สุยจิ่งเฉิงแค่ได้เห็นก็ถูกใจมงกุฎทองคู่นั้นทันที นางไม่ได้ต่อราคา แต่ขอให้หรงช่างควักเงินฝนธัญพืชจ่ายไปสามสิบสามเหรียญเต็มจำนวน
มือหนึ่งจ่ายเงิน อีกมือหนึ่งส่งของ
กอดกล่องไม้ไหวที่ทางเรือนเย่ฉ่าวช่วยสร้างให้อย่างประณีตบรรจงใบนั้นไว้ในอ้อมอก สุยจิ่งเฉิงที่เดินออกจากร้านผีฝูไปเดินอยู่บนถนนเหล่าไหว ฝีเท้าก็ล่องลอย อารมณ์ดีสุดขีด
เถ้าแก่หนุ่มค้อมเอวก้มหน้าส่งแขกผู้มีเกียรติทั้งสองท่านอยู่ที่หน้าร้าน มองส่งพวกเขาสองคนจากไปไกล
เขารู้สึกเพียงความเหลือเชื่อ
อันที่จริงตัวแทนเถ้าแก่ของร้านผีฝูผู้นี้รู้สึกเหมือนวัวสันหลังหวะเล็กน้อย
แม้ว่ามงกุฎทองคู่นั้นจะเป็นสมบัติอาคมบนภูเขาของแท้คู่หนึ่ง แต่ก็ไม่สามารถขายได้ด้วยราคาสูงเทียมฟ้าถึงสามสิบสามเหรียญเงินฝนธัญพืชจริงๆ
อันที่จริงทางเรือนเย่ฉ่าวได้เคยมีการประเมินราคาเป็นการส่วนตัวเอาไว้ก่อน แม้จะบอกว่าสมบัติอาคมทั้งสองชิ้นสามารถสั่งให้เทพีร่างทองสองท่านออกมาปกป้องคุ้มครอง ประสิทธิผลคล้ายคลึงกับชุดคลุมอาคม ขณะเดียวกันก็สามารถใช้ป้องกันและโจมตีได้ในระดับหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่ชุดคลุมอาคมที่ระดับขั้นเท่าเทียมกับสมบัติอาคมจริงๆ ดังนั้นราคาประมาณยี่สิบห้าเหรียญเงินฝนธัญพืชจึงถือว่าค่อนข้างยุติธรรม ต่อให้เพิ่มราคาให้กับคนที่ชื่นชอบมากเป็นพิเศษจนรู้สึกว่าทองพันชั่งก็ยากจะซื้อหาได้ยาก ยกตัวอย่างเช่นว่าเซียนดินผู้เป็นสตรีถูกตาต้องใจมัน อย่างมากที่สุดก็แค่ประมาณยี่สิบแปดเหรียญเท่านั้น
มาถึงขอบเขตของเซียนดิน ความต้องการที่มีต่อสมบัติอาคม อันที่จริงนั้นง่ายดายอย่างมาก ยิ่งสุดโต่งเท่าไรก็ยิ่งดี
นี่ก็คือสาเหตุหลักที่มงกุฎทองทั้งสองชิ้นขายไม่ออกมาโดยตลอด ไม่ใช่ว่าไม่มีลูกค้าชอบ แต่เป็นเพราะราคาแพงเกินไปจนไม่อาจใช้คำว่าคุ้มค่าคุ้มราคาได้
แต่ราคาที่แน่นอนของมงกุฎทองและบัลลังก์มังกรล้วนเป็นเถ้าแก่ที่เป็นเซียนกระบี่ผู้นั้นกำหนดด้วยตัวเอง เหตุผลก็คือเผื่อเจอกับคนโง่ที่มีเงินมาก
สำหรับเรื่องนี้เรือนเย่ฉ่าวก็จนใจอย่างมาก ด้วยรู้สึกว่าอย่างน้อยที่สุดก็ต้องอยู่กินฝุ่นหนึ่งถึงสองร้อยปี
คิดไม่ถึงว่านี่เพิ่งจะผ่านไปได้เท่าไรเอง?
หลังเดินออกมาจากถนนเหล่าไหว หรงช่างก็ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ซื้อแพงไปแล้ว”
สุยจิ่งเฉิงรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย
แต่นางชอบมงกุฎทองคู่นี้มากจริงๆ นี่นา
สุยจิ่งเฉิงเอ่ยเสียงเบา “ศิษย์พี่หรง หลังจากนี้ข้าจะไม่ซื้ออะไรอีกแน่นอน”
“ข้าไม่ได้ตั้งใจจะกล่าวโทษศิษย์น้องหญิงเล็ก”
หรงช่างส่ายหน้า ยิ้มกล่าวว่า “อาจารย์ของพวกเราซื้อของใจป้ำยิ่งกว่านี้เสียอีก นางเคยถูกใจชุดคลุมอาคมงดงามตัวหนึ่ง ก็เลยยืนกรานจะให้อีกฝ่ายโก่งราคาให้สูงให้ได้ ไม่อย่างนั้นนางจะไม่ยอมซื้อ ตอนนั้นอาจารย์ไม่ได้เปิดเผยตัวตน อีกฝ่ายตกใจแทบตาย นึกว่าได้เจอกับคนที่มาก่อกวนเสียแล้ว หลังจบเรื่องพอรู้ว่าเป็นอาจารย์ของพวกเราก็เสียใจจนไส้เขียว ตีอกชกตัว รู้สึกว่าควรจะโก่งราคาให้สูงไปอีกเท่าตัวเลยต่างหาก”
สุยจิ่งเฉิงทอดถอนใจจากใจจริง “หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ข้าควรจะไปดูที่ทะเลสาบกระบี่ฝูผิงเสียก่อนสักรอบหนึ่ง”
หรงช่างพรูลมหายใจโล่งอก
มารดาข้า อาศัยแค่ประโยคนี้ของศิษย์น้องหญิงเล็ก หากอาจารย์ลี่ไฉ่อยู่ที่นี่ด้วย จะต้องถามเขาหรงช่างว่าช่วงนี้มีสมบัติอาคมที่อยากซื้อหรือไม่เลยกระมัง
กลับไปถึงท่าเรือ คนทั้งสองเพิ่งจะนั่งลง เกี่ยวกับเรื่องของการหล่อหลอมมงกุฎทองที่งดงามประณีตสองชิ้นนั้น หรงช่างจำเป็นต้องถ่ายทอดคาถาหลอมกระบี่วิชาหนึ่งของทะเลสาบกระบี่ฝูผิงให้แก่นาง
หลอมกระบี่ได้ ก็สามารถหลอมหมื่นสรรพสิ่งได้
เพิ่งจะถ่ายทอดคาถาหลอมกระบี่ที่ยาวหลายพันตัวอักษรจบ สุยจิ่งเฉิงก็หลับตาลง พอลืมตาขึ้นมาแล้วก็ยิ้มกล่าวว่า “จำได้แล้ว”
หรงช่างจึงไม่พูดซ้ำอีก
ศิษย์น้องหญิงเล็กในปีนั้น สุยจิ่งเฉิงในตอนนี้ แม้ว่าจะมีนิสัยแตกต่างกันราวกับเป็นคนละคน แต่ในเรื่องของพรสวรรค์ด้านการฝึกตนกลับเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน ไม่มีทางทำให้คนผิดหวัง
แต่สุยจิ่งเฉิงก็ยังขอให้หรงช่างพูดซ้ำอีกหนึ่งรอบ หลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดช่องโหว่
ต่อมากู้โม่ก็มาเคาะประตูตรงระเบียงทางเดินแรงๆ เสียงดังปังๆๆ
หลังจากที่สุยจิ่งเฉิงเปิดประตูให้แล้ว
กู้โม่ก็พูดด้วยน้ำเสียงเร่งร้อนว่า “สุยจิ่งเฉิง สุยจิ่งเฉิง ข้าจะเล่าความลับอย่างหนึ่งให้เจ้าฟัง หลิวจิ่งหลงอาจจะเป็นตัวปลอม ตอนนี้คนที่พวกเราเห็นอยู่อาจจะเป็นใครอีกคนหนึ่ง!”
สุยจิ่งเฉิงมึนงงไม่เข้าใจ นางหันหน้ามามองหรงช่าง
หรงช่างระอาใจเล็กน้อย พูดกับกู้โม่ว่า “อย่าพูดเหลวไหล”
กู้โม่นั่งแปะลงไปบนเก้าอี้ ขมวดคิ้วคิดหนักอยู่เป็นาน ก่อนจะทำหน้าเหมือนคนที่เพิ่งกระจ่างแจ้ง จากนั้นก็กำหมัดทุบลงบนโต๊ะ “ดีนักนะ เจ้าตะพาบหน้าไม่อายผู้นี้ ที่แท้เขาก็หยอกข้าเล่นนี่เอง!”
หรงช่างลุกขึ้นยืนแล้วจากไป
ตลอดทางมานี้สภาพจิตใจของกู้โม่ไม่ใคร่จะมั่นคงนัก แต่หรงช่างกลับไม่อาจพูดอะไรได้มาก
โชคดีที่การมาเยือนท่าเรือหัวมังกรครั้งนี้ สภาพจิตใจของกู้โม่เริ่มกลับคืนสู่สภาวะนิ่งสงบใสสะอาดดังที่ลัทธิเต๋าเชิดชูมาโดยตลอดอีกครั้ง นี่เป็นเรื่องดี
และผู้ฝึกตนที่เหมือนอาจารย์สวมชุดเขียวสองคนนั้นก็มีคุณความชอบอย่างใหญ่หลวง
แน่นอนว่าตัวของสุยจิ่งเฉิงเองก็มีความดีความชอบเหมือนกัน
หลังจากที่หรงช่างปิดประตูลง กู้โม่ก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้สุยจิ่งเฉิงฟังหนึ่งรอบ
สุยจิ่งเฉิงใช้มือกุมขมับ ไม่อยากพูดอะไร
พวกเจ้าสองคนต่างก็ตบะสูงมาก ทว่ากลับเป็นคนสองคนที่สติไม่สมประดีอย่างนั้นหรือ
ท่านหลิวผู้นี้ก็จริงๆ เลย อ่านตำราจนทึ่มทื่อไปแล้วกระมัง? เหตุใดอยู่กับผู้อาวุโสมานานขนาดนั้นกลับไม่เรียนรู้ในสิ่งที่ดีๆ มาบ้างเลยสักนิด?
ผู้อาวุโสพูดถูกจริงๆ ด้วย ขอบเขตของผู้ฝึกตนไม่อาจเอามากินแทนข้าวได้จริงๆ
กู้โม่กล่าวอย่างสงสัยว่า “ทำไมล่ะ? ไหนเจ้าลองบอกมาสิ หรือว่ายังมีความลี้ลับอะไรอีก? ข้าเป็นสตรีบริสุทธิ์ที่ยังไม่เคยออกเรือน ประสบการณ์ในเรื่องนี้อยู่ไกลเกินกว่าจะเทียบเจ้าได้จริงๆ”
สุยจิ่งเฉิงหน้าแดงก่ำ “เจ้าพูดเหลวไหลอะไร!”
กู้โม่ทอดถอนใจ “ช่างเถอะ”
กู้โม่ฟุบตัวลงบนผิวโต๊ะ ผินหน้ามองไปยังทะเลเมฆที่อยู่นอกหน้าต่าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!