สรุปตอน บทที่ 540.4 พบเจออีกครั้งโดยบังเอิญ จากลากันอย่างเปลี่ยวเหงา – จากเรื่อง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet
ตอน บทที่ 540.4 พบเจออีกครั้งโดยบังเอิญ จากลากันอย่างเปลี่ยวเหงา ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
สตรีผู้ดูแลกำลังจะดีใจ แต่พลันรู้สึกว่าเงินเทพเซียนในฝ่ามือของตนเหรียญนี้น้ำหนักไม่ถูกต้อง ปราณวิญญาณก็ยิ่งไม่สอดคล้องกับเหรียญเงินร้อนน้อย จึงก้มหน้าลงมอง แล้วก็กระทืบเท้าด่ามารดาอีกฝ่ายทันที
ที่แท้ก็เป็นแค่เงินเกล็ดหิมะเหรียญหนึ่ง
เพียงแต่ว่าผู้ฝึกตนเฒ่าคนนั้นได้ออกแรงอย่างสุดกำลัง ทะยานลมข้ามผ่านตลาดมุ่งตรงไปที่นครเหนือเมฆโดยตรงแล้ว
หลังจากสตรีด่าจบ ในใจก็ผ่อนคลายขึ้นหลายส่วน แล้วจึงหัวเราะออกมา การที่นางถอนขนเล็กๆ เส้นหนึ่งออกมาจากบนร่างไก่เหล็ก (เปรียบเปรยถึงคนขี้เหนียว) ผู้นี้ได้ ต่อให้จะเป็นแค่เงินเกล็ดหิมะเหรียญเดียวก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ร้ายกาจมากแล้ว
นางคือโอสถทองคนหนึ่ง ขอแค่ไม่ใช่เรือข้ามทวีป มีผู้ดูแลเป็นโอสถทองก็เพียงพอแล้ว
แล้วนับประสาอะไรกับที่ผู้ฝึกตนโอสถทองของถ้ำสวรรค์วังมังกรนั้น หากว่ากันแค่สถานะก็สามารถมองเป็นผู้ฝึกตนก่อกำเนิดคนหนึ่งได้เลย
เพราะเบื้องหลังของนาง นอกจากจะมีสำนักแล้ว ยังมีตำหนักนภากาศราชวงศ์ต้าหยวนและ ‘ญาติมิตร’ อยู่ที่ทะเลสาบกระบี่ฝูผิงด้วย
สำหรับผู้ฝึกตนบนภูเขาแล้ว เมื่อเทียบกับความสัมพันธ์ระหว่างจักรพรรดิขุนนาง สามีภรรยาด้านล่างภูเขาแล้ว ความสัมพันธ์ด้านการค้าขายที่หาเงินหรือหาเงินก้อนใหญ่เข้ากระเป๋าตัวเองได้ ย่อมเชื่อถือได้มากกว่า
และผู้ฝึกตนเฒ่าผู้นั้นที่นางรู้จักมานานแล้วก็อนาคตไม่ดี เป็นขอบเขตชมมหาสมุทรก็มีใบหน้าแก่ชราเช่นนี้แล้ว
ต้องรู้ว่าปีนั้นคนผู้นี้ไม่เพียงแต่ไม่มีนิสัยขี้เหนียว กลับกันยังสง่างามใจกว้าง มีมาดองอาจของวีรบุรุษ
ทว่าเวลาร้อยปีกว่าที่สูญเปล่าไปอย่างไร้ค่า ดูเหมือนว่าไม่ว่าอะไรก็ถูกกาลเวลาลดทอนจนสิ้น
ไม่หล่อเหลาเยาว์วัยเหมือนในอดีต แล้วก็ไม่มีจิตวิญญาณเช่นนั้นอีกแล้ว กลายมาเป็นผู้ฝึกตนเฒ่าที่วันๆ เดินเข้าออกตามจวนของชนชั้นสูงด้านล่างภูเขา คอยค้นหาสมบัติเงินทองอยู่ในยุทธภพ
แต่นางก็ยังคงชอบเขา
ส่วนข้อที่ว่าชอบแค่บุรุษในอดีตผู้นั้น หรือชอบผู้เฒ่าในทุกวันนี้ไปพร้อมกันด้วย ตัวนางเองก็แยกแยะได้ไม่ชัดแล้ว
เฉินผิงอันเดินเข้าไปในตลาด แล้วก็เปิดห่อผ้าตั้งแผงอยู่ตรงตำแหน่งว่างแห่งหนึ่งบนถนนที่คึกคักเพราะมีคนสัญจรผ่านไปมาไม่น้อย ในห่อผ้าของเขาได้เตรียมผ้าฝ้ายสีเขียวผืนใหญ่เอาไว้เรียบร้อยแล้ว
ฝั่งตรงข้ามและข้างกายต่างก็เป็นคนบนเส้นทางเดียวกัน บางคนก็กำลังร้องเร่ขายของอย่างสุดความสามารถ บางคนก็รอให้คนที่เต็มใจเดินมาติดกับ บางคนกำลังอ้าปากหาวอย่างเบื่อหน่าย
เพียงไม่นานก็มีชายหนุ่มหญิงสาวสวมชุดคลุมอาคมสีขาวหิมะสองคนเดินมาเก็บเงิน หนึ่งวันหนึ่งเหรียญเงินเกล็ดหิมะ
เฉินผิงอันถามว่าหากอยู่ที่นี่แค่สี่ห้าชั่วยาม จ่ายแค่ครึ่งราคาได้หรือไม่
ผู้ฝึกตนหนุ่มส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม บอกว่าหนึ่งเหรียญเงินเกล็ดหิมะคือราคาเริ่มต้น
เฉินผิงอันจึงไม่พูดอะไรให้มากความอีก ยื่นเงินเกล็ดหิมะหนึ่งเหรียญส่งออกไป ชาดหายโครงกระดูกทางทิศใต้สุดของทวีป น้ำชาอินเฉินที่ขายอยู่ริมลำคลองเหยาเย่ก็มีกฎที่ไม่ต่างกันสักเท่าไร
เฉินผิงอันสอบถามเพิ่มไปอีกสองสามคำว่า หากอยากจะมาเช่าที่ในตลาดหรือซื้อร้านในนครเหนือเมฆแห่งนี้ ราคาคือเท่าไร
ผู้ฝึกตนหนุ่มตอบทีละคำถามด้วยสีหน้าเป็นมิตร ร้านค้าแบ่งออกเป็นสามหกเก้าระดับ ส่วนการเช่ากับการซื้อก็มีราคาที่ต่างกันออกไป
ถึงท้ายที่สุดร้านผ้าห่อบุญต่างถิ่นที่ลงจากเรือขามฟากมาเสี่ยงดวงผู้นี้ก็ทำเพียงแค่เอ่ยขอบคุณ ไม่เอ่ยถึงเรื่องร้านค้าอีก ผู้ฝึกตนหนุ่มคนนั้นก็ยังคงหน้าไม่เปลี่ยนสี ยังเอ่ยประโยคอวยพรที่บอกว่าเปิดร้านขอให้รับใชคใหญ่กับผู้ฝึกตนอิสระอายุยังน้อยผู้นี้ด้วย
เฉินผิงอันนั่งอยู่ที่เดิม เริ่มเอาทรัพย์สินของตัวเองออกมาจัดวาง มีภาพเทพหญิงฉบับสำเนาบนกระดาษเทียนไขเล่มเดี่ยวของนครปี้ฮว่า มีของสะสมที่เก็บไว้ในคลังของ ‘ปีศาจใหญ่’ หลายตนในชายหาดโครงกระดูกซึ่งรวมถึงปี้สู่เหนียงเนียงเป็นหนึ่งในนั้น และยังมีผลเก็บเกี่ยวที่ได้มาจากวังมังกรใต้ทะเลสาบชางอวิ๋นอีกหลายชิ้น ของกระจุกกระจิกรวมกันได้ยี่สิบกว่าชิ้น ล้วนอยู่ห่างจากระดับขั้นของสมบัติอาคมไปไกลหนึ่งแสนแปดพันลี้ แต่สิ่งที่มากที่สุดยังคงเป็นยันต์ทั้งห้าชนิดที่จัดเรียงอยู่บนผ้าสีเขียวอย่างเป็นระเบียบเหมือนทหารที่จัดขบวนทัพ
เฉินผิงอันเงยหน้าขึ้น ชายหนุ่มหญิงสาวของนครเหนือเมฆคู่นั้นกำลังเดินเคียงไหล่กันไปบนถนนใหญ่ ค่อยๆ ห่างไปไกลช้าๆ
บุรุษหนุ่มคล้ายจะเป็นผู้ดูแลตลาดแห่งนี้ เขาถึงได้รู้จักกับเถ้าแก่ร้านค้าและร้านผ้าห่อบุญมากมาย เวลาเดินผ่านก็จะต้องเอ่ยทักทาย
หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรมาก สิ่งที่ทำมากกว่าคือคอยเหลือบมองบุรุษข้างกาย
ดวงตาของนางกำลังเอื้อนเอ่ยถ้อยคำ
เฉินผิงอันเอาสองมือสอดกันไว้ในชายแขนเสื้อ มองภาพนี้อยู่เงียบๆ
เป็นทัศนียภาพที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
นักท่องเที่ยวที่เดินอยู่บนถนนเส้นนี้ เนื่องจากเป็นผู้ฝึกตนทั้งหมด ดังนั้นเมื่อเทียบกับการที่คนธรรมดาไปเดินเที่ยวงานวัดแล้ว ยามที่เดินเข้าออกร้านหรือเดินผ่านแผงลอย ส่วนใหญ่จึงมักจะเงียบขรึมพูดน้อย อีกทั้งยังมีความอดทนเป็นเลิศ แวะไปตามร้านผ้าห่อบุญแทบทุกร้าน แต่จะไม่ยอมเปิดปากถามราคาง่ายๆ ฝีเท้าเนิบช้า บางครั้งที่เจอกับสินค้าถูกใจถึงจะนั่งลงพินิจพิจารณาอย่างละเอียด บางคนที่พอได้ตรวจสอบแล้ว และพอจะแน่ใจอยู่ในใจตัวเองคร่าวๆ แล้ว ก็จะลุกขึ้นเดินจากไปเงียบๆ บางคนก็จะลองหั่นราคาดู โดยทั่วไปแล้วหากเปิดปากก็เป็นการหั่นราคาแบบครึ่งต่อครึ่ง เจ้าของแผงลอยที่นิสัยดีหน่อยก็จะอดทนอธิบายว่าได้วัตถุตระกูลเซียนชิ้นนั้นมาไม่ง่ายอย่างไร หรือไม่ก็พูดถึงประวัติความเป็นมาของพวกมัน เจ้าของแผงที่นิสัยเจ้าอารมณ์หน่อยก็จะไม่ให้ความสนใจเสียเลย อยากซื้อก็ซื้อ ข้าผู้อาวุโสไม่คิดจะปรนนิบัติพวกคนยากจนที่สายตาไม่มีแววอย่างพวกเจ้า
เพียงไม่นานเฉินผิงอันก็ได้ต้อนรับลูกค้าคนหนึ่ง คือผู้เฒ่าที่จูงมือเด็กน้อยคนหนึ่งมา เขาทรุดตัวลงนั่งยอง แล้วกวาดตามองวัตถุแต่ละชิ้นที่อยู่บนผืนผ้าสีเขียว สุดท้ายสายตาไปหยุดนิ่งอยู่บนยันต์กระดาษเหลืองสิบแผ่นที่วางเรียงกัน
ผู้เฒ่าเพ่งสายตามองไปยังยันต์ทั้งห้าชนิดนั้น
กระดาษยันต์ธรรมดาอย่างมาก แต่ระดับขั้นของผงชาดกลับไม่เลว
ทว่าระดับขั้นในท้ายที่สุดของยันต์ รวมไปถึงฝีมือในการวาดยันต์
ยันต์ที่แตกต่างกัน ก็มีระดับขั้นสูงต่ำแตกต่างกัน
เพียงไม่นานผู้เฒ่าก็พอจะประเมินราคาคร่าวๆ อยู่ในใจตัวเองได้ จึงจำเป็นต้องเปิดปากเพื่อต่อรองราคาแล้ว
คิดไม่ถึงว่าคืนนี้เพียงแค่พาหลานชายออกจากเมืองมาผ่อนคลายอารมณ์ จะได้รับผลเก็บเกี่ยวที่ไม่คาดฝันเช่นนี้
ผู้เฒ่ายื่นนิ้วชี้ไปที่ยันต์สายฟ้าแถวหนึ่งแล้วยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เจ้าของร้าน ยันต์สายฟ้าแผ่นนี้ขายแยกราคาเท่าไร?”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ยันต์สายฟ้าหนึ่งแผ่นสิบเอ็ดเหรียญเงินเกล็ดหิมะ ซื้อครบทั้งสิบแผ่น หนึ่งร้อยเหรียญเงินเกล็ดหิมะ แต่ร้านของข้าห้ามต่อราคา”
ผู้เฒ่าพยักหน้ารับ แล้วยิ้มเอ่ยว่า “ยันต์เป็นยันต์ที่ดี เพียงแต่คุณภาพของกระดาษยันต์ค่อนข้างจะด้อยกว่าสักหน่อย ไม่อาจแบกรับอานุภาพทั้งหมดของยันต์สายฟ้าแผ่นนี้ได้ นี่ลดทอนคุณค่าของมันไปไม่น้อย อีกอย่างราคาก็แพงไปสักหน่อย”
เฉินผิงอันเพียงยิ้มโดยไม่เอ่ยอะไร
อย่างน้อยที่สุดอีกฝ่ายก็น่าจะถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญครึ่งตัว
ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องให้เขาพูดอะไรมากความแล้ว
ผู้เฒ่าจึงถามราคาของยันต์ดินกับยันต์น้ำ ซึ่งราคาก็พอๆ กัน ความต่างของยันต์แต่ละแผ่น ต่างกันแค่ไม่เกินหนึ่งถึงสองเหรียญเงินเกล็ดหิมะเท่านั้น
ยันต์สายฟ้าแพงที่สุด เพราะถึงอย่างไรวิชาอสนีก็ถูกขนานนามให้เป็นบรรพบุรุษของหมื่นอาคมในใต้หล้า แล้วนับประสาอะไรกับที่หนึ่งในรากฐานการหยัดยืนของจวนเทียนซือภูเขามังกรพยัคฆ์ก็คือสี่คำว่า ‘คาถาอสนีดั้งเดิม’
แต่หากอิงตามคำบอกของฉีจิ่งหลง ยันต์กองสายฟ้าหน่วยสวรรค์นี้ หากเอามาใช้ร่วมกับกระดาษยันต์หวงซี ถึงจะสามารถขายได้ในราคาที่พอจะสูงขึ้นมาหน่อย ไม่อย่างนั้นหากวาดยันต์ลงบนกระดาษเหลืองที่หาซื้อตามหมู่ชาวบ้านทั่วไปได้ อานุภาพก็จะธรรมดาเกินไป ขนาดผู้ฝึกตนห้าขอบเขตกลางทั่วไปก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตา
ผลกลับถูกเฉินผิงอันใช้ประโยคที่ว่า ‘ยันต์ที่เจ้าฉีจิ่งหลงรู้สึกว่าไม่ธรรมดา แล้วข้ายังต้องเอาไปเร่ขายในร้านผ้าห่อบุญอีกหรือ’ ตอกกลับไป
สุดท้ายผู้เฒ่าขยับเส้นสายตาออกไป แล้วถามว่า “หากข้าผู้อาวุโสมองไม่ผิด ยันต์สองแผ่นนี้คือยันต์ทำลายสิ่งกีดขวาง?”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ยอดฝีมือถ่ายทอดให้ เป็นวิชาลับที่ไม่แพร่งพรายที่ไหน ในโลกมีเพียงตระกูลนี้ตระกูลเดียว ข้าตรากตรำเล่าเรียนมาหลายปีกว่าจะสามารถวาดยันต์ได้สำเร็จ แต่ก็ยังได้แค่รับรองว่าจะประสบความสำเร็จห้าหกในสิบส่วนเท่านั้น สิ้นเปลืองกระดาษยันต์ไปเยอะมาก หากขายในราคาถูก คงผิดต่อผู้อาวุโสยอดฝีมือท่านนั้นน่าดู”
ผู้เฒ่าเงยหน้ามองเจ้าของแผงหนุ่มที่สวมชุดดำสะพายกระบี่ยาว เขาลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนถามว่า “เจ้าของร้านบอกชื่อยันต์ทั้งสองแผ่นนี้แก่ข้าได้ไหม?”
เฉินผิงอันมั่นใจแล้ว
เป็นคนที่ดูของเป็นจริงๆ
เฉินผิงอันย้อนถาม “ชื่อของยันต์บนโลกมักจะต้องสอดคล้องกับปณิธานของคาถายันต์ เดิมทีนี่ก็เป็นการแพร่งพรายความลับสวรรค์อย่างหนึ่ง ขอถามท่านผู้เฒ่า ผู้ฝึกยุทธในยุทธภพมาพบเจอกันบนทางคับแคบ จับคู่ต่อสู้กัน จะบอกชื่อกระบวนท่าวิชาหมัดของตัวเองให้อีกฝ่ายรู้หรือไม่?”
ผู้เฒ่ายิ้มกล่าว “แน่นอนว่าไม่”
ผู้เฒ่ายิบเงินเกล็ดหิมะอีกสิบเหรียญออกมายื่นส่งให้อย่างไม่ลังเล
เด็กน้อยกระตุกชายแขนเสื้อของท่านปู่ พูดเสียงเบาว่า “ยันต์ทำลายสิ่งกีดขวางแผ่นหนึ่งราคาสิบเหรียญเงินเกล็ดหิมะก็ยังแพงมากอยู่ดี”
ผู้เฒ่ายิ้มกล่าว “ต่อให้จะหาเงินได้ยากลำบากแค่ไหน แต่ถึงอย่างไรเงินเกล็ดหิมะก็พบเห็นได้ง่าย แต่ยันต์กลับหาได้ยาก ยันต์ทำลายสิ่งกีดขวางสองแผ่นนี้ต่อให้เอามาเก็บรักษาไว้ก็ยังถือว่าเป็นความโชคดี”
เฉินผิงอันพูดออกมาอย่างจริงใจว่า “ท่านผู้เฒ่าช่างมองการณ์ไกลยิ่งนัก”
จากนั้นก็เปลี่ยนหัวข้อใหม่ได้อย่างคล่องปาก ไม่มีติดขัดแม้แต่น้อย “ดังนั้นไม่สู้ท่านผู้เฒ่าซื้อยันต์สายฟ้าสิบแผ่นนี้ไปพร้อมกันรวดเดียวเลยเถอะ ก็ถือว่ายันต์สายฟ้าพวกนี้ได้พบเจอกับผู้สูงศักดิ์แล้ว จะได้ไม่ต้องไปเจอกับคนตาไม่ดี ย่ำยีวัตถุสวรรค์ให้สิ้นเปลืองเปล่าๆ”
ต่อให้เด็กน้อยจะได้รับการสั่งสอนอย่างดีมาจากทางตระกูลมากแค่ไหน ก็ยังอดไม่ไหวจริงๆ ต้องรีบหันหน้าไปอีกทางแล้วเหลือกตามองบน
ผู้เฒ่าทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วยิ้มกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นยันต์ทั้งหมดห้าชนิดซึ่งรวมถึงยันต์ทำลายสิ่งกีดขวางเป็นหนึ่งในนั้น ข้าผู้อาวุโสจะซื้ออีกอย่างละห้าแผ่น ยันต์ทำลายสิ่งกีดขวางสองชนิดนี้เป็นยันต์ที่ดี และข้าผู้อาวุโสเองก็หวั่นไหวจริงๆ ดังนั้นแผ่นละสิบห้าเหรียญเงินเกล็ดหิมะ ข้าผู้อาวุโสจึงไม่คิดจะต่อราคา เงินเกล็ดหิมะหนึ่งร้อยห้าสิบเหรียญ ยันต์ที่เหลืออย่างยันต์สายฟ้า ยันต์ดินและยันต์น้ำ ไม่ถือว่าดีที่สุด ข้าผู้อาวุโสยินดีจ่ายรวมกันแค่หนึ่งร้อยยี่สิบเหรียญ”
เฉินผิงอันขมวดคิ้ว “หากเฉลี่ยทั้งแผงแล้ว ยันต์แผ่นหนึ่งมีราคาแค่แปดเหรียญเงินเกล็ดหิมะเองหรือ?”
ผู้เฒ่าเอ่ย “เจ้าของร้าน รวมการจ่ายเงินสองครั้งก่อนหลัง เท่ากับว่าข้าผู้อาวุโสซื้อยันต์รวดเดียวถึงยี่สิบเจ็ดแผ่น นี่ไม่ใช่การค้าขายที่เล็กแล้ว คนทั้งถนนใหญ่เส้นนี้ต่างก็มองดูอยู่ ข้าผู้อาวุโสช่วยให้เจ้าของร้านเรียกลูกค้า ที่ข้าพูดนี่ก็เป็นความจริงไม่ใช่หรือ?”
เฉินผิงอันพูดอย่างเต็มไปด้วยเหตุด้วยผล “อย่าพูดอย่างนั้น ข้าว่าลูกค้าส่วนใหญ่บนถนนคงเข้าใจว่าพวกเราสองคนเป็นพวกเดียวกันแน่ๆ ช่วยเรียกลูกค้าอะไรที่ว่านั่น เอามาเหมารวมไม่ได้จริงๆ ไม่แน่ว่าอาจทิ้งความประทับใจที่ไม่ดี ถ่วงการค้าของข้าหลังจากนี้อีกก็เป็นได้ ผู้อาวุโส หากว่ากันตามมโนธรรมในใจ ที่ข้าพูดนี่ก็เป็นความจริงเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”
เด็กน้อยรู้สึกเพียงว่าตัวเองได้เปิดโลกทัศน์ครั้งใหญ่
ผู้เฒ่าหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นยันต์ที่เหลืออีกสามชนิด ข้าจะเพิ่มให้อีกสิบเหรียญเงินเกล็ดหิมะ”
เฉินผิงอันพูดอย่างสะท้อนใจ “ท่านผู้อาวุโสมีสายตาดีเช่นนี้ ก็ควรจะมีความใจป้ำของคนทำการค้า นี่ต่างหากจึงจะเหมาะสมกับสายตาและสถานะของท่านผู้เฒ่า”
ผู้เฒ่าตีหน้าเคร่ง ส่ายหน้าเอ่ยว่า “หากเจ้าของร้านยังรังแกคนมีคุณธรรมอยู่เช่นนี้ ข้าผู้อาวุโสก็จะไม่ซื้อเลยสักแผ่น”
เด็กน้อยไม่ได้รู้สึกว่าไอ้หมอนี่ใจกว้างเลยสักนิด เขายกสองมือเล็กๆ ขึ้น นิ้วขยับเบาๆ รีบคำนวณราคาอยู่ในใจ ด้วยกังวลว่าไอ้หมอนั่นจะหลอกลวงคนส่งเดช
ยังดี ราคายังคงเป็นราคานี้
เด็กน้อยหดมือกลับมา ก็ยังรู้สึกว่าแพงมากอยู่ดี เพียงแต่ว่าท่านปู่ชอบ รู้สึกว่าถูกชะตา เขาจึงไม่ช่วยต่อราคาให้แล้ว
ไม่อย่างนั้นหากเขาหั่นราคาขึ้นมา แม้แต่ตัวเองก็ยังรู้สึกกลัว
ผู้เฒ่าหยิบเงินร้อนน้อยสามเหรียญออกมาจากในถุงเงิน แล้วก็ใช้เงินเกล็ดหิมะอีกสามสิบเหรียญที่เพิ่มขึ้นมา มาต่อรองราคากับร้านผ้าห่อบุญหนุ่มผู้นั้น เขาซื้อภาพเทพหญิงฉบับเติมเต็มที่ต่อให้เป็นเพียงแค่โครงร่างขาวดำก็ยังเห็นได้ชัดว่าผู้วาดตั้งใจอย่างมากมาหนึ่งฉบับ รวมไปถึงซื้อก้อนชากำแพงดำน้อย คิดว่าวันหน้าจะเอาไปมอบให้กับสหายสนิท
ผู้เฒ่าเลือกยันต์อย่างละห้าแผ่นมาจากยันต์ที่เรียงกันห้าแถว
เฉินผิงอันปล่อยให้ผู้เฒ่าเลือกเองตามใจชอบ
เพียงแต่การเลือกของผู้เฒ่าทำให้เฉินผิงอันประหลาดใจเล็กน้อย เขาใช้ริ้วคลื่นทะเลสาบในหัวใจถามเสียงเบา “ท่านผู้เฒ่าสายตาดีขนาดนี้ เหตุใดถึงไม่เลือกยันต์หลายๆ แผ่นที่ระดับขั้นดียิ่งกว่า แต่กลับเลือกยันต์ที่จิตวิญญาณเป็นรองกว่า?”
ดูเหมือนผู้เฒ่าจะประหลาดใจอย่างมาก เขายิ้มเอ่ยว่า “คัมภีร์ทำการค้านี้ของเจ้าของร้าน ไม่เหมือนคนทั่วไปเลยจริงๆ นะ”
เฉินผิงอันจึงไม่พูดอะไรให้มากความอีก
พูดมาถึงขั้นนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก
บนโลกมีความแปลกพิสดารนับร้อยนับพันรูปแบบ แต่กระนั้นก็ยังคงเป็นมนุษย์ที่ยากจะคาดเดามากที่สุด
—-
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!