้โม่พลันถามว่า “ได้ยินมาว่าแจกันสมบัติทวีปที่เซียนกระบี่ลี่ไปเยือน เว่ยจิ้นเซียนกระบี่แห่งศาลลมหิมะ และซ่งจ่างจิ้งอ๋องเจ้าเมืองของต้าหลี ต่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งทั้งคู่?”
หรงช่างพยักหน้ารับ “แข็งแกร่งมากทั้งคู่ นับวันรอมหามรรคาได้เลย”
กู้โม่กล่าวอย่างกังขา “เว่ยจิ้นยังไม่ต้องไปพูดถึงเขา แต่ซ่งจ่างจิ้งคือผู้ฝึกยุทธเต็มตัว เดินไปบนเส้นทางสายขาด คำว่านับวันรอมรรคาคงไม่ค่อยเหมาะสมกับเขาเท่าไรกระมัง?”
หรงช่างนึกถึงประโยคที่คนพูดไม่ตั้งใจ แต่คนฟังมีเจตนาที่ใครบางคนซึ่งก่อนหน้านี้ยืนอยู่ข้างกายอาจารย์ของเขาแล้วยังกล้าทำตัวเป็นบุรุษเจ้าชู้เสเพลเคยกล่าวถึง แล้วก็เลยยกประโยคของอีกฝ่ายมาพูดว่า “นอกจากความเป็นอมตะบนมหามรรคาก็ยังมีมหามรรคา”
กู้โม่ยิ้มเอ่ย “คำพูดประเภทนี้ ค่อนข้างคล้ายคลึงกับคำพูดของเหล่าอาจารย์ลุงอาจารย์อาทั้งหลายที่อยู่บนยอดเขาพาตี้ของสำนักพวกเราเลย”
หรงช่างไม่พูดอะไรให้มากความอีก
เพราะถึงอย่างไรยอดเขาพาตี้ก็เป็นภูเขาของเทพเซียนผู้เฒ่าอย่างฮว่อหลงเจินจวิน เจินเหรินผู้เฒ่าแทบจะไม่เคยจัดการธุระในสำนักมาก่อน ล้วนมอบหน้าที่ให้พวกศิษย์ลูกศิษย์หลานไปจัดการกันเอาเอง เพราะเจินเหรินผู้เฒ่าจะเอาแต่นอนอย่างเดียวเท่านั้น
อย่างไท่เสียหยวนจวินอาจารย์ของกู้โม่ ก็คือคนที่ฝึกตนประสบความสำเร็จ จึงได้ออกจากยอดเขาพาตี้ มาเปิดขุนเขาเป็นของตัวเองนานแล้ว จากนั้นก็รับลูกศิษย์ แตกกิ่งก้านสาขาออกไป
นอกจากสายของไท่เสียแล้ว ยังมีสายอื่นอีกสามสาย ล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในอุตรกุรุทวีป สายของเถาซานจะเชี่ยวชาญคาถาอสนีมากที่สุด สายของป๋ายอวิ๋นเชี่ยวชาญยันต์ค่ายกล ส่วนสายจื่อเสวียนเชี่ยวชาญเรื่องวิถีกระบี่
แต่ลูกศิษย์ผู้สืบทอดทุกคนของทั้งสี่ท่านที่สามารถไปสร้างชื่อเสียงยิ่งใหญ่ในอุตรกุรุทวีปได้ หากพูดถึงเรื่องการถ่ายทอดมรรคกถาจากอาจารย์เมื่อไหร่ พวกเขาก็จะพูดแค่ว่าตัวเองเรียนรู้มาแค่ผิวเผินเท่านั้นเหมือนกันหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น
คำพูดเกรงใจเช่นนี้ คนฟังเชื่อหรือไม่?
อยู่ในอุตรกุรุทวีป ก็เชื่อจริงๆ นั่นแหละ
นี่ยังไม่ถือว่าเกินจริงมากที่สุด คำกล่าวที่ทำให้คนไร้คำพูดตอบโต้ได้มากที่สุดนั้นได้แพร่ออกมาเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งไม่รู้ว่าแพร่มาได้อย่างไร ผลคือเพียงไม่นานก็สะพัดไปเกินครึ่งอาณาเขตของอุตรกุรุทวีป ว่ากันว่านั่นเป็นคำกล่าวของลูกศิษย์ผู้สืบทอดคนหนึ่งของฮว่อหลงเจินจวิน ตอนที่ลูกศิษย์คนนั้นลงจากภูเขามาหาประสบการณ์ เคยได้พูดคุยกับยอดฝีมือนอกโลกคนหนึ่งที่มาเยี่ยมเยือนยอดเขาพาตี้ ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงได้เป็นการ ‘เปิดเผยความลับสวรรค์’ เสียได้ เขาบอกว่าอาจารย์เคยพูดกับเขาด้วยตัวเองว่า อาจารย์รู้สึกว่าเรื่องที่น่าเสียดายที่สุดในชีวิตนี้ของอาจารย์ ก็คือความสามารถในการกำจัดปีศาจปราบมารที่อ่อนด้อยเกินไป
ดูเหมือนว่าลูกศิษย์คนนั้นจะเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ยังดีที่ตอนพูดถึงเรื่องนี้ นักพรตน้อยไม่ได้มีท่าทีรังเกียจอาจารย์ของตัวเองสักเท่าไร?
เซียนกระบี่มากมายของสถานที่อื่นต่างก็อยากจะยื่นมือออกไปกดหัวลูกศิษย์ผู้สืบทอดคนนั้นแรงๆ แล้วถามนักพรตหนุ่มที่ในสมองน่าจะมีรูผู้นั้นดังๆ ว่า เจ้ากำลังพูดเรื่องตลกอยู่จริงๆ งั้นหรือ?!
หลังจากถามคำถามนี้ไปแล้ว แน่นอนว่าเหล่าเซียนกระบี่ทั้งหลายยังต้องยิ้มแย้มส่งเขาออกจากอาณาเขตไปอย่างมีมารยาทด้วย
เซียนกระบี่ของอุตรกุรุทวีป ฟ้าไม่กลัวดินไม่เกรง ไม่กลัวใครทั้งนั้น กลัวก็แค่ฮว่อหลิงเจินเหรินที่ถือว่าเป็นคนกันเองครึ่งตัวผู้นั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!