เรือข้ามฟากของท่าเรือหัวมังกรที่มุ่งหน้าไปยังชายหาดโครงกระดูกที่อยู่ทางทิศใต้ค่อยๆ ทะยานขึ้นสู่กลางอากาศช้าๆ รัศมีแสงที่อาบทออยู่ริมขอบฟ้าเรื่อเรืองดุจแพรต่วนสีแดงสด
กู้โม่ที่นอนฟุบตัวอยู่บนราวระเบียงหลั่งน้ำตาเงียบๆ อาจารย์เคยบอกว่า ความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตนี้ของนางก็คือการได้บินทะยานท่ามกลางแสงระยิบระยับริมขอบฟ้าเช่นนี้
ตอนนั้นกู้โม่ยังเป็นเพียงเด็กสาวที่ไม่รู้ความ จึงถามอาจารย์ไปว่าบินทะยานมีอะไรดี?
ตอนนั้นอาจารย์เพียงแค่มองไปยังแสงสนธยาที่จับขอบฟ้า ไม่ได้บอกอะไรแก่เด็กสาว
ไม่ใช่ว่ากู้โม่เสียใจที่ตัวเองสูญเสียที่พึ่งไป นักพรตชายหญิงของสายไท่เสียลงจากภูเขาไปกำจัดปีศาจปราบมาร ขอแค่ยังไม่ตายก็อย่าได้หวังว่าจะกลับมาร้องทุกข์กับอาจารย์และเหล่าผู้อาวุโสได้ แต่ตายไปแล้วจะยังมาร่ำร้องฟ้องทุกข์อีกได้อย่างไร? กู้โม่รู้สึกว่าอาจารย์พูดจาไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย แต่ก็คล้ายว่าจะมีเหตุผลอย่างมาก
สุยจิ่งเฉิงยืนอยู่ข้างกายกู้โม่
หรงช่างไม่ได้ปรากฏตัว กลับเป็นฉีจิ่งหลงที่ยืนอยู่ห่างจากพวกนางไปไม่ไกล เพราะว่าเรือข้ามฟากต้องเดินทางลงใต้ ถือว่าเป็นทางผ่าน เนื่องจากเส้นทางการเดินเรือจะต้องผ่านอาณาเขตของราชวงศ์ต้าจ้วน
แต่เพียงไม่นานฉีจิ่งหลงก็กลับเข้าไปในห้องของตัวเอง
บนพื้นดิน ชุดเขียวของเฉินผิงอันเริ่มเดินเท้าไปทางทิศเหนือ มุ่งหน้าไปยังจุดที่ลำน้ำสายใหญ่ไหลลงสู่มหาสมุทรแล้ว
กู้โม่กับสุยจิ่งเฉิงเป็นเพื่อนบ้านกันบนเรือข้ามฟาก เวลานี้อาการบาดเจ็บของกู้โม่ได้กลับคืนมาเป็นปกติแล้ว นางเดินเข้าห้องไปพร้อมกับสุยจิ่งเฉิงอย่างเปิดเผย รินชาให้ตัวเองหนึ่งถ้วย ไม่เห็นตัวเองเป็นคนนอกแม้แต่น้อย ทั้งยังแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสีหน้าที่บอกว่าข้าต้องการฝึกตนเพียงลำพังของสุยจิ่งเฉิง ใบหน้ากู้โม่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ด้วยสภาพจิตใจที่วุ่นวายของเจ้าสุยจิ่งเฉิงในตอนนี้ ยังจะสามารถสงบจิตใจเข้าฌานทำสมาธิได้อีกหรือ? ไปหลอกผีเถอะ
กู้โม่ถาม “คนแซ่เฉินผู้นั้นไม่ได้มอบของแทนใจไว้ให้เจ้าบ้างเลยหรือ?”
สุยจิ่งเฉิงไม่สนใจผู้ฝึกตนหญิงที่ปากไร้หูรูดผู้นี้
กู้โม่ชำเลืองตามองไม้เท้าเดินป่าที่ผ่านการหลอมเล็กในมือของนาง ด้วยตบะขอบเขตคอขวดประตูมังกรของนาง แน่นอนว่าย่อมมองเวทอำพรางตาระดับขั้นต่ำเตี้ยของเจ้าหมอนั่นออกในปราดเดียว “ของเล่นชิ้นนี้น่ะหรือ? คุณภาพวัสดุไม่ธรรมดา รูปร่างก็ถือว่าพอจะใช้ได้ แต่เจ้าสุยจิ่งเฉิงหน้าตางดงามปานนี้ นี่เห็นได้ชัดว่าไอ้หมอนั่นไม่มีความจริงใจเอาซะเลย สุยจิ่งเฉิง ข้าไม่ได้ตำหนิเจ้าจริงๆ นะ แต่เจ้าอย่าได้ถูกคำหวานของไอ้หมอนั่นมอมเมาจิตใจเด็ดขาดเชียว”
สุยจิ่งเฉิงปลดผ้าคลุมหน้าออก วางไม้เท้าไว้บนโต๊ะ นางนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับกู้โม่ ฟุบตัวนอนกับหน้าโต๊ะ
กู้โม่มองประเมินสาวงามตระกูลสุยผู้นี้แล้วก็จุ๊ปากดังๆ
ใต้หล้านี้ขอแค่เป็นสตรีที่งดงามอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะพูดหรือไม่ก็ล้วนเป็นทัศนียภาพที่น่ามองได้ทั้งสิ้น
รอจนสุยจิ่งเฉิงเลื่อนสู่ห้าขอบเขตกลาง รูปโฉมของนางมีแต่จะยิ่งเพริศพริ้งเจิดจรัสมากกว่าเดิม ถึงเวลานั้นจะไม่ยิ่งงามยิ่งกว่านี้หรอกหรือ? กู้โม่อดไม่ไหวยื่นมือออกไปหมายจะลูบใบหน้าที่อ่อนนุ่มของสุยจิ่งเฉิง
สุยจิ่งเฉิงปัดมือกู้โม่ทิ้ง ยืดเอวนั่งตัวตรง ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “เทพธิดากู้ ขอเจ้าโปรดสำรวมตนด้วย!”
กู้โม่กลอกตามองบน ดื่มน้ำชารวดเดียวหมดถ้วย พอวางถ้วยชาลงแล้วก็ถามเบาๆ ว่า “ได้ยินมาว่าเจ้ากับเจ้าคนแซ่เฉินเดินทางท่องเที่ยวด้วยกันมาหลายแคว้น หากต้องนอนกลางดินกินกลางทราย เวลาปกติจะอาบน้ำอย่างไร? อีกอย่างเจ้าคงยังไม่ได้สังหารมังกรแดงกระมัง (มังกรแดงคือคำเปรียบเปรยถึงประจำเดือนของสตรี) จะไม่ยุ่งยากหรือ?”
สุยจิ่งเฉิงกล่าวอย่างเฉยเมย “เทพธิดากู้คือเทพเซียนที่ฝึกบำเพ็ญตน ถามเรื่องพวกนี้คงไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไรกระมัง?”
กู้โม่หัวเราะคิก “ฝึกตนก็ไม่ใช่คนแล้วหรือ? ผู้ฝึกตนหญิงก็ยังเป็นสตรีอยู่เหมือนเดิมไม่ใช่หรือไร? ข้าถามเรื่องพวกนี้ ข้าไม่ต้องจ่ายเงินแม้แต่เหรียญเกล็ดหิมะเดียว เจ้าเองก็ไม่ต้องเสียเหรียญเกล็ดหิมะสักเหรียญเหมือนกัน ลองเล่าให้ฟังบ้างสิ”
สุยจิ่งเฉิงพูดเสียงหนัก “ผู้อาวุโสคือวิญญูชนที่เที่ยงตรง เทพธิดากู้ ข้าจะพูดแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ข้าไม่อยากได้ยินคำพูดประเภทนี้อีก!”
กู้โม่มีสีหน้าตกตะลึง “นี่เจ้าโกรธแล้วก็จะให้เซียนกระบี่หรงฟันข้าให้ตายด้วยกระบี่เดียวเลยหรือไม่?”
จากนั้นกู้โม่ก็ใช้หัวโขกผิวหน้าโต๊ะแรงๆ ร่างโน้มเอียงมาด้านหน้า สองมือปัดป่ายสะเปะสะปะ “อย่านะ ข้ากลัวตาย…”
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นเบาๆ หรงช่างที่อยู่ด้านนอกเอ่ยว่า “ข้าเอง”
สุยจิ่งเฉิงรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก รีบเอ่ยว่า “เชิญเข้ามา”
กู้โม่กลับมานั่งตัวตรงอย่างสำรวมแล้ว เวลานี้กำลังจิบชาช้าๆ
ดูเหมือนว่าหรงช่างจะเห็นมาจนชินตา พอนั่งลงเรียบร้อยแล้วก็เอ่ยกับสุยจิ่งเฉิงว่า “ต่อจากนี้พวกเราจะต้องไปที่ชายหาดโครงกระดูกซึ่งอยู่ทางตอนใต้สุดของอุตรกุรุทวีป หลังจากนั้นก็ยิ่งต้องข้ามทวีปไปเยือนแจกันสมบัติทวีป ข้าจะบอกข้อห้ามบางอย่างบนภูเขากับเจ้า อาจจะเป็นเรื่องที่ยิบย่อยไปสักหน่อย แต่ก็ช่วยไม่ได้ แม้ว่าแจกันสมบัติทวีปจะเป็นทวีปที่เล็กที่สุดของใต้หล้าไพศาล แต่ก็ไม่แน่เสมอไปว่ามีจะคนมหัศจรรย์น้อยกว่าที่อื่น พวกเรายังคงต้องเข้าเมืองตาหลิ่วหลิ่วตาตาม”
อันที่จริงหรงช่างรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
ตอนอยู่ที่ทะเลสาบกระบี่ฝูผิง เขาเองก็ไม่ได้ถือว่าเป็นคนใจเย็นเท่าไรนัก เพียงแต่ว่าเมื่อเปรียบเทียบกับอาจารย์อย่างลี่ไฉ่แล้วจึงดูอ่อนโยนน่าเข้าใกล้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
นิสัยที่แท้จริงของเขาเป็นอย่างไร มีเพียงผู้ฝึกตนที่บ้างก็บาดเจ็บบ้างก็ตายอยู่ใต้คมกระบี่ของเขาหรงช่างเท่านั้นที่ถึงจะรู้ดีที่สุด
ในฐานะผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดที่มีน้ำหนักความสำคัญมากที่สุดคนหนึ่งในภาคกลางของอุตรกุรุทวีป อยู่ในทะเลสาบกระบี่ฝูผิง อันที่จริงเขาเองก็มีลูกศิษย์ผู้สืบทอดอยู่หลายคน ในหมู่ชาวบ้านด้านล่างภูเขามีคำกล่าวที่บอกว่าเด็กกตัญญูได้เพราะไม้เรียว และเมื่ออยู่กับเขาหรงช่าง ก็คือกินกระบี่หลายๆ ทีเพิ่มตบะ
แต่เมื่อต้องมาอยู่กับสุยจิ่งเฉิงที่เป็นศิษย์น้องหญิงเล็กครึ่งตัว แน่นอนว่าหรงช่างย่อมมีความอดทนมากกว่าอยู่กับคนอื่นๆ
สุยจิ่งเฉิงตั้งใจรับฟังคำอธิบายที่ยาวเหยียดของหรงช่าง
กู้โม่ไม่ถือว่าเป็นคนนอก หรงช่างย่อมไม่มีทางขับไล่นาง นางเองก็ไม่มีความคิดที่จะออกไปด้วยตัวเอง เอาแต่นั่งดื่มชาอยู่ตรงนั้นถ้วยแล้วถ้วยเล่า บางครั้งก็อ้าปากหาวหวอด ยอมรับฟังคำสั่งสอนที่จืดชืดน่าเบื่อหน่าย แต่ไม่ยอมไปอยู่ในห้องของตัวเอง
หรงช่างพรูลมหายใจยาวเหยียด ดูเหมือนว่าสุยจิ่งเฉิงจะเรียนรู้กฎเกณฑ์บนภูเขาหลายอย่างมากจากคนหนุ่มแซ่เฉินผู้นั้นแล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!