กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 535

หลิวจื้อเม่าอืมรับหนึ่งที “อันที่จริงวิธีการควบคุมเถียนหูจวินที่เจ้าใช้เมื่อก่อนก็ไม่เลว เพียงแต่ว่ามันเหมือน…”

กล่าวมาถึงตรงนี้ หลิวจื้อเม่าก็ชี้ไปยังจานกับแกล้มสองสามใบที่วางอยู่บนโต๊ะ “ดื่มแต่เหล้าอย่างเดียว ไม่มีกับแกล้ม รสชาติก็จะแย่กว่าเดิมเยอะมาก ใช้ทั้งพระเดชพระคุณไปพร้อมกัน พูดเหมือนง่าย แต่ทำเข้าจริงๆ กลับไม่ง่ายเลย เจ้าสามารถลองเรียนรู้ดูจากจางเย่พี่น้องเก่าแก่ของข้า นี่คือมโนธรรมอันดีงามที่มีไม่มากของอาจารย์แล้ว และความจริงก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เมื่อเทียบกับการละโมบหวังให้ประหยัดแรงกายแรงใจ แก้ปัญหาทุกอย่างด้วยวิธีการแบบเดียวกัน ไม่ว่ากับใครก็ใช้วิธีเผด็จการ ใช้ผลประโยชน์มาล่อลวง ควันธูปของภูเขาลูกหนึ่งย่อมไม่อาจดำรงอยู่ได้ยาวนาน”

กู้ช่านพยักหน้ารับ “ข้าวแบบเดียวกันเลี้ยงคนได้ร้อยแบบ แน่นอนว่าต้องแยกประเภทในการล่อลวง ชื่อเสียง เงินทอง สมบัติอาคม โชคในการฝึกตน ตกปลาคือความรู้ที่ยิ่งใหญ่วิชาหนึ่ง”

หลิวจื้อเม่าหัวเราะร่าเสียงดัง “มิน่าเล่าข้าที่อยู่บนเกาะกงหลิ่วถึงได้ยินว่าทุกวันนี้เจ้าชอบไปตกปลาที่ริมทะเลสาบ ต่อให้จะได้ผลเก็บเกี่ยวไม่มาก แต่ก็ยังไปบ่อยๆ”

เรื่องที่ทำให้หลิวจื้อเม่าอารมณ์ดี ไม่ใช่เรื่องยิบย่อยเล็กน้อยที่มองดูเหมือนเรื่องล้อเล่นเช่นนี้

แต่เป็นเพราะในที่สุดกู้ช่านก็เข้าใจการกะน้ำหนักและกำลังไฟ เข้าใจหลักการแสดงความจริงใจได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ไม่ใช่ว่าพอถอดชุดคลุมอาคมคราบเจียวหลงที่หรูหรางดงามตัวนั้น เปลี่ยนมาสวมชุดสีเขียวเนื้อหยาบอย่างทุกวันนี้ แล้วทุกคนจะพากันเชื่อว่าเขากู้ช่านเปลี่ยนนิสัยสันดาน กลายไปเป็นเด็กหนุ่มที่มีจิตใจดุจพระโพธิสัตว์ได้จริงๆ หากเป็นเช่นนี้จริง นั่นก็บอกได้แค่ว่าเมื่อเทียบกับในอดีต กู้ช่านได้เติบโตขึ้น แต่โตขึ้นไม่มาก และยังเคยชินที่จะมองเห็นคนอื่นเป็นคนโง่ ถึงท้ายที่สุดจะมีจุดจบอย่างไร? ฟ่านเยี่ยนจากนครน้ำบ่อที่แสร้งทำตัวเป็นคนโง่คนหนึ่งก็แค่หาจุดอ่อนในใจของเขากู้ช่านได้พบ ปีนั้นจึงสามารถปั่นหัวเขากู้ช่านเล่น ชักจูงเขาได้เหมือนจูงสุนัข

ในเมื่อหลิวจื้อเม่ายอมมอบ ‘คัมภีร์สกัดคงคา’ ไปให้ แน่นอนว่าตอนที่จากไปก็สามารถเอากลับคืนมาได้ง่ายๆ เช่นเดียวกัน

ดังนั้นต่อจากนี้ หลิวจื้อเม่าจึงยังจะมีการทดสอบทางสภาพจิตใจอย่างหนึ่งให้แก่กู้ช่าน

เถียนหูจวินที่ถูกกำหนดมาแล้วว่าจะทำอะไรไม่ประสบผลสำเร็จ เจ้าเกาะซูหลินที่ในอนาคตอย่างมากสุดก็เป็นได้แค่ก่อกำเนิดทั่วไปผู้นั้น ก็เป็นเพียงแค่กลับแกล้มหนึ่งจานบนโต๊ะอาหารคืนนี้ที่จะมีหรือไม่มีก็ได้

ทว่าสกัดคงคาเจินจวินท่านนี้ไม่ได้รีบร้อน

นี่เขาก็เพิ่งจะเริ่มดื่มเหล้าเองไม่ใช่หรือ

หลิวจื้อเม่าพูดชวนคุยว่า “ฟ่านเยี่ยนเป็นผู้บงการแท้จริงที่อยู่เบื้องหลังนครน้ำบ่อมาตั้งแต่แรกแล้ว เจ้าคงมองออกกระมัง?”

กู้ช่านยิ้มจืดเจื่อน “อาจารย์ ข้าไม่ได้ตาบอดสักหน่อย”

หลิวจื้อเม่าหัวเราะ “ถ้าอย่างนั้นเจ้ามองออกแล้วหรือไม่ว่าฟ่านเยี่ยนมีพรรคพวกอยู่ในราชสำนัก? ไม่ใช่กวนอี้หรานหลานชายสายตรงของเจ้ากรมขุนนางผู้เฒ่าของต้าหลี แล้วก็ไม่ใช่ซูเกาซานที่ยกทัพบุกเมืองหลวงราชวงศ์จูอิ๋งได้ก่อนผู้นั้นด้วย”

กู้ช่านคิดแล้วก็เอ่ยว่า “วันหน้าข้าจะพยายามอดทนกับเขาให้มากหน่อยก็แล้วกัน”

หวังว่าถึงเวลานั้นเขาฟ่านเยี่ยนกับพ่อแม่ของเขาจะยังสุขภาพแข็งแรงดี ทางที่ดีที่สุดคือตระกูลยังร่ำรวยรุ่งโรจน์

หลิวจื้อเม่าเอ่ยต่อว่า “หยวนหยวนเกิดในครรภ์ที่ดี พ่อแม่ต่างก็เป็นโอสถทองทั้งคู่ ที่พึ่งของเกาะกู่หมิง หรือจะพูดให้ถูกก็คือที่พึ่งของพ่อแม่หยวนหยวนก็คือผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดของราชวงศ์จูอิ๋งผู้นั้น แต่เขากลับถูกเด็กหนุ่มชุดขาวที่อำพรางตัวตนอย่างลึกล้ำกับหร่วนซิ่วแห่งสำนักกระบี่หลงเฉวียนไล่ฆ่าไปไกลเป็นหมื่นลี้ จากนั้นก็ไปตายอยู่บนเส้นชายแดน ตามหลักแล้วเกาะกู่หมิงควรจะจบเห่แล้ว ทว่าตอนนี้กลับดีนัก ได้ตำแหน่งผู้ถวายงานของสำนักเจินจิ้งไปอยู่ในมือ แล้วก็ได้ครอบครองป้ายสงบสุขปลอดภัยที่กรมอาญาของต้าหลีเป็นฝ่ายออกให้ด้วย”

สำหรับเจ้าอ้วนน้อยที่มีชื่อเล่นว่าหยวนหยวนผู้นั้น กู้ช่านไม่ได้รู้สึกเคียดแค้นสักเท่าไร คนที่เอาความฉลาดมาอวดไว้บนหน้าให้คนอื่นดู จะฉลาดได้สักเท่าไรกันเชียว?

การขับเรือตามกระแสลมของเกาะกู่หมิงไม่ถือว่าเป็นวิธีการที่ร้ายกาจอะไรจริงๆ เพราะไม่ว่าใครก็ทำเป็นทั้งนั้น

ขอแค่เจ้าหมอนี่ไม่มาหาเรื่องตนอีก ก็ให้เขามาเป็นแขกผู้มีเกียรติของเกาะชิงเสียได้อย่างไม่มีปัญหา

ส่วนคำพูดแปลกแปร่งระหายหูที่หยวนหยวนคอยพึมพำอยู่ด้านหลัง น้ำลายเล็กน้อยแค่นั้นจะหนักได้สักกี่จิน?

เขากู้ช่านถูกคนใช้ถ้อยคำทิ่มแทงจิตใจ นับแต่เด็กจนโต สิ่งที่เคยได้ยินมา มีน้อยนักหรือ?

ตอนนี้กู้ช่านไม่คิดจะทบทวนใจตัวเองเพื่อฆ่าคนอีกแล้ว

อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ใช่ตอนนี้

และคำว่า ‘ตอนนี้’ ที่ว่านั้น อาจเป็นช่วงระยะเวลาที่ยาวนานมากช่วงหนึ่ง

เพราะเขารู้หลักการเหตุผลข้อหนึ่ง นั่นคือในช่วงเวลาที่เจ้าทำได้เพียงทำลายกฎเกณฑ์ แต่ไม่มีกำลังพอจะสร้างกฎขึ้นมาใหม่ เจ้าก็ต้องเคารพกฎก่อน ระหว่างนี้ ทุกครั้งที่ต้องเผชิญกับความยากลำบาก ขอแค่ยังไม่ตาย มันก็จะกลายมาเป็นผลเก็บเกี่ยวที่มองไม่เห็นในทุกครั้ง เพราะเขากู้ช่านสามารถเรียนรู้ได้มากกว่าเดิม การกระทบกระทั่งทุกอย่าง การชนกำแพง และการกินน้ำแกงประตูปิดในแต่ละครั้ง ล้วนเป็นความรู้ที่เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ของโลกใบนี้

หลิวจื้อเม่าเอ่ยว่า “หันจิ้งหลิงฮ่องเต้องค์ใหม่ของแคว้นสือหาวช่างเป็นคนที่โชคดีอย่างน่าอัศจรรย์จริงๆ”

แรกเริ่มหันจิ้งหลิงไม่สนใจความเป็นความตายของชาวบ้านที่อยู่ในอาณาเขตการดูแลของตัวเอง หนีมาหลบภัยที่ทะเลสาบซูเจี่ยน ผลกลับกลายเป็นว่าอยู่ดีๆ ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นเสียนอ๋อง (อ๋องผู้มีคุณธรรม) จากนั้นก็ได้สวมชุดคลุมมังกรนั่งอยู่บนบัลลังก์มังกร คาดว่าสองปีมานี้เจ้าเด็กนี่นอนหลับก็คงยังหัวเราะจนตื่นจากความฝันได้ องค์ชายอีกคนที่ผู้คนฝากความหวังไว้มากอย่างหันจิ้งซิ่นกลับต้องไปตายอยู่ในชานป่านอกเมืองหลวง ดังนั้นฮ่องเต้พระองค์ใหม่อย่างหันจิ้งหลิงผู้นี้จึงนั่งอยู่บนตำแหน่งได้อย่างมั่นคง ส่วนหวงเฮ้อที่ประคับประคองพี่น้องอย่างหันจิ้งหลิงให้ขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์มังกรก็ไม่ได้แย่ไปกว่ากัน เป็นรองเจ้ากรมพิธีการตั้งแต่อายุยังน้อย การแต่งตั้งห้าขุนเขาใหม่ของแคว้นสือหาวก็ล้วนเป็นเขาคนเดียวที่วิ่งไปวิ่งมาอยู่เป็นเพื่อนฮ่องเต้ โดยที่เจ้ากรมพิธีการไม่กล้าบ่นอะไรสักคำ ว่ากันว่าพอไปถึงจวนที่ว่าการ ใต้เท้าเจ้ากรมยังเป็นฝ่ายรินน้ำชาให้เขาด้วยตัวเอง บิดาของหวงเฮ้อก็ยิ่งถูกกล่าวขานให้เป็นฮ่องเต้ผู้หยัดยืนในราชสำนักแคว้นสือหาว ไม่มีชุดคลุมสีเหลืองอยู่บนกาย แต่สามารถพกดาบเข้ามาในท้องพระโรงได้

กู้ช่านยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “โชคดีก็เป็นหนึ่งในความสามารถเหมือนกัน”

เจ้าคนที่หลงระเริงลำพองตนอย่างหวงเฮ้อผู้นี้ บางทีไม่ต้องให้เขาลงมือเอง สักวันก็ต้องถูกหันจิ้งหลิงที่เป็นดั่งสำลีซ่อนเข็มผู้นั้นจัดการจนมีสภาพอเนจอนาถเอง

แต่กู้ช่านก็ยังหวังว่าหวงเฮ้อจะตกมาอยู่ในกำมือของตน

เพราะปีนั้นหลังจากที่กู้ช่านตกอับ ไอ้หมอนี่เป็นเพียงคนเดียวที่กล้าขึ้นมาบนเกาะชิงเสียแล้วเรียกร้องให้เปิดประตูห้องแห่งนั้น

กู้ช่านกำลังรอโอกาส

อีกทั้งเมื่อโอกาสนี้มาถึงมือ ทุกอย่างจะต้องสมเหตุสมผล สอดคล้องกับกฎเกณฑ์

หลังจากที่หลิวจื้อเม่าไล่พูดชื่อทุกคนไปหมด

ท่าทีคร่าวๆ ที่กู้ช่านมีต่อทุกคน สกัดคงคาเจินจวินผู้นี้ก็พอจะมองออกได้คร่าวๆ แล้วเช่นกัน

ยังคงจดจำความแค้นเหมือนเดิม

แต่เมื่อเทียบกับการทำอะไรตามแต่ใจ ฆ่าคนส่งเดชอย่างในอดีตแล้ว ตอนนี้กู้ช่านสามารถเรียบเรียงลำดับเรื่องราวได้อย่างชัดเจน ไม่เพียงแต่สามารถอดทนข่มกลั้น กลับกันเมื่อต้องอยู่ในสภาวะจำศีลดั่งคนที่พึ่งพาอยู่ใต้ชายคาของผู้อื่น ต้องก้มหัวยอมให้กับทุกเรื่องอย่างทุกวันนี้ ก็ดูเหมือนว่าจะไม่เพียงแต่ไม่รู้สึกเคียดแค้น กลับกันยังยินดีที่จะแบกรับความยากลำบากนี้ไว้

ดีมาก

แบบนี้ก็จะยิ่งมีชีวิตอยู่ได้ยาวนาน และมีชีวิตได้ดียิ่งกว่าเดิม

ท่ามกลางทางตันที่มีแต่ความลำบากยากเข็ญ ผู้ที่อดทนได้ดีที่สุด สุดท้ายรสขมต้องกลายเป็นหวานชื่น

นี่ก็คือการฝึกตนอีกอย่างหนึ่ง

หลิวจื้อเม่าไม่เคยกังวลว่าบนเส้นทางการฝึกตนภายนอกของกู้ช่านจะมีอุปสรรคไม่ราบรื่น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!