คนเขียนยังบอกไว้ด้วยว่า เขาจะเขียนถึงคนรุ่นเยาว์สิบคนของแจกันสมบัติทวีป ถึงเวลานั้นค่อยมาทำการเปรียบเทียบกับสิบคนใหม่ของอุตรกุรุทวีปบ้านตัวเอง
บทความที่เขียนขึ้นเป็นรายงานตระกูลเซียนของอุตรกุรุทวีปเหล่านี้ ยามที่เขียนถึงผู้ฝึกตนของแจกันสมบัติทวีป อันที่จริงก็ยังอดเผยความหยามหยันส่วนหนึ่งออกมาไม่ได้
เพียงแต่เมื่อเปรียบเทียบกับในอดีตที่แม้แต่จะชายตามองยังคร้านจะทำ ไม่แม้แต่จะพูดถึงสักคำ ก็เรียกได้ว่าแตกต่างไปจากเดิมอย่างมาก
นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องการฝ่าทะลุขอบเขตของเว่ยป้อองค์เทพใหญ่แห่งขุนเขาเหนือต้าหลี ทุกพื้นที่ในอาณาเขตล้วนเต็มไปด้วยภาพแห่งความเป็นมงคล ลางอันดีเกิดขึ้นไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่าจะกลายเป็นเทพภูเขาห้าขอบเขตบนแล้ว นี่แสดงให้เห็นว่าโชคชะตาแคว้นของสกุลซ่งต้าหลีรุ่งโรจน์อย่างที่ไม่อาจดูแคลนได้ ในรายงานนี้ได้เอ่ยเตือนคนทำการค้ามากมายในอุตรกุรุทวีปว่าให้รีบลงเดิมพันกับราชวงศ์ต้าหลี หากช้าไป ระวังว่าจะไม่ได้แบ่งน้ำแกงไปกินแม้แต่ถ้วยเดียว เกี่ยวกับเรื่องนี้ก็ได้มีการพูดถึงสำนักพีหมาอยู่สองสามคำคล้ายตั้งใจแต่ก็คล้ายไม่เจตนา มีคำชมเชยให้แก่จู๋เฉวียนแห่งสำนักพีหมา เพราะหากดูจากข่าวลือเล็กๆ ก็เห็นได้ชัดว่าภูเขามู่อีของชายหาดโครงกระดูกได้เดินนำไปก่อนแล้วหนึ่งก้าว และเรือข้ามทวีปของพวกเขาก็น่าจะมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับขุนเขาเหนือต้าหลีแล้ว
นอกจากนี้ก็เป็นเรื่องของสำนักเจินจิ้งสำนักเบื้องล่างของสำนักกุยหยกแห่งใบถงทวีปที่มาเลือกที่ตั้งอยู่ในทะเลสาบซูเจี่ยน ในรายงานเองก็เขียนอธิบายอย่างละเอียดโดยไม่ขี้เหนียวน้ำหมึกแม้แต่น้อย
เฉินผิงอันอ่านตัวอักษรพวกนั้นก็เหมือนสัมผัสได้ถึงอาการเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันของคนเขียนอย่างชัดเจน
ช่วยไม่ได้
เจ้าสำนักคนแรกของสำนักเจินจิ้งชื่อว่าเจียงซ่างเจิน คือไม้กวนอาจมที่เห็นได้ชัดว่าขอบเขตไม่ค่อยสูง แต่กลับทำให้อุตรกุรุทวีปจนปัญญาทำอะไรเขาไม่ได้เลย
ไอ้หมอนี่คนเดียวก็ทำร้ายสามในสิบเทพธิดาของอุตรกุรุทวีปในอดีต แล้วยังมีข่าวลือบอกว่าผู้ฝึกตนหญิงของต่างสำนักอีกสองคนที่รูปโฉมงดงาม ปีนั้นก็คล้ายว่าจะเคยไปมาหาสู่กับเจียงซ่างเจิน เพียงแต่ว่าจะมีความรักที่ทำให้คนเจ็บปวดรวดร้าวใจหรือไม่ กลับไม่มีเบาะแสที่บอกได้แน่ชัด
ดังนั้นช่วงท้ายของรายงานจึงโจมตีกองทัพม้าเหล็กและฮ่องเต้องค์ใหม่ของสกุลซ่งอย่างไม่ยำเกรง บอกว่าพวกเขาเหมือนกินอึแทนข้าว ถึงได้เบิกตามองปล่อยให้สำนักเจินจิ้งเลือกที่ตั้งและลงหลักปักฐานในจุดยุทธศาสตร์อย่างภาคกลางของแจกันสมบัติทวีปได้อย่างราบรื่นเช่นนี้ หากสกุลซ่งต้าหลีกับเจียงซ่างเจินแอบสมคบคิดกัน ก็ต้องบอกว่านอกจากจะกินอึแล้วยังดื่มฉี่ด้วย ทำกิจการยิ่งใหญ่พันปีกับใครไม่ทำ ดันไปทำการค้ากับคนถ่อยที่อันตรายอย่างเจียงซ่างเจินผู้นี้ ไม่เรียกว่าขอหนังเสือจากเสือ (เปรียบเปรยถึงการขอให้คนเลวเสียสละผลประโยชน์ของตัวเอง ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่มีทางทำได้) จะเรียกว่าอะไร นี่แสดงให้เห็นว่า ซิ่วหู่แห่งต้าหลีที่หลอกลวงอาจารย์ลบล้างบรรพชนผู้นั้นไม่ได้เก่งกาจสักเท่าไร ต่อให้จะโชคดีชิงเอาคุณความชอบของผู้อื่นมาเป็นของตัวเอง ฮุบกลืนพื้นที่ของหนึ่งแคว้นมาได้ ก็ไม่มีทางปกปักรักษาแผ่นดินเอาไว้ได้ เป็นได้เพียงแค่ดอกราตรีที่บานเพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้น
รายงานภูเขาสายน้ำฉบับหนึ่งที่เดิมทีเลือกใช้ถ้อยคำอย่างรอบคอบระมัดระวัง มีหลักฐานมีเหตุผล ถ้อยคำสละสลวยไพเราะ
มีเพียงตอนที่เขียนถึงเจียงซ่างเจินและสำนักเจินจิ้งเท่านั้นที่เริ่มแหกกฎ มีแต่คำสบถด่าหยาบคาย ประหนึ่งหญิงปากร้ายที่เคยเล่าเรียนมาก่อน
อันที่จริงเฉินผิงอันก็ยังสงสัยใคร่รู้ถึงต้นกำเนิดของรายงานภูเขาสายน้ำพวกนี้อยู่มาก
ปีนั้นตอนที่อยู่ทะเลสาบซูเจี่ยน เขารู้แค่ผิวเผินเท่านั้น
หรือหากนานยิ่งกว่านั้นก็เป็นตอนที่อยู่ในพื้นที่มงคลดอกบัว ที่นั่นมีหอจิ้งหย่างแห่งหนึ่งที่มีเมฆหมอกล้อมวน ซึ่งคอยทำหน้าที่เก็บรวบรวมเรื่องวงในในยุทธภพโดยเฉพาะ
เฉินผิงอันกลับเข้ามาในห้องบนเรือข้ามฟาก เขาหยิบสมุดเล่มหนึ่งที่เรือข้ามฟากเป็นผู้เขียนออกมา คือสมุดรวมเล่มที่อธิบายถึงทัศนียภาพระหว่างทาง
หลังจากที่เรือออกเดินทางจากท่าเรือดอกท้อ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงแห่งแรกก็คือตระกูลเซียนแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนชายแดนแคว้นสุ่ยเซียว มีชื่อว่านครเหนือเมฆ เนื่องจากโชควาสนามาบรรจบ บรรพบุรุษผู้บุกเบิกภูเขาจึงได้เดินทางไกลไปเยือนหลิวเสียทวีป แล้วได้ทะเลเมฆที่หลอมสำเร็จกึ่งหนึ่งมาจากถ้ำสวรรค์พื้นที่มงคลแห่งหนึ่งที่ปริแตก แรกเริ่มมีอาณาเขตแค่สิบลี้เท่านั้น ภายหลังเมื่อมาเปิดภูเขาตั้งพรรคอยู่ริมชายแดนแคว้นสุ่ยเซียวที่โชคชะตาน้ำค่อนข้างเข้มข้น อีกทั้งยังผ่านการปลุกเสกหล่อหลอมจากบรรพจารย์รุ่นแล้วรุ่นเล่ามาอย่างต่อเนื่อง การดูดซับแก่นเมฆหมอก อีกทั้งยังนำยันต์ลายเมฆมาช่วยเสริมสร้างความมั่นคงให้กับทะเลเมฆ ตอนนี้ทะเลเมฆจึงมีความกว้างถึงสามสิบกว่าลี้แล้ว
เรือข้ามฟากจะมาจอดอยู่ที่นครเหนือเมฆหกชั่วยาม โดยหยุดลอยอยู่ริมนคร
ฟ้ายังไม่ทันสว่าง เรือข้ามฟากก็ค่อยๆ จอดลงช้าๆ
เฉินผิงอันหยุดท่าหมัดที่ผสานสามท่าเป็นหนึ่ง ถอนดวงจิตกลับคืนมาจากสภาวะลี้ลับมหัศจรรย์กึ่งหลับกึ่งตื่นนั้น ตอนที่เดินออกมาจากห้อง เขาสะพายห่อผ้าใบหนึ่งไว้ด้านหลัง
นอกนครเหนือเมฆมีตลาดที่ผู้ฝึกตนอิสระรวมตัวกันหนาแน่นอยู่แห่งหนึ่ง ที่นั่นสามารถนำสิ่งของบนภูเขามาแลกเปลี่ยนกันได้ ล้วนเป็นเพื่อนร่วมอาชีพที่มาตั้งแผงขายของเหมือนกัน
เฉินผิงอันหยิบเอาวัตถุตระกูลเซียนส่วนหนึ่งที่ไม่ค่อยมีค่าออกมาจากในวัตถุจื่อชื่อ ล้วนเป็นของเหลือที่ตอนนั้นไม่ได้ทิ้งไว้ในร้านผีฝูบนถนนเหล่าไหว ระดับขั้นไม่ถือว่าดี แต่ค่อนข้างจะมีน้อยหายาก ‘หน้าตา’ น่ามองชวนให้ชื่นชอบ เหมาะจะขายให้แก่พวกคนหลอกง่ายที่รู้สึกว่ามีทองพันชั่งก็ยากจะหาซื้อได้ แต่การเป็นร้านผ้าห่อบุญครั้งนี้ เขาจะขายยันต์สองสามชนิดที่ไม่เกี่ยวข้องกับ ‘มหัศจรรย์ที่แท้จริงตำราสีชาด’ ด้วย ส่วนใหญ่จะเป็นยันต์ที่มาจากวิชาลับของอาจารย์ค่ายกลหนึ่งในนักฆ่ายอดเขาเกอลู่กลุ่มแรกที่เจอ สามชนิดในนั้นแบ่งออกเป็นยันต์กองสายฟ้าหน่วยสวรรค์ ยันต์มหานทีไหลสะพัดและยันต์ขยุ้มดิน นำมาใช้เข่นฆ่ากับกลุ่มคน ถือว่าพอจะมีพลานุภาพอยู่บ้าง
ก่อนที่ฉีจิ่งหลงจะจากไปได้ถ่ายทอดยันต์ทำลายสิ่งกีดขวางที่เป็นสายรองให้กับเฉินผิงอันอีกสองชนิด ชื่อของพวกมันแบ่งออกเป็น ‘ยันต์ป๋ายเจ๋อนำทาง’ และ ‘ยันต์ปราณกระบี่ข้ามสะพาน’ ล้วนเป็นยันต์ที่เขาเรียนเองมาจากตำราโบราณ ไม่เกี่ยวพันกับความลับของสำนัก ระดับขั้นของยันต์ทั้งสองชนิดนี้ไม่สูง แต่หากคนนอกคิดจะซื้อยันต์แล้วเอาไปเลียนแบบก็อย่าได้หวัง เพราะมีเคล็ดลับในการวาดยันต์เยอะมาก จุดที่จรดพู่กันลงไปค่อนข้างยิบย่อย อีกทั้งยังค่อนข้างแตกต่างจากวัตถุประสงค์ของพรรคยันต์สายหลักหลายสายในปัจจุบันนี้อยู่มาก แล้วก็เพราะฉีจิ่งหลงอธิบายได้อย่างละเอียดชัดเจน ช่วยทวนซ้ำให้กับเฉินผิงอันครั้งแล้วครั้งเล่า เฉินผิงอันถึงเรียนรู้ยันต์สองประเภทนี้ได้สำเร็จ
ดังนั้นเฉินผิงอันจึงรู้สึกว่าฉีจิ่งหลงไม่ไปเป็นอาจารย์สอนหนังสือในสำนักศึกษาก็ช่างน่าเสียดายจริงๆ
ผู้ฝึกยุทธวาดยันต์ได้ครอบครองปราณแท้จริงที่บริสุทธิ์เฮือกหนึ่ง แต่ยันต์นั้นจะไม่อาจดำรงอยู่ได้ยาวนาน ได้แค่เปิดภูเขา แต่ไม่อาจปิดภูเขา ทว่าข้อดีนั้นก็อยู่ที่ว่าไม่จำเป็นต้องเผาผลาญปราณวิญญาณที่อยู่ในช่องโพรงลมปราณของผู้ฝึกตน อีกทั้งเดิมทีการวาดยันต์ก็คือการฝึกตนอีกประเภทหนึ่งที่ไม่ค่อยพบเห็นได้บ่อยนักของผู้ฝึกยุทธ มันสามารถหล่อหลอมปราณแท้จริงเฮือกนั้น เพียงแต่เฉินผิงอันค้นพบว่าหลังจากเลื่อนสู่ขอบเขตสามหลอมลมปราณแล้ว การวาดยันต์ของเขาราบรื่นขึ้นเยอะมากก็จริง ทว่าผลประโยชน์ที่มีต่อร่างกายและจิตวิญญาณกลับน้อยนิดนัก เฉินผิงอันจึงไม่อยากจะสิ้นเปลืองกระดาษยันต์และผงชาดให้มากเกินไป เพราะถึงอย่างไรยันต์แผ่นหนึ่งที่รั้งปราณวิญญาณไว้ไม่อยู่ก็เท่ากับว่าเป็นการเผาผลาญเงินเทพเซียนไปทุกเวลานาที
แล้วนับประสาอะไรกับที่หากเข่นฆ่ากันขึ้นมาจริงๆ ด้วยฝีมือการเขียนยันต์น้อยนิดแค่นั้นของเขาก็ไม่มากพอจะเอามาใช้งานได้จริง เรียกไม่ได้ว่าเป็นการปักบุปผาลงบนผ้าแพรด้วยซ้ำ กลับกลายเป็นว่าจะทำให้พลาดโอกาสในการต่อสู้ไป
ทว่าการวาดยันต์ของผู้ฝึกตนกลับสามารถปิดผนึกภูเขาได้ตั้งแต่กำเนิด ปราณวิญญาณของจิตแห่งยันต์สลายหายไปช้าอย่างยิ่ง ยิ่งนานอานุภาพของยันต์ยิ่งมาก ยิ่งยากที่จะทำลายแก่นของยันต์ เล่าลือกันว่าบรรพจารย์ผู้เฒ่าแห่งจวนเทียนซือภูเขามังกรพยัคฆ์ที่คอยกำจัดปีศาจปราบมารก็มีพื้นที่ต้องห้ามแห่งหนึ่ง ในพื้นที่แห่งนั้นมียันต์แผ่นหนึ่งที่จำเป็นต้องให้เซียนซือใหญ่ของแต่ละรุ่นมาปลุกเสกหนึ่งครั้งในทุกๆ หกสิบปี ในประวัติศาสตร์จวนเทียนซือเคยเกิดคลื่นมรสุมใหญ่เทียมฟ้าอยู่ครั้งหนึ่ง หลังที่เทียนซือผู้เฒ่าบินทะยานไปแล้ว ตัวเลือกคนที่จะมาเป็นเทียนซือคนใหม่กลับไม่อาจกำหนดได้เสียที แล้วนั่นยังเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ต้องพับซ้อนยันต์ในระยะหกสิบปีพอดี ทว่าไม่มีเทียนซือคนใหม่ปรากฏตัว ตราประทับเทียนซือไม่อาจนำไปมอบให้กับคนนอกได้เด็ดขาด ด้วยเหตุนี้ยันต์ชิ้นใหม่จึงไม่อาจสร้างขึ้นได้สำเร็จ เป็นเหตุให้ยันต์เก่าแก่โบราณที่มีอายุมากอย่างถึงที่สุดแผ่นนั้นปรากฏช่องโหว่หนึ่งเสี้ยว ปีศาจใหญ่ตัวหนึ่งที่ถูกกำราบมานานหลายปีจนนับไม่ถ้วนได้ถือโอกาสนี้หนีไป แล้วหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ด้วยเหตุนี้ไม่รู้ว่าเหตุใด เรื่องแรกที่เทียนซือคนใหม่ซึ่งมารับตำแหน่งทำก็คือนำพาเซียนกระบี่และตราประทับอาคมเดินทางไปยังนครจักรพรรดิขาว สุดท้ายก็แยกย้ายกับเจ้านครจักรพรรดิขาวอย่างไม่สบอารมณ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!