กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 536

เจียงซ่างเจินเดินมาถึงท่าเรือแห่งหนึ่ง “ก่อนที่หลิวจื้อเม่าจะปิดด่านได้ขอพื้นที่เขตอิทธิพลเดิมซึ่งรวมถึงเกาะชิงเสียกับเกาะซู่หลินเป็นหนึ่งในนั้นจากข้า เขาคิดว่าจะมอบมันให้แก่กู้ช่านผู้เป็นลูกศิษย์ เพราะเขาไม่รู้ว่าเขตพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับนครอวิ๋นโหลวนั้น ข้าคิดจะมอบมันให้กับกู้ช่านโดยเฉพาะอยู่แล้ว แต่เด็กหนุ่มอย่างกู้ช่านที่อายุยังน้อยผู้นั้น พอได้ยินเรื่องนี้กลับกล้ารับเอาไว้ สมกับคำว่าหิวตายขี้ขลาด อิ่มตายใจกล้าเสียจริง”

หลิวเหล่าเฉิงเอ่ยว่า “เจ้าเด็กคนนี้ หากอยู่ต่อในทะเลสาบซูเจี่ยน สำหรับสำนักเจินจิ้งแล้ว อาจกลายมาเป็นภัยร้ายแอบแฝง”

เจียงซ่างเจินหันหน้ามาส่งยิ้มด้วยรอยยิ้มคลุมเครือ

หลิวเหล่าเฉิงยิ้มกล่าวอย่างจริงใจว่า “แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่เพราะข้ามีความแค้นกับเขาและเกาะชิงเสีย ข้าหลิวเหล่าเฉิงและสำนักเจินจิ้งต่างก็ไม่ใคร่ยินดีเห็นกู้ช่านค่อยๆ ลุกผงาด เลี้ยงเสือไว้เป็นภัย คือข้อห้ามใหญ่หลวง”

ไม่ใช่เพียงแค่

เจียงซ่างเจินยิ้มกล่าว “เจ้ารู้สึกว่าที่พึ่งที่ใหญ่ที่สุดของกู้ช่านคืออะไร?”

หลิวเหล่าเฉิงตอบ “แน่นอนว่าต้องเป็นเฉินผิงอันที่ไม่ได้อยู่ในทะเลสาบซูเจี่ยนแล้ว รวมไปถึงกฎเกณฑ์ที่เฉินผิงอันสอนเขา กวนอี้หรานที่มีความสัมพันธ์ไม่เลวกับเฉินผิงอัน หรือไม่อาจจะยังมีคนที่ข้าไม่รู้อยู่อีก พวกเขาย่อมต้องคอยจับตามองทุกการกระทำของกู้ช่านอย่างลับๆ นี่หมายความว่ากวนอี้หรานต้องใช้โอกาสนี้จับตามองข้าและหลิวจื้อเม่า รวมไปถึงสำนักเจินจิ้งไปพร้อมกันด้วย เรื่องเหล่านี้ กู้ช่านน่าจะคิดได้แล้ว”

สำหรับเรื่องเลี้ยงเสือไว้เป็นภัย

เจียงซ่างเจินไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ

แม้ว่าหลิวจื้อเม่าจะมีขอบเขตต่ำกว่าหลิวเหล่าเฉิง แต่ได้ไปมาหาสู่กับราชสำนักต้าหลีมากกว่า อีกทั้งในอดีตยังคาดหวังว่าจะได้เป็นเจ้าแห่งทะเลสาบซูเจี่ยนอย่างสมชื่อมากกว่าหลิวเหล่าเฉิง ดังนั้นในเรื่องบางเรื่องจึงมองการณ์ไกลได้กว่าหลิวเหล่าเฉิง แน่นอนว่าสืบสาวราวเรื่องกันถึงแก่นแล้วก็ยังเกี่ยวพันกับผลประโยชน์ส่วนตัวของหลิวจื้อเม่าเอง เพราะฉะนั้นหัวสมองของเขาถึงแล่นได้มากกว่า ส่วนหลิวเหล่าเฉิงนั้น ในฐานะผู้ฝึกตนอิสระที่มีความหวังบนมหามรรคา ความคิดจิตใจจึงบริสุทธิ์กว่า ไม่ได้คิดอะไรซับซ้อนมากขนาดนั้น

อันที่จริงก่อนที่หลิวจื้อเม่าจะปิดด่าน เขาเคยไปหากู้ช่านที่ตรอกเก่าโทรมของนครน้ำบ่อมาก่อน

เจียงซ่างเจินเดาออกว่าด้วยเรื่องอะไร

มอบตำราถ่ายทอดมรรคา

ขอเกาะชิงเสียกลับคืนมาจากสำนักเจินจิ้งก็คือการปกป้องมรรคาที่ยาวไกลสำหรับกู้ช่าน

เพราะหลิวจื้อเม่าเองก็สามารถคาดเดาแผนการที่ยาวนานแผนหนึ่งของเจียงซ่างเจินออกเช่นกัน

แทนที่จะปล่อยให้สกุลซ่งต้าหลีประคับประคองกองกำลังที่ไม่รู้จักมาเล่นงานสำนักเจินจิ้ง ก็ไม่สู้ให้สำนักเจินจิ้งเป็นฝ่ายหาคนที่เหมาะสมแล้วส่งตัวไปให้ถึงที่ยังดีกว่า

สำหรับสองฝ่ายแล้ว นี่คือทางเลือกที่ฉลาดซึ่งไม่ ‘เสียหายภายใน’ มากที่สุด

เจียงซ่างเจินเดินอาดๆ ไปเยือนเขตการปกครองหลงเฉวียนสองครั้ง ขอแค่คนที่มีใจไม่ได้ตาบอดก็ล้วนย่อมต้องมองเห็นอยู่ในสายตา เดิมทีนี่ก็เป็นเรื่องที่เจียงซ่างเจินจงใจให้คนใคร่ครวญอย่างลึกซึ้งอยู่แล้ว

เฉินผิงอันแห่งภูเขาลั่วพั่ว

เจียงซ่างเจินแห่งสำนักเจินจิ้ง

สะพานที่เชื่อมอยู่ตรงกลางนั้น ก็คือเกาะชิงเสียและกู้ช่าน

ดังนั้นด่านยากที่แท้จริงของสำนักเจินจิ้งไม่ได้อยู่ที่กู้ช่าน ทะเลสาบซูเจี่ยน หรือแม้แต่สำนักโองการเทพอะไร

แต่อยู่ที่เบื้องหลังสถานการณ์ใหญ่สองอย่าง หนึ่งคือกองทัพม้าเหล็กต้าหลีฮุบกลืนหนึ่งแคว้น จากนั้นก็ต้องต้านทานกองกำลังอีกกองที่ใหญ่ยิ่งกว่า

เวลานั้นต่างหากจึงจะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สำนักเจินจิ้งต้องเปลี่ยนจากทางเลือกมาเป็นคัดเลือกแล้ว

แต่สิ่งเหล่านี้ อย่าว่าแต่หลิวเหล่าเฉิงเลย ต่อให้เป็นหลิวจื้อเม่าก็ยังถูกปิดหูปิดตา บุคคลยิ่งใหญ่อย่างสำนักเจินจิ้ง เมื่ออยู่ในสายตาของผู้ฝึกตนอิสระสองคนนี้ พวกเขาจะยินดีขบคิดถึงความรู้ในส่วนลึกที่มองดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองได้อย่างไร?

ผู้ฝึกตนอิสระ นอกจากตบะของตัวเองพอจะมีน้ำหนัก หมัดใหญ่หน่อยแล้ว ยังจะเข้าใจอะไรอีก?

ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเจอสายตาดูแคลน เจอการข่มกำราบจากเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลมาจนพอแล้ว แต่พอถึงเวลาเข้าจริงๆ ก็ยังเพ้อฝันคิดว่าขอบเขตก็คือหลักการเหตุผลทุกอย่าง

ไม่คิดจะใคร่ครวญดูให้ดีว่าเหตุใดสำนักกุยหยกถึงได้มีเจ้าสำนักที่ใกล้จะได้เป็นขอบเขตบินทะยาน เหตุใดเขาเจียงซ่างเจินถึงได้ครอบครองกิจการบ้านเรือนอย่างในทุกวันนี้? ลำดับก่อนหลังไม่อาจเรียบเรียงผิดพลาดได้ สามลัทธิร้อยสำนักที่ตอนนี้มีกฎเกณฑ์เข้มงวด ช่วงแรกเริ่มสุดนั้น มีใครบ้างที่ไม่ได้มีชาติกำเนิดมาจากเด็กบ้านนอกขาเปื้อนโคลนที่ได้แต่เอาชีวิตรอดไปวันๆ อยู่บนผืนแผ่นดินโลกมนุษย์? ใครบ้างที่ไม่ใช่หุ่นเชิดที่ใยชักอยู่ในมือของทวยเทพผู้อยู่สูงส่งบนสวรรค์ชั้นฟ้า?

ไม่ใช่ว่าเจียงซ่างเจินดูแคลนผู้ฝึกตนอิสระบนโลก ในความเป็นจริงแล้วปีนั้นที่เขาเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในอุตรกุรุทวีปก็เคยเป็นผู้ฝึกตนอิสระมานานหลายปี อีกทั้งยังเป็นผู้ฝึกตนอิสระได้ไม่เลวอีกด้วย

เจียงซ่างเจินมองไปยังทะเลสาบซูเจี่ยนที่ริ้วคลื่นสีเขียวมรกตแผ่กระเพื่อมแล้วเอ่ยเนิบช้าว่า “ไม้บรรทัดของเหล่าอาจารย์ ไม่ใช่ว่ามีมากเกินไป แต่มีน้อยเกินไป ตีเบาเกินไป ลูกศิษย์มักจะความจำไม่ดี จำไม่ได้ว่าเคยโดนตี แล้วก็ไม่เคยมีคนคิดว่า เหล่าอาจารย์จะมีความกลัดกลุ้มกังวลใจของตัวเองบ้างหรือไม่ วันใดอยู่ดีๆ จะพูดว่าผิดหวังก็ผิดหวังเลยหรือไม่ คนบนโลกทุกคนที่ชอบทำจิตใจให้สงบและใช้เหตุผล หากผิดหวังขึ้นมา นั่นก็แสดงว่าสิ้นหวังอย่างแท้จริงแล้ว”

ในใจของหลิวเหล่าเฉิงยังคงไม่มีความรู้สึกร่วมด้วยสักเท่าไร

เจียงซ่างเจินพลันหันหน้ามาถามว่า “เจ้าสำนักขอบเขตหยกดิบคนหนึ่งควักเอาความจริงใจออกมาพูดกับเจ้า เจ้าจะไม่ตั้งใจฟังก็ได้ แต่ถ้าเป็นขอบเขตเซียนเหรินเล่า?”

หลิวเหล่าเฉิงพลันขนลุกอยู่ในใจ

เจียงซ่างเจินยิ้มตาหยี “คนไม่รู้ไม่ผิด เพราะถึงอย่างไรอริยะก็เคยกล่าวไว้ว่า ไม่ทันอบรมสั่งสอนก็ลงโทษคือการกระทำอันป่าเถื่อน”

เจียงซ่างเจินลูบคลำปลายคาง “เดิมทีไม่ควรบอกความจริงแก่เจ้าเร็วขนาดนี้ สมบัติพิทักษ์ภูเขาที่ข้าซ่อนไว้บนร่างของสาวใช้ยาเอ๋อร์นั่นต่างหากถึงจะเป็นด่านเป็นตายที่แท้จริงของเจ้ากับหลิวจื้อเม่า แต่ตอนนี้ข้าเปลี่ยนใจแล้ว เพราะจู่ๆ ข้าก็พลันคิดเรื่องหนึ่งได้อย่างกระจ่างแจ้ง ใช้เหตุผลพูดคุยกับผู้ฝึกตนอิสระอย่างพวกเจ้า แค่หมัดแข็งกว่าก็เพียงพอ หากใช้ความคิดและจิตใจมากเกินไป มีแต่จะถ่วงเวลาการใช้จ่ายเงินของข้าเจียงซ่างเจิน”

ไม่ใช่ถ่วงเวลาการหาเงิน แต่เป็นถ่วงเวลาการใช้เงิน

หลิวเหล่าเฉิงสีหน้าไร้อารมณ์ ไม่ได้เอ่ยอะไรสักคำ

สภาพการณ์อันตรายที่เป็นดั่งทางตันซึ่งไม่ได้พบเจอมานาน ปราณสังหารล้อมรอบทิศที่ไม่ได้พบเจอมานาน

เจียงซ่างเจินถอนหายใจ “เมื่อก่อนข้ามักจะรู้สึกว่าคนทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนดีหรือคนเลว ไม่ว่าจะบนภูเขาหรือล่างภูเขา เมื่อไปถึงจุดสูงที่สูงยิ่งกว่าเดิมแล้ว ก็มักจะเปลี่ยนไปเป็นฉลาดมากขึ้น แต่ตลอดหลายปีที่เฝ้าดูมานี้ อันที่จริงกลับผิดหวังอย่างมาก หลิวเหล่าเฉิงหากเจ้าไม่รีบทำเวลา ไม่รีบสงบจิตใจฝึกฝนสภาพจิตของตนให้ดี เปลี่ยนเส้นสายรากฐานความคิดบางอย่างของตัวเอง อย่าว่าแต่ไล่ตามข้าเลย แม้แต่หลิวจื้อเม่าก็ยังสามารถสะบัดเจ้าทิ้งห่างไว้ด้านหลังได้ แน่นอนว่ายังมีกู้ช่านผู้นั้น อยู่แค่ว่าจะเกิดขึ้นช้าหรือเร็วก็เท่านั้น เมื่อถึงเวลานั้น เจ้าก็จะรู้สึกได้เองว่าผู้ถวายงานอันดับหนึ่งอย่างเจ้าก็คือเรื่องตลกที่ใหญ่เทียมฟ้า กู้ช่านที่ในอนาคตอันยาวนานเป็นได้แค่มดตัวหนึ่ง เจ้ากลับไม่อาจสังหารเขาได้อีกชั่วชีวิต หลิวจื้อเม่าขยับขึ้นมานั่งทัดเทียมกับเจ้า ยามมองข้าเจียงซ่างเจินก็ยิ่งได้แต่ต้องแหงนหน้ามอง”

เจียงซ่างเจินยกมือขึ้น สะบัดชายแขนเสื้อแล้วพลิกหมุนข้อมือหนึ่งครั้ง มือทั้งสองปั้นหยดน้ำสีเขียวมรกตที่รวบรวมแก่นโชคชะตาน้ำเอาไว้ขึ้นมาลูกหนึ่ง จากนั้นก็ใช้สองนิ้วขยี้ให้แตกเบาๆ “เจ้าคิดว่าปีนั้นที่นักบัญชีคนนั้นขึ้นเกาะมาพบเจ้าก็เพราะเคารพเลื่อมใสเจ้าอย่างนั้นหรือ? ไม่ใช่เลย สิ่งที่เขาเคารพ สิ่งที่เขายำเกรงก็คือกฎเกณฑ์ที่มารวมกันอยู่บนร่างของเจ้าในเวลานั้น แต่สักวันหนึ่ง บางทีอาจไม่นานเท่าไรนัก ไม่กี่สิบปี? หรือหกสิบปี? ก็จะกลายเป็นว่าต่อให้เท้าทั้งสองข้างของเจ้าหลิวเหล่าเฉิงเหยียบยืนอยู่บนยอดเขาของเกาะกงหลิ่ว คนผู้นั้นยืนอยู่ตรงท่าเรือแห่งนี้ เจ้าก็ยังรู้สึกว่าตัวเองต่ำต้อยกว่าเขาอยู่ดี”

หลิวเหล่าเฉิงเอ่ย “ได้รับการสั่งสอนแล้ว”

เจียงซ่างเจินยิ้มกล่าว “ขอบเขตเซียนเหรินเป็นคนพูดจะฟังเข้าหูกว่าจริงๆ เสียด้วย ดังนั้นเจ้าต้องตั้งใจอ่านตำราให้ดี ส่วนข้าก็ต้องตั้งใจฝึกตนให้ดี”

หลิวเหล่าเฉิงถอนหายใจหนึ่งที

อยู่ดีๆ เจียงซ่างเจินก็เอ่ยขึ้นมาว่า “บางทีวันหนึ่งข้าอาจได้ย้อนกลับคืนไปเฝ้าพิทักษ์สำนักกุยหยกที่ใบถงทวีป ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็จะได้เป็นเจ้าสำนักคนถัดไปของสำนักเจินจิ้ง ส่วนหลิวจื้อเม่าผู้นั้น เจ้าก็สามารถกดขอบเขตเขาไว้ที่คอขวดขอบเขตหยกดิบ ทำให้เขาไม่มีแม้แต่ความกล้าจะฝ่าทะลุสู่ขอบเขตเซียนเหริน หากเวลานั้นเจ้าอารมณ์ไม่เลว บวกกับที่รู้สึกว่าเขาไม่อาจเป็นภัยคุกคามแก่เจ้าได้ ก็ใจกว้างสักหน่อย ให้เขาได้เลื่อนสู่ขอบเขตเซียนเหริน ปล่อยให้เขาได้ก่อตั้งสำนักเบื้องล่างของสำนักเจินจิ้งอยู่ในแจกันสมบัติทวีปไปก็แล้วกัน”

เจียงซ่างเจินสอดมือสองข้างไว้ในชายแขนเสื้อ “นี่ไม่ใช่การวาดภาพเพ้อฝันให้เจ้า ข้าเจียงซ่างเจินไม่จำเป็นต้องทำอะไรต่ำช้าเช่นนั้น”

หลิวเหล่าเฉิงทำท่าคล้ายกระจ่างแจ้ง

ตอนนี้สำนักเจินจิ้งมีคนที่คอยรวบรวมรายงานสายน้ำภูเขาทั้งหมดของใบถงทวีปโดยเฉพาะ ข่าวหนึ่งในนั้นมีการเล่าลือบอกว่า เจ้าสำนักของสำนักกุยหยกซึ่งเป็นสำนักอันดับหนึ่งของตระกูลเซียนใบถงทวีปที่เก็บตัวเงียบมานานอาจจะปิดด่านไปแล้ว

หวังไขว่คว้าขอบเขตบินทะยานที่ลี้ลับมหัศจรรย์

และสวินยวนเจ้าสำนักผู้เฒ่า อันที่จริงก็ไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้าสำหรับหลิวเหล่าเฉิง เพราะถึงอย่างไรก็ร่วมเดินทางผ่านภูเขาสายน้ำอันเป็นเส้นทางยาวไกลในแจกันสมบัติทวีปมาด้วยกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!