กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 527

สุยจิ่งเฉิงลังเลอยู่เล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยเบาๆ ว่า “เซียนกระบี่หรง ข้ารู้สึกว่าการเดินทางไกลเพื่อฝึกประสบการณ์ ถึงอย่างไรก็ควรระมัดระวังตัวไว้ก่อนจึงจะดี”

หรงช่างกลั้นยิ้ม พยักหน้ารับ “ตกลง”

กู้โม่เองก็พยักหน้าแล้วเอ่ยคล้อยตามว่า “เซียนกระบี่หรง ต้องระวังตัวนะ คำพูดเก่าแก่มากมายในยุทธภพ ถึงอย่างไรก็ควรต้องฟังเอาไว้บ้าง”

สุยจิ่งเฉิงไม่สนใจคำสัพยอกของกู้โม่ นางยังคงพูดต่อไปว่า “เซียนกระบี่หรง สายตาที่ท่านมองผู้โดยสารบางคนบนเรือข้ามฟาก ค่อนข้างจะชัดเจนไปสักหน่อย ตบะนั้นสามารถอำพรางไว้ได้ แต่ภาพบรรยากาศบางอย่างบนตัวของเซียนกระบี่กลับยากที่จะปกปิด หากตกอยู่ในสายตาของคนที่มีใจ ย่อมทำให้พวกเขาเกิดใจระแวงภัยมากขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ แล้วถ้าเป็นพวกอันธพาลไม่กลัวตายจริงๆ ไม่แน่ว่าด้วยพลังการต่อสู้ขอบเขตถ้ำสถิตก็อาจจะเรียกรวมพรรคพวกมา รวมตัวกันจนกลายเป็นขอบเขตชมมหาสมุทร แล้วขอบเขตชมมหาสมุทรก็อาจกลายเป็นขอบเขตประตูมังกร อนุมานเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จากเรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่ก็จะกลายเป็นหายนะ”

สุยจิ่งเฉิงคิดแล้วก็เอ่ยอย่างเขินอายว่า “อาจเป็นเพราะตบะของข้าต่ำเกินไป ตลอดทางที่ท่องอยู่ในยุทธภพเคยพบเจอกับอันตรายอยู่หลายครั้ง บางทีเห็นลมพัดได้ยินเสียงนกร้องก็เลยหวาดผวาไปหน่อย เซียนกระบี่หรงก็คิดเสียว่าข้าคือกบใต้บ่อ พูดจาเหลวไหลก็แล้วกัน”

กู้โม่กลับไม่เหลือสีหน้าหยอกล้ออย่างก่อนหน้านี้อีกแล้ว

ไม่ใช่บอกว่าเหตุผลของสุยจิ่งเฉิงนั้นถูกต้องอย่างยิ่ง มากพอจะทำให้หรงช่างกริ่งเกรง แต่ผู้ฝึกตนครึ่งตัวที่อายุตั้งสามสิบกว่าปีแล้วแต่กลับเพิ่งเคยออกท่องยุทธภพแค่เพียงครั้งเดียว กลับมีจิตใจเช่นนี้ได้ แน่นอนว่าต้องเป็นคนที่…ยินดีใช้สมองมากกว่านางกู้โม่อย่างแน่นอน

หรงช่างยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ข้าย่อมมีแผนการเป็นของตัวเอง”

จะดีจะชั่วเขาก็เป็นผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดคนหนึ่ง อีกทั้งยังลงมาจากภูเขาบ่อยๆ การเข่นฆ่าตัดสินเป็นตายระหว่างคนที่ขอบเขตต่างกันก็เคยมีประสบการณ์หลายครั้ง

แต่คำเตือนของสุยจิ่งเฉิงก็ไม่ได้แย่เลย

ดูเหมือนว่าการที่ศิษย์น้องหญิงเล็กกลายมาเป็นสุยจิ่งเฉิงตรงหน้าผู้นี้ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายไปทั้งหมด

ปีนั้นเมื่อศิษย์น้องหญิงเล็กสร้างหายนะใหญ่จนเป็นเหตุให้ทะเลสาบกระบี่ฝูผิงแตกหักกับสกุลหยางแห่งตำหนักนภากาศหน่วยฉงเสวียน ตัวนางเองก็ต้องจมอยู่ใต้ทะเลสาบครึ่งปี หลังจากนั้นมาลี่ไฉ่ผู้เป็นอาจารย์ก็ไม่เคยให้ศิษย์น้องหญิงเล็กออกไปฝึกประสบการณ์นอกสำนักอีกเลย ตัวของศิษย์น้องหญิงเล็กเองก็ไม่ยินดีออกไปอีก เอาแต่ฝึกตนอยู่ในทะเลสาบกระบี่ฝูผิง กลายมาเป็นคนที่ชอบอยู่คนเดียว ไม่สนใจเรื่องทางโลกอีกโดยสิ้นเชิง จากนั้นคนทั้งทะเลสาบกระบี่ฝูผิงซึ่งรวมถึงตัวเจ้าสำนักอย่างลี่ไฉ่ต่างก็ต้องรู้สึกพรั่นผวา ไม่ใช่เป็นเพราะตบะของศิษย์น้องหญิงเล็กของหรงช่างหยุดชะงัก แต่เป็นเพราะฝ่าทะลุขอบเขตเร็วเกินไป!

ระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่ยี่สิบปี กลับฝ่าทะลุสองคอขวดอย่างประตูมังกรและโอสถทองติดต่อกัน เลื่อนขั้นเป็นก่อกำเนิดโดยตรง นี่ก็คือความมั่นใจที่ทำให้ลี่ไฉ่กล้าพูดว่าลูกศิษย์ที่ตนเองภาคภูมิใจคนนี้ย่อมต้องได้ติดอันดับคนหนุ่มสาวสิบคนรุ่นถัดไปของอุตรกุรุทวีปอย่างแน่นอน ทว่าแม้แต่หรงช่างก็ยังรู้สึกได้ถึงความไม่มั่นคงเสี้ยวหนึ่ง เพราะเขาคิดว่าการฝ่าทะลุขอบเขตเช่นนี้ หากมองในระยะยาวแล้วก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะนำพาภัยแฝงยิ่งใหญ่มาให้ แน่นอนว่าลี่ไฉ่อาจารย์ของเขาต้องมองความจริงได้ชัดเจนยิ่งกว่า นี่ถึงได้มีการปิดด่านของศิษย์น้องหญิงเล็ก และการลงจากภูเขาไปเยือนแคว้นอู่หลิงอย่างเงียบเชียบของหลี่อวี๋ไท่เสียหยวนจวิน

วันนี้สุยจิ่งเฉิงคืนปิ่นทองที่สลักคำว่า ‘ไท่เสียอี้กุ่ย’ ให้กับกู้โม่ แต่ว่าอิงตามสัญญาลับที่นางกับเซียนกระบี่ลี่ไฉ่มีต่อกัน กู้โม่จะไม่นำปิ่นทองชิ้นนี้กลับสำนัก แต่จะมอบให้หรงช่างเก็บรักษาไว้ชั่วคราว ส่วนเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ กู้โม่ไม่รู้ความหมายที่ลึกซึ้ง ทว่าเซียนกระบี่ลี่ไฉ่เป็นสหายรักกับหลี่อวี๋ผู้เป็นอาจารย์ของนาง อีกทั้งกระบี่บินเล่มหนึ่งที่กู้โม่หล่อหลอมก็เป็นอย่างที่เฉินผิงอันเดาไว้จริงๆ นั่นคือสิ่งของที่เซียนกระบี่ท่านหนึ่งซึ่งลาจากโลกนี้ไปแล้วของทะเลสาบกระบี่ฝูผิงทิ้งไว้ แล้วถูกลี่ไฉ่นำมาส่งต่อให้แก่กู้โม่ ดังนั้นกู้โม่จึงสนิทสนมกับเซียนกระบี่หญิงที่เป็นดั่งผู้ใหญ่ในครอบครัวตนเองผู้นี้อย่างมาก

ไม่เพียงเท่านี้ ในที่สุดสุยจิ่งเฉิงก็ได้ ‘ตำราซ่างซ่างเสวียนเสวียน’ เล่มกลางและเล่มหลังมาอีกสองเล่ม

เล่มแรกนั้นอธิบายถึงรากฐานวัตถุประสงค์ของวิชาบนมหามรรคาวิชานี้ เมื่ออยู่ในมือของเซียนดินทั่วไปก็ยังเป็นได้แค่ตำราลับที่เหมือนซี่โครงไก่ ทว่าสุยจิ่งเฉิงกลับใช้มันฝึกตนจนมาถึงคอขวดของขอบเขตสองได้ แม้แต่หรงช่างก็ยังรู้สึกว่าพรสวรรค์ของสุยจิ่งเฉิงคู่ควรกับคำว่ามหัศจรรย์แล้ว เล่มกลางจึงจะเป็นคาถาในการฝึกตนตามลำดับขั้นตอน คือ ‘ตำราลับโอสถทอง’ สมชื่อเล่มหนึ่ง ส่วนเล่มสุดท้ายก็ยิ่งเป็นกุญแจสำคัญในการเลื่อนขั้นสู่ห้าขอบเขตบน

อีกทั้งหรงช่างยังมอบป้ายหยกพิเศษของศาลบรรพจารย์ทะเลสาบกระบี่ฝูผิงให้กับสุยจิ่งเฉิงแผ่นหนึ่งด้วย ไม่เพียงแต่เป็นการบ่งบอกถึงสถานะผู้สืบทอดของนาง ยังเป็นวัตถุจื่อชื่อชิ้นหนึ่งที่มีเพียงผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนทั่วไปเท่านั้นถึงจะได้ครอบครอง ขนาดตัวหรงช่างเองยังมีวัตถุฟางชุ่นแค่หนึ่งชิ้น

เรือข้ามฟากเดินทางลงใต้ ระหว่างนี้เมื่อผ่านสวนน้ำค้างวสันต์ก็ได้หยุดพักเล็กน้อย ผู้โดยสารสามารถลงจากเรือไปท่องเที่ยวบริเวณโดยรอบท่าเรือได้เป็นเวลาสองชั่วยาม

ฉีจิ่งหลงเดินลงจากเรือ ทว่าผู้โดยสารส่วนใหญ่กลับเลือกที่จะทะยานลม บ้างก็บินออกไป

กู้โม่ทำหน้าหนาติดตามไปด้านหลังเจียวหลงบนบกท่านนี้ ยังคงสอบถามข่าวลือบนภูเขาของฉีจิ่งหลงต่อไป นี่หากกลับไปยังสำนักจะไม่ทำให้พวกศิษย์พี่ศิษย์น้องหญิงที่บ้าผู้ชายทั้งหลายอิจฉาตายหรอกหรือ? แต่ไม่เพียงแค่สายไท่เสียบ้านตนเท่านั้น ผู้ฝึกตนหญิงหลายคนในสายจื่อเสวียน สายป๋ายอวิ๋นต่างก็เลื่อมใสในตัวของเซียนกระบี่หนุ่มแห่งสำนักกระบี่ไท่ฮุยที่ไม่ใช่บัณฑิตแต่เป็นหนอนหนังสือยิ่งกว่าบัณฑิตผู้นี้จนถึงขั้นที่ว่าแค่พูดถึงชื่อเขาก็น้ำลายไหลแล้ว หลังจากซุบซิบนินทากันเสร็จ รอจนพวกนางหมุนตัวกลับ ยามไปอยู่กับศิษย์พี่ศิษย์น้องชายทั้งหลายของตัวเอง แต่ละคนก็ดีนัก แสร้งทำเป็นวางมาดเย็นชา ไม่เคยทำสีหน้าดีๆ ให้พวกเขาเห็น ทำเอากู้โม่ที่มองดูอยู่รู้สึกเหมือนได้เปิดโลกกว้าง

ถึงอย่างไรกู้โม่ก็ตัดสินใจแล้วว่า เมื่อกลับไปถึงสำนักก็จะเล่าว่า แท้จริงแล้วหลิวจิ่งหลงผู้นี้คือคนบ้าตัณหาที่แสร้งวางมาดให้ดูภูมิฐาน ไม่ว่าเจอสตรีคนใด เส้นสายตาของเขาก็มักจะเหลือบไปยังหน้าอกและก้นของพวกนางเสมอ อีกทั้งยังไร้รสนิยมจนทำให้คนแทบทนไม่ได้ หลิวจิ่งหลงจะถูกใจพวกสตรีท่าทางเย้ายวนที่ชอบทาชาดบนใบหน้าหนาๆ ทำให้นักพรตหญิงที่แค่แอบทาชาดเล็กน้อยก็ไม่กล้าออกจากสำนักอย่างพวกนางโมโหตายไปเลย นี่ก็เท่ากับว่าได้ช่วยให้พวกนางได้สงบใจฝึกตนแล้วไม่ใช่หรือ? ถอยไปพูดหมื่นก้าว นี่ยังช่วยให้พวกนางประหยัดเงินซื้อเครื่องประทินโฉมด้วยไม่ใช่หรือไร?

ดังนั้นจากแรกเริ่มที่ไม่ว่ากู้โม่จะมองเซียนกระบี่หนุ่มจากสำนักกระบี่ไท่ฮุยผู้นี้อย่างไรก็รู้สึกขวางหูขวางตา กลายเป็นว่าตอนนี้ไม่ว่าจะมองตรงไหนก็ชอบใจไปหมด

หลิวจิ่งหลงซื้อตำราบางส่วนที่วางขายในร้านหนังสือของท่าเรือฝูสุ่ยสวนน้ำค้างวสันต์ เขาลังเลอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยังเปิดปากเอ่ยว่า “แม่นางกู้ แม้ว่าพูดแบบนี้จะไม่เหมาะสักเท่าไร แต่ข้าก็ไม่ได้ชอบเจ้าจริงๆ”

กู้โม่อึ้งตะลึงไปเล็กน้อย แล้วพลันเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ นางถามว่า “หลิวจิ่งหลง น้ำเข้าสมองเจ้าไปแล้วหรือไร?”

ฉีจิ่งหลงไม่โกรธ กลับกันยังหลุดหัวเราะ ได้ผลจริงๆ ด้วย!

กู้โม่รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย ดูท่าน้ำคงเข้าสมองแล้วจริงๆ? เจ้าคนตรงหน้าผู้นี้คงจะไม่ใช่หลิวจิ่งหลงตัวปลอมหรอกกระมัง?

กู้โม่กลัวว่าไอ้หมอนี่จะเกิดเสียสติ จึงแอบชะลอฝีเท้าให้ช้าลง ไม่กล้าเดินเคียงไหล่กับเขา ยิ่งไม่กล้าหัวเราะร่ามองเขาอีกแล้ว

ฉีจิ่งหลงหันหน้ามายิ้มเอ่ยว่า “แม่นางกู้ เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ พวกเรายังเป็นสหายกันได้”

กู้โม่เกือบจะอดใจไม่ไหวยกเท้าถีบอีกฝ่าย เพียงแต่ว่าพอชั่งน้ำหนักของตบะทั้งสองฝ่ายแล้ว ในที่สุดก็ข่มกลั้นเอาไว้ได้ แต่กระนั้นก็ยังโกรธจนขบฟันดังกรอดๆ หมุนตัวได้ก็เดินจากไปทันที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!