กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 543

หวงซือเตรียมจะปล่อยหมัดปลิดชีพนักพรตเฒ่าผู้นี้ คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินเสียงฝีเท้าระลอกหนึ่งดังมาจากนอกตำหนักน้ำ หวงซือหันหน้าไปมอง ไม่นึกว่าจะเป็นสหายนักพรตเฉินผู้เฒ่าชุดดำที่ไม่ได้ไปหาสมบัติร่วมกับตี๋หยวนเฟิง

หวงซือชำเลืองตามองห่อสัมภาระที่คนผู้นั้นสะพายไว้บนไหล่ ดูจากท่าทางแล้วเหมือนจะบรรจุกระเบื้องแก้วและ…อิฐเขียวของอารามเต๋า?

เป็นเพราะขี้ขลาดเกินไป หรือว่าโชคย่ำแย่เกินไปกันแน่?

ระหว่างที่เร่งร้อนเดินทางมาถึงที่นี่ จนกระทั่งเดินหัวทิ่มเข้ามาในประตูผีอย่างตอนนี้ จะไม่มีผลเก็บเกี่ยวอย่างอื่นบ้างเลยหรือ?

หากเป็นเช่นนี้จริง หวงซือก็รู้สึกว่าใช้หนึ่งหมัดต่อยให้แมลงน่าสงสารผู้นี้ตายก็เปลืองแรงของตัวเองไปสักหน่อย

นักพรตซุนเห็นสหายนักพรตเฉินที่เดินมาถึงอย่างรีบร้อนก็ทั้งดีใจ แล้วก็ทั้งระอาใจ

สหายนักพรตเฉินผู้นี้ ไยไม่ฟังคำเตือนของเขาบ้างเลย แต่ก็ช่างเถิด เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว ค่อยมาดูว่าจะมีโอกาสให้คนทั้งสองร่วมมือกันหรือไม่ หลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกหวงซือฮุบเอาสมบัติที่พวกเขาสองพี่น้องหามาได้อย่างยากลำบากไปเพียงลำพัง

ชำเลืองตามองสภาพฝืดเคืองของห่อสัมภาระเจ้าหมอนั่น นักพรตซุนก็คิดในใจว่าหากไม่ได้จริงๆ วันหน้ารอให้คนทั้งสองร่วมมือกันเอาชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้สำเร็จ ตนค่อยมอบสมบัติสองสามชิ้นที่ไม่มีค่าให้กับสหายนักพรตเฉินก็แล้วกัน

เฉินผิงอันปาดเหงื่อบนหน้าผาก “เมื่อครู่เพื่อหาพวกเจ้าให้พบ ข้าก็เลยกระโดดขึ้นไปบนหลังคาเรือนหลังหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นคนสองกลุ่มเดินขึ้นเขามาแล้ว ก็เลยรีบกระโดดลงมา กลุ่มหนึ่งมีกันอยู่สองคน อายุยังน้อย มองดูแล้วคล้ายเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลที่พวกเราไม่ควรไปมีเรื่องด้วย ต่างก็สวมชุดคลุมอาคม กลุ่มที่สองก็คือท่านโหวน้อยของแคว้นเป่ยถิง ในกลุ่มมีกันห้าคน คนหนึ่งเฝ้าอยู่ตรงสะพานโค้งตีนเขา อีกคนหนึ่งวิ่งขึ้นไปยังอารามบนยอดเขาโดยตรง เห็นได้ชัดว่าจะยึดครองเส้นทางขึ้นเขาที่สำคัญไป ส่วนคนที่เหลืออีกสามคนนั้นเดินค้นสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ขึ้นเขามาช้าๆ ไม่ช้าก็เร็วต้องมาเจอกับพวกเราแน่ แบบนี้จะทำอย่างไรกันดี?”

หวงซืออารมณ์หนักอึ้ง

ตอนอยู่ที่ศาลาเก่าโทรมข้างทางสายเล็กไส้แกะ ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวสองคนนั่น เห็นได้ชัดว่าเป็นปรมาจารย์จริงแท้แน่นอน หากตนรับมือกับคนทั้งสองเพียงลำพังก็ต้องทุ่มสุดชีวิต

บวกกับอีกสามคนที่เหลือ หวงซือไม่คิดว่าตัวเองจะมีโอกาสหนีรอดไปพร้อมกับสมบัติ

ในเมื่อสถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ ตอนนี้จึงยังไม่อาจสังหารสหายนักพรตสองคนที่อยู่ข้างหน้าและด้านหลัง คนหนึ่งอยู่ในคนหนึ่งอยู่นอกตำหนักน้ำคู่นี้ได้

ดังนั้นหวงซือจึงยิ้มเอ่ย “แค่ล้อเล่นกับนักพรตซุนเท่านั้น อย่าได้ถือสา”

นักพรตซุนกล่าวอย่างขุ่นเคือง “การล้อเล่นที่ทำให้เสียความรู้สึกเช่นนี้ น้องหวงพูดให้น้อยหน่อยจะดีกว่า!”

หวงซือแอบโมโหอยู่ในใจ เกือบจะอดไม่ไหวต่อยให้สหายนักพรตซุนผู้นี้ตายไปก่อนหนึ่งหมัด ถึงอย่างไรนักพรตเต๋าเถื่อนที่เชี่ยวชาญการต่อสู้ประชิดตัวคนหนึ่งก็สู้ผู้เฒ่าชุดดำที่เชี่ยวชาญการใช้ยันต์โจมตีในระยะไกลไม่ได้อยู่แล้ว สังหารนักพรตซุนไปคนหนึ่ง แล้วมอบสมบัติทั้งหมดของเขาให้ผู้เฒ่าชุดดำเก็บรักษาชั่วคราว หวงซือไม่เชื่อหรอกว่าสหายนักพรตเฉินผู้นี้จะไม่หวั่นไหวเลย!

นักพรตซุนพลันตะโกนขึ้นมาเสียงดังว่า “สหายเฉิน มาปรึกษากันหน่อย เจ้าจะมอบยันต์โจมตีให้ข้าสักสองสามแผ่นได้หรือไม่?”

เฉินผิงอันยิ้มบางๆ ตอบว่า “สามารถทำการค้ากันได้”

นักพรตซุนบื้อใบ้พูดไม่ออก

หวงซือขมวดคิ้ว แต่ไม่นานหัวคิ้วก็คลายออก เกือบลืมไปแล้วว่านักพรตซุนเองก็เป็นผู้ฝึกตนลัทธิเต๋าครึ่งตัวเหมือนกัน ต่อให้วาดยันต์ไม่เป็น แต่คิดจะควบคุมยันต์ก็ไม่ยากเลย

แต่นี่ก็ไม่ถือว่าเป็นข่าวร้ายอะไร มีนักพรตซุนและผู้เฒ่าชุดดำสองคนคอยถือยันต์โจมตีไว้ในมือ บวกกับผู้ฝึกยุทธขอบเขตร่างทองอย่างตน แล้วยังมีตี๋หยวนเฟิงอีกคน สี่คนมารวมตัวกันก็ไม่อาจดูแคลนได้

หวงซือเดินก้าวออกไปจากธรณีประตูตำหนักน้ำ แล้วหลีกทางให้ผู้เฒ่าชุดดำที่หยุดยืนนิ่งไม่เดินหน้าต่อด้วยการยืนเบี่ยงตัว จากนั้นหางตาก็เหลือบมองไปยังผู้ฝึกลมปราณสองคนที่เนื้อหนังมังสาอ่อนแอพร้อมๆ กัน แล้วยิ้มเอ่ยว่า “พวกเราจะรักษาโชควาสนาในมือไว้ได้หรือไม่ ก็ต้องดูที่ว่าต่อจากนี้พวกเราจะยอมร่วมมือกันอย่างจริงใจหรือไม่ บอกไว้ก่อนว่า ข้าหวงซือคือผู้ฝึกยุทธขอบเขตหกคนหนึ่ง นี่ไม่ใช่คำลวง หากเปิดฉากเข่นฆ่ากับใครขึ้นมา ข้าไม่มีทางออมมือ แต่ขอแค่พวกเราออกไปจากที่แห่งนี้ได้ เพื่อเป็นค่าตอบแทน พวกเจ้าทุกคนจำเป็นต้องมอบโชควาสนาอย่างหนึ่งให้แก่ข้า”

เฉินผิงอันเอามือตบห่อสัมภาระ ทำให้พอจะมองเห็นเค้าโครงของอิฐเขียวได้รางๆ เขาตอบรับอย่างฉับไวว่า “เชิญเอาไปได้ตามสบาย”

หวงซือที่มองดูอยู่ถึงกับหนังตากระตุก

นักพรตซุนกัดฟันพูด “นอกจากตำราลัทธิเต๋าเล่มนั้น สิ่งของที่อยู่ในห่อสัมภาระน้อยใหญ่สองใบนี้ เชิญน้องหวงเลือกเอาไปได้ตามสบาย!”

หวงซือลังเลอยู่เล็กน้อย ก่อนจะพยักหน้ารับ “ตกลงตามนี้!”

เฉินผิงอันเดินข้ามธรณีประตูเข้ามา สบตากับนักพรตซุน ทั้งสองไม่จำเป็นต้องใช้เสียงในใจสื่อสารกันก็พากันมาด้านหลังเทวรูปที่ตั้งบูชาอยู่ในตำหนักน้ำ

คนทั้งสองนั่งยองอยู่บนพื้น นักพรตซุนเอ่ยถาม “สหายเฉินมียันต์โจมตีอยู่กี่ชนิด กี่แผ่น?”

เฉินผิงอันเอ่ย “มีสามชนิด นอกจากยันต์สายฟ้าสมบัติก้นกรุที่แพงที่สุดซึ่งมีชื่อว่ายันต์ห้าอสนีต้นตำรับ รวมไปถึงยันต์กระแสธาราสะบั้นนทีแล้วก็ยังมียันต์ขยุ้มดินขุนเขา นักพรตซุนแค่ฟังชื่อก็คงจะเดาออกแล้วว่าล้วนเป็นยันต์ล้ำค่าเป็นอันดับหนึ่งทั้งสิ้น ส่วนยันต์อื่นๆ …”

นักพรตซุนเห็นอีกฝ่ายทำท่าอึกๆ อักๆ ก็เริ่มรำคาญ จึงพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “นอกจากยันต์สายฟ้าแผ่นนั้นที่สหายเฉินเก็บไว้ป้องกันชีวิตตัวเอง ยันต์อื่นๆ ที่เหลือ ข้าผู้เป็นนักพรตขอเหมาหมด!”

กับสหายนักพรตเฉินผู้นี้ นักพรตซุนยังพอจะมีความมั่นใจอยู่บ้าง

ส่วนชื่อเรียกของยันต์แต่ละแผ่นที่ฟังดูเผด็จการไม่แพ้กันนั้น สหายนักพรตเฉินเจ้าคิดจะหลอกเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมหรือไร?!

เฉินผิงอันถาม “นักพรตซุน เจ้ามีเงินเทพเซียนมากขนาดนั้นเลยหรือ? ยันต์สมบัติตระกูลเซียนพวกนี้ที่ข้าต้องเอาชีวิตครึ่งหนึ่งไปทิ้งถึงจะแย่งชิงมาจากซากจวนตระกูลเซียนแห่งอื่นได้ แต่ละแผ่นล้วนไม่ใช่ราคาถูกๆ เลยนะ”

นักพรตซุนกล่าวอย่างกังขา “ก่อนหน้านี้เจ้าไม่ได้บอกว่าเป็นยันต์ที่วาดขึ้นเองหรือไร?”

เฉินผิงอันตอบ “นักพรตซุนก็เชื่อเรื่องนี้ด้วยหรือ? หากข้าสามารถวาดยันต์ที่มีพลังพิฆาตเช่นนี้ได้ จะยังมาเป็นผู้ฝึกตนอิสระด้านล่างภูเขาที่ไม่ต่างจากสุนัขขุดดินหาของกินอีกทำไม ป่านนี้ก็คงไปเป็นผู้ถวายงานของภูเขาใหญ่ตระกูลเซียนระดับต้นๆ อย่างจวนไช่เฉวี่ย นครเหนือเมฆแล้วน่ะสิ? วันๆ แค่นอนเสพสุขก็พอ เหตุใดต้องมาหาเรื่องให้ตัวเองลำบากเช่นนี้ด้วย?”

นักพรตซุนพลันแสยะปากแยกเขี้ยว ยื่นมือมานวดคลึงข้างแก้ม “สหายเฉิน เจ้าว่ามาเถอะ ยังมียันต์อยู่อีกกี่แผ่น ข้าจะซื้อทั้งหมดเลย”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “นักพรตซุน เจ้าเป็นผู้อาวุโสก็ส่วนผู้อาวุโส แต่การค้าขายก็ส่วนการค้าขาย ต้องให้ผู้น้อยได้เห็นเงินเทพเซียนก่อน ยันต์ล้ำค่าที่มีไว้คุ้มกันกายเหล่านี้ ทุกแผ่นที่ขายออกไปล้วนทำให้ข้าเจ็บปวดจนใจสั่นได้ทั้งสิ้น”

นักพรตซุนพูดอย่างเดือดดาล “สหายเฉิน เป็นคนต้องมีคุณธรรม!”

เฉินผิงอันเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อ “นักพรตซุน ค้าขายต้องยุติธรรม!”

นักพรตซุนรู้สึกหมดอาลัยตายอยากเล็กน้อย

มารดามันเถอะ สหายนักพรตเฉินผู้นี้ ที่แท้ก็หลอกไม่ง่ายเลย

นักพรตซุนลังเลอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะเปิดห่อสัมภาระที่ทำมาจากชุดคลุมอาคมแล้ววางลงบนพื้น พูดอย่างหวังดีว่า “ยันต์ดินน้ำสองชนิดอย่างละสามแผ่น ขายให้ข้าหกแผ่น จากนั้นเจ้าก็เลือกเอาสมบัติอาคมที่มีมูลค่าควรเมืองชิ้นหนึ่งไป”

เฉินผิงอันหยิบยันต์กระดาษเหลืองธรรมดาสองแผ่นออกมาจากในชายแขนเสื้อ จากนั้นมือที่คีบยันต์เอาไว้ก็อ้อมไปด้านหลัง มืออีกข้างหนึ่งเริ่มพลิกๆ ค้นๆ แล้วเอ่ยว่า “ยันต์สองแผ่น ขายเป็นคู่ จะใช้สิ่งนี้มาซื้อสิ่งของจวนเซียนที่แตกหักชิ้นหนึ่งจากนักพรตซุน”

นักพรตซุนหน้าเขียว เตรียมจะม้วนห่อสัมภาระเก็บ

เฉินผิงอันถึงได้วางยันต์สองแผ่นไว้บนห่อสัมภาระตรงเท้า แล้วเอ่ยว่า “ข้าเลือกได้ชิ้นหนึ่งแล้วค่อยมอบยันต์ให้นักพรตซุนอีกสองแผ่น”

นักพรตซุนถึงได้ยอมเลิกรา “สหายเฉิน การค้าแบบนี้ ข้าผู้เป็นนักพรตขาดทุนจะตายอยู่แล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!