คนกลุ่มหนึ่งที่มีกันสามคนเร่งเดินทางตอนกลางคืน ลำธารในหุบเขาไหลริกๆ ส่งเสียงไพเราะเสนาะหู
นักพรตผู้เฒ่าร่างผอมสูงคนหนึ่งมีสายตาฉายประกายเฉียบคม สวมชุดคลุมเต๋าตัวใหญ่ที่ทอจากผ้าไหม รูปแบบของชุดคลุมเต๋าค่อนข้างเก่าแก่ ลายปักมองดูแล้วค่อนข้างจะยิบย่อย เป็นภาพสิบสองภาพที่สอดคล้องกับเดือนทั้งสิบสองเดือนของหนึ่งปี แต่ละภาพมีการปักอย่างประณีตงดงาม
สะพายกระบี่ไม้ท้อ ตรงเอวห้อยกระพรวนทองแดง
เดินอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ นักพรตเฒ่าเผยท่วงท่าองอาจของเทพเซียน
อีกคนหนึ่งคือคุณชายหน้าตาหล่อเหลาที่ถือไม้เท้าเดินป่ารองเท้าสาน สวมชุดคลุมสีขาว ห้อยดาบสั้นฝักสีทองไว้หนึ่งเล่ม
ชายฉกรรจ์เนื้อตัวมอมแมมคนหนึ่งสะพายห่อสัมภาระ ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ติดตามของคนหนุ่ม
คนทั้งสามพลันหยุดเดิน พอจะมองเห็นได้รำไรว่าริมธารน้ำที่ห่างไปไกลมีคนนั่งหันหลังให้พวกเขาอยู่บนหินก้อนใหญ่ ราวกับว่ากำลังอาศัยแสงจันทร์เปิดอะไรบางอย่างดูอยู่
ชายฉกรรจ์ชำเลืองตามองกระพรวนตรงเอวของนักพรตเฒ่า ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
คนทั้งสามจึงพอจะโล่งใจได้บ้าง
กระพรวนนี้คือวัตถุวิเศษล้ำค่าที่ค่อนข้างจะมีภูมิหลัง ชื่อว่ากระพรวนเจดีย์วิเศษ เดิมทีคือวัตถุอาคมที่แขวนไว้ใต้ชายคาของวัดโบราณแห่งหนึ่งในราชวงศ์ต้าหยวน ภายหลังเพื่อขยายขนาดให้แก่ตำหนักของหน่วยฉงเสวียน ฮ่องเต้ต้าหยวนจึงรื้อตำหนักใหญ่ของวัดโบราณออกไปหลายหลัง ช่วงเวลาระหว่างนี้ กระพรวนเจดีย์วิเศษจึงพลัดตกมาอยู่ในหมู่ชาวบ้าน ผ่านการเปลี่ยนมืออยู่หลายครั้ง สุดท้ายก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เจ้าของคนปัจจุบันไปพบมันอยู่บนโครงกระดูกขาวโครงหนึ่งในถ้ำกลางภูเขาลึกโดยบังเอิญ แล้วยังได้โครงกระดูกร่างจริงของงูเหลือมยักษ์ตัวหนึ่งมาพร้อมกัน ได้กำไรมาถึงสองร้อยเหรียญเงินเกล็ดหิมะเต็มๆ และกระพรวนเจดีย์วิเศษก็ถูกเก็บไว้ข้างกายของเขา
ไม่ใช่ว่าต้องกลัดกลุ้มว่าจะขายราคาสูงไม่ออก แต่เป็นเพราะตัดใจขายไม่ลง ของดีที่แท้จริง ส่วนใหญ่มักจะมีแต่ราคา ทว่าหาซื้อไม่ได้เสมอ
ในตำรา ‘รวมเล่มไร้เสียง’ ที่อวี๋หย่วนเจ้าหอซินเซิงซึ่งเก็บสะสมกระพรวนไว้เป็นจำนวนนับไม่ถ้วนเขียนขึ้นด้วยตัวเอง ลำดับขั้นของกระพรวนชิ้นนี้ค่อนไปทางรั้งท้าย
แต่ขอแค่เป็นกระพรวนที่ถูกบันทึกไว้ในตำราเล่มนี้ ก็ไม่เคยต้องกลัดกลุ้มว่าจะไม่มีคนซื้อ
มีกระพรวนชิ้นนี้ ผู้ฝึกตนขึ้นเขาลงห้วยก็ไม่จำเป็นต้องเตรียมยันต์จำนวนมากอย่างเช่นยันต์ทำลายสิ่งขีดขวาง ยันต์พิศสิ่งชั่วร้าย ยันต์สงบใจ เป็นต้น ขึ้นเขาลงห้วยครั้งสองครั้งยังเห็นผลได้ไม่ชัด แต่หากสะสมจากน้อยไปมาก ยันต์พวกนี้ก็จะกลายเป็นค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่ นอกจากนี้มีกระพรวนอยู่ในมือ ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็สามารถขายได้ ไม่ว่าร้านค้าตระกูลเซียนที่ตั้งอยู่บนท่าเรือแห่งไหนก็ล้วนยินดีทุ่มทองพันชั่ง ทางที่ดีที่สุดก็แน่นอนว่าไปเยือนหอซินเซิงโดยตรง แล้วขายให้กับอวี๋หย่วนผู้ฝึกตนก่อกำเนิดที่ดูของเป็นที่สุดต่อหน้า
กระพรวนของลัทธิพุทธมีความหมายสามอย่างได้แก่สะดุ้งตื่น เบิกบานและข้อคิด แน่นอนว่านี่เป็นวิธีการพูดที่ค่อนข้างเลื่อนลอย สำหรับผู้ฝึกตนแล้ว ประสิทธิผลที่สำคัญที่สุดของกระพรวนเจดีย์วิเศษ ยังคงเป็นสองคำว่า ‘สะดุ้งตื่น’ ที่พอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง นั่นก็คือทุกครั้งที่มีภูตผีปีศาจขยับเข้ามาใกล้ กระพรวนก็จะส่งเสียงขึ้นมาด้วยตัวเอง ยิ่งมีปราณสกปรกชั่วร้ายเข้มข้น ตบะของภูตผีปีศาจยิ่งสูง เสียงกระพรวนก็จะยิ่งดังสะเทือนฟ้า ภูตผีที่ขอบเขตต่ำกว่าประตูมังกรลงไปต่างก็ไม่อาจสกัดกั้นสัญญาณเตือนของกระพรวนนี้ได้ นอกจากนี้แล้วก็ยังมีประโยชน์ในการทำลายสิ่งกีดขวาง เวทอำพรางตาแห่งขุนเขาสายน้ำหลายอย่างที่คล้ายคลึงกับผีบังตา เมื่อมีกระพรวนนี้อยู่ติดกาย ผู้ฝึกตนก็สามารถรักษาดวงตาให้แจ่มใสจิตใจสงบนิ่ง ไม่ต้องถูกหลอกให้หลงกล
คุณชายหนุ่มใช้เสียงในใจสื่อสารกับสหายสองคน “พวกเราสามคนล้วนเชี่ยวชาญการเข่นฆ่าแบบประชิดตัว และยังขาดคนหรือไม่ก็วัตถุที่สามารถใช้โจมตีได้ ไม่สู้ลองเสี่ยงดวงดูหน่อยไหม?”
นักพรตเฒ่าร่างผอมสูงรู้สึกว่าสามารถทำได้
ชุดคลุมบนร่างที่แค่สวมใส่ไว้พอเป็นพิธีก็ดี หรือกระบี่ไม้ท้อที่สะพายไว้ด้านหลังก็ช่าง ล้วนเป็นเวทอำพรางตาทั้งสิ้น
อันที่จริงเขาคือผู้ฝึกตนอิสระคนหนึ่งที่อยู่ในอารามเล็กๆ แห่งหนึ่งมาสิบกว่าปี ความเสียดายที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตนี้ไม่ใช่ว่าไม่สามารถเรียนรู้วิชาเต๋ามาจากอารามเต๋าเก่าโทรมแห่งนั้นได้ แต่เป็นไม่เคยได้อาศัยอารามเต๋าและราชสำนักซื้อตัวตนนักพรตที่มีชื่อในทำเนียบมาได้ เดิมทีหากอิงตามลำดับอาวุโส ไม่ว่าอย่างไรก็ควรถึงคราวที่เขาจะได้ซื้อตัวตนที่มีชื่อบันทึกลงทำเนียบแล้ว คิดไม่ถึงว่าอาจารย์จะแอบเอาตำแหน่งนั้นไปขายให้กับคนเสเพลลูกหลานชนชั้นสูงคนหนึ่ง บอกว่าให้เขารอไปอีกสามปี ถึงท้ายที่สุดก็ต้องรอสามปีแล้วสามปีเล่า หลังจากที่อาจารย์ผู้เป็นเจ้าอารามผิดสัญญาไปหนึ่งครั้งก็บอกว่าคราวหน้าต้องถึงคราวของเขาแน่นอน คิดไม่ถึงว่าอาจารย์ตายไปแล้วก็ยังมอบตำแหน่งเจ้าอารามให้แก่ศิษย์น้องคนหนึ่งที่สถานะทางบ้านมั่นคง หลังจากที่เขาออกจากอารามเต๋ามาอย่างเดือดดาลก็มาเดินอยู่บนเส้นทางของผู้ฝึกตนอิสระ แอบขโมยสมบัติพิทักษ์ภูเขาของอารามมาชิ้นหนึ่ง คือตำราลับเล่มหนึ่งที่เจ้าอารามแต่ละรุ่นเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี แต่กลับไม่เคยมีใครบรรลุวิชาการเป็นอมตะได้แม้แต่น้อย
ทว่าฝ่ายของชายฉกรรจ์กลับรู้สึกว่าไม่เหมาะ สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าไอ้หมอนั่นมีประวัติความเป็นมาอย่างไร มารวมกลุ่มกับคนที่ไม่รู้จักชั่วคราว อยู่ดีๆ ในกลุ่มมีคนแปลกหน้าเพิ่มขึ้นมา ก็ง่ายที่จะกลายเป็นหายนะ
คนหนุ่มยิ้มกล่าว “เดินหนึ่งก้าวก็ดูกันไปหนึ่งก้าว หากสำเร็จย่อมดีที่สุด ไม่สำเร็จก็ไม่เสียหาย อีกอย่าง การแบ่งทรัพย์สินหลังจบเรื่อง พวกเราสามคนกับเขาคนเดียว ไม่แน่ว่าอาจยังได้ทรัพย์สินเพิ่มเติมมาอีกหนึ่งก้อน ถูกไหมล่ะ?”
นักพรตเฒ่าร่างผอมสูงลูบหนวดยิ้ม
ชายฉกรรจ์ถึงได้พยักหน้าตอบตกลง
คุณชายหนุ่มยิ้มเอ่ย “ขอให้ข้าลองหยั่งเชิงดูก่อน นักพรตซุนและพี่ใหญ่หวงรออยู่ที่นี่ก่อน”
คนหนุ่มเดินหน้าไปเพียงลำพัง หลังเดินออกไปได้หลายก้าว คนชุดดำที่นั่งหันหลังให้คนทั้งสามอยู่บนก้อนหินก็ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหว
พอคนหนุ่มเพิ่มน้ำหนักฝีเท้าให้มากขึ้นอีกสองสามส่วน แล้วเดินออกไปอีกหลายสิบก้าว คนชุดดำผู้นั้นถึงได้พลันหันขวับกลับมา ลุกขึ้นยืนแล้วจ้องเขม็งมาที่คนหนุ่มที่มองดูเหมือนลูกหลานคนรวยผู้นี้
คนหนุ่มหยุดเดิน ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ข้าน้อยฉินจวี้หยวน เป็นคนของแคว้นเจียโย่ว สหายสองคนด้านหลังข้านี้ สถานที่ฝึกตนของนักพรตซุนคนหนึ่งในนั้นก็คือเรือนเทพสายฟ้าของภูเขาอิงเอ๋อร์ที่ตั้งอยู่ทะเลบูรพา ผู้ถ่ายทอดมรรคาคือหนึ่งในเซียนซือของเรือนเทพสายฟ้า เทพเซียนผู้เฒ่าจิ้งหมิงเจินเหริน! น่าเสียดายที่จนถึงทุกวันนี้นักพรตซุนยังคงเป็นได้แค่ลูกศิษย์ที่ได้รับการบันทึกชื่อ ยังไม่ได้เข้าไปอยู่ในทำเนียบศาลบรรพจารย์ ปณิธานของนักพรตซุนอยู่ที่การออกเดินทางไกล เขาเดินทางมุ่งไปยังทิศตะวันออกตลอดเวลา คอยกำจัดปีศาจปราบมาร สะสมคุณความชอบใหญ่ไว้หลายครั้ง มีครั้งหนึ่งร่วมกันสังหารปีศาจ จึงกลายมาเป็นสหายของพวกเรา ต่างคนต่างมองกันเป็นสหายสนิท ครั้งนี้ได้ยินว่าในภูเขาของแคว้นเป่ยถิงมีถ้ำสถิตบรรพกาลเผยกายบนโลก จึงอยากจะมาลองดูว่าพอจะมีโชควาสนากับเขาบ้างหรือไม่”
ทางฝั่งของก้อนหินใหญ่ริมน้ำคือผู้เฒ่าคนหนึ่งที่สวมชุดคลุมสีดำ มือสองข้างสอดกันไว้ในชายแขนเสื้อ มีริ้วคลื่นเป็นเส้นๆ ไหลเอ่อออกมาจากในชายแขนเสื้อตลอดเวลา
เห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยใจที่ระแวดระวังภัยต่อแขกไม่ได้รับเชิญที่มาพบเจอกันโดยบังเอิญในภูเขาทั้งสามคนนี้
ผู้เฒ่าชุดดำหรี่ตาถาม “เรือนเทพสายฟ้าของภูเขาอิงเอ๋อร์? บังเอิญยิ่งนัก ข้าเคยได้ยินมาพอดี เล่าลือกันว่าวิชาอสนีที่เป็นวิชาเฉพาะของภูเขาอิงเอ๋อร์สามารถควบคุมสายฟ้า เรียกลมเรียกฝน อานุภาพทรงพลัง ไม่เพียงเท่านี้ ในมือข้าก็มียันต์วิชาลับของเรือนเทพสายฟ้าอยู่แผ่นหนึ่งพอดี”
ผู้เฒ่าคีบยันต์สายฟ้าแผ่นหนึ่งที่มีสายฟ้าแลบแปลบปลาบออกมาจากชายแขนเสื้อแล้วชูขึ้นสูง หัวเราะเสียงเย็นเอ่ยว่า “ไม่ทราบว่านักพรตซุนท่านนี้จำได้หรือไม่ว่านี่คือยันต์แสงตะวันสยบผีหรือยันต์ไล่โรคห่าปราบวัดของภูเขาอิงเอ๋อร์กันแน่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!