กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 558

พอพูดมาถึงกระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้า แน่นอนว่าต้องพูดถึงผู้เฒ่าคนนั้น หลี่เอ้อร์มองไปยังทิศไกล เอ่ยว่า “ผู้อาวุโสชุยเฉิงเป็นคนมหัศจรรย์ วิชาหมัดที่เขาถ่ายทอดให้เจ้าเป็นการถ่ายทอดที่แท้จริง ไม่ได้เป็นเพียงแค่การป้อนหมัดสอนวิชาหมัดอย่างเดียวเท่านั้น มองดูเหมือนว่าชุยเฉิงถ่ายทอดวิชาหมัดที่ดุดันรุนแรงให้แก่เจ้าอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้วสำหรับนิสัยที่เหมือนน้ำไหลไม่ใจแข็งแม้แต่น้อยของเจ้าเฉินผิงอันแล้ว กลับเป็นการช่วยส่งเสริมเติมเต็มซึ่งกันและกัน นี่ก็คือมาดของปรมาจารย์อันดับหนึ่งสมชื่ออย่างแท้จริง ข้าหลี่เอ้อร์ทำไม่ได้”

กล่าวมาถึงตรงนี้ หลี่เอ้อร์ก็ส่ายหน้า พูดซ้ำอีกว่า “ข้าทำไม่ได้แน่นอน”

เฉินผิงอันถอนหายใจ

พูดได้แค่ว่าความทรมานเจ็บปวดบนชั้นสองเรือนไม้ไผ่ในปีนั้น ขนาดคนที่ไม่กลัวความเจ็บปวดอย่างเขาเฉินผิงอันก็ยังต้องนอนนิ่งอยู่บนเตียงไม้ชั้นหนึ่งแอบร้องไห้ในผ้าห่มคนเดียว

หลี่เอ้อร์เอ่ย “ดังนั้นเจ้าเรียนหมัด ก็ได้แค่ให้ชุยเฉิงสอนรากฐานสัจธรรมหมัดแก่เจ้าก่อนเท่านั้นจริงๆ ส่วนข้าหลี่เอ้อร์ค่อยเป็นคนมาช่วยชดเชยซ่อมแซมปณิธานหมัดให้เจ้า นี่ต่างหากจึงจะเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง หากข้าสอนเจ้าก่อน แล้วค่อยตามมาด้วยชุยเฉิง ก็เท่ากับว่าใช้กำลังสิบจินลงนาปลูกข้าว แต่กลับได้ผลเก็บเกี่ยวแค่เจ็ดแปดจิน ไม่มีความหมาย ไม่มีทางได้ดิบได้ดี”

เฉินผิงอันจึงเกิดคำถามข้อใหม่อีกข้อ

เหตุใดหลี่เอ้อร์ไม่ประลองวิชาหมัดกับชุยเฉิง

หลังจากที่หลี่เอ้อร์ออกมาจากถ้ำสวรรค์หลีจู ระหว่างนี้ได้กลับไปที่เขตการปกครองหลงเฉวียนหนึ่งครั้ง

แต่ผู้ฝึกยุทธขอบเขตสิบที่ยืนอยู่บนยอดเขาของการเรียนวรยุทธในใต้หล้าเหมือนกันทั้งสองคนนี้กลับไม่เคยประมือกัน

น่าเสียดายก็แต่หลี่เอ้อร์ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้

หลี่เอ้อร์ตบหัวเข่า ลุกขึ้นพลางยิ้มกล่าวว่า “พูดคุยกันได้พอประมาณแล้ว คำพูดในวันนี้ เมื่อเอาคำพูดตลอดหลายปีที่ข้าอยู่ในอุตรกุรุทวีปมารวมกัน ยังมากกว่าเสียอีก ถ้าอย่างนั้นต่อจากนี้ข้าก็จะใช้กำลังที่แท้จริงของผู้ฝึกยุทธขอบเขตเก้ามาขอความรู้วิชาหมัดเขย่าขุนเขาจากเจ้า วางใจเถอะ จะไม่สอดแทรกหมัดขอบเขตสิบไว้แน่นอน แต่ข้าก็แนะนำเจ้าว่าอย่าได้ดีใจเร็วเกินไปนัก ขอบเขตเก้านี้หนักแน่นเต็มแรง ทางฝั่งของร้านขายผ้า ท่านอาหลิ่วของเจ้าอยากจะรั้งให้เจ้าอยู่ต่อสักหลายๆ วัน ข้าไม่กล้ารับปาก เพราะอาจจะถ่วงเวลาการเดินทางของเจ้าใช่ไหมล่ะ? แต่ในเมื่อเรื่องของการป้อนหมัดเป็นเจ้าที่รนหาที่เอง ต่อยให้เจ้าได้แต่ค่อยๆ รักษาอาการบาดเจ็บสักสองสามเดือน แม้แต่จะเดินก็ยังยาก ถ้าอย่างนั้นเจ้าเฉินผิงอันก็โทษคนอื่นไม่ได้แล้ว”

เฉินผิงอันปากอ้าตาค้าง

แบบนี้ก็ได้หรือ?

ผลคือหนึ่งหมัดพุ่งมาถึง

ต่อให้เฉินผิงอันจะรู้ว่าท่าไม่ดี พยายามจะยกสองแขนขึ้นบัง แต่ก็ยังถูกหมัดนี้ต่อยให้กลิ้งหลุนๆ ไปตลอดทางจนพลัดหล่นจากผิวกระจก ตกลงน้ำไปโดยตรง

……

วันนี้ชุยเฉิงไม่เพียงแต่ไม่ได้สอนวิชาหมัดให้เผยเฉียน กลับกันยังสวมชุดลัทธิขงจื๊อ ไม่เปลือยเท้า แต่สวมรองเท้าหุ้มแข้งที่เฉินหรูชูช่วยเตรียมไว้ให้ผู้เฒ่านานแล้วเดินออกมาจากชั้นสอง เขามายืนอยู่ที่ชั้นหนึ่ง เอาสองมือไพล่หลัง มองตัวอักษรที่อยู่บนผนังเรือนไม้ไผ่ คือยันต์ที่หลี่ซีเซิ่งวาดไว้ให้ในอดีต ตัวอักษรนั้นดีมาก ในฐานะอดีตเจ้าประมุขของสกุลชุยแห่งแจกันสมบัติทวีป ความรู้ในอดีตของชุยฉานผู้เป็นหลานชาย ถึงอย่างไรก็ได้ผู้เฒ่าที่ช่วยปูรากฐานมาให้ แน่นอนว่าเขาย่อมรู้ถึงความสูงต่ำของบทความ ความดีเลวของตัวอักษรในโลกใบนี้

ตัวอักษรที่อยู่บนเรือนไม้ไผ่เหล่านี้มีความหมายที่หนักอึ้ง ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางทำให้ภูเขาลั่วพั่วทั้งลูกลดระดับลงมาได้หลายส่วน

ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถอยู่บนภูเขาลั่วพั่วได้โดยที่ไม่กลายเป็นคนสติวิปลาสน่าสงสารที่เป็นบ้าคลุ้มคลั่งมาเกือบร้อยปี ถึงขั้นที่ว่ายังพอจะรักษาสภาพจิตใจที่ใสกระจ่างส่วนหนึ่งเอาไว้ได้

เผยเฉียนออกไปเล่นแล้ว ด้านหลังก็คือแมลงตามก้นน้อยอย่างโจวหมี่ลี่ที่ติดตามไปด้วย บอกว่าจะไปที่ตรอกฉีหลงสักรอบ ดูว่าเมื่อไม่มีนางเผยเฉียน กิจการจะขาดทุนหรือไม่ แล้วยังต้องพลิกเปิดดูสมุดบัญชีอย่างละเอียด หลีกเลี่ยงไม่ให้เถ้าแก่ที่ได้รับการบันทึกชื่ออย่างสือโหรวเบียดบังผลประโยชน์ส่วนรวมเอามาเป็นผลประโยชน์ส่วนตน

ผู้เฒ่าไม่ได้ขัดขวาง เด็กตัวใหญ่เท่าก้น หากไม่มีความร่าเริงสมวัยบ้างเลย หรือจะให้วันๆ เอาแต่เซื่องซึมเหมือนตาแก่หนังเหนียวอย่างพวกเขา?

ชุยเฉิงผลักประตูเรือนไม้ไผ่ชั้นหนึ่งให้เปิดออก ด้านในเป็นทั้งห้องหนังสือ แล้วก็วางเตียงไม้ไว้หลังหนึ่ง

ถูกแม่หนูเฉินหรูชูผู้นั้นทำความสะอาดจนเอี่ยมอ่อง ไม่มีฝุ่นเกาะสักเม็ด

หลังออกมาจากห้องแล้ว ชุยเฉิงก็เดินเท้าตรงไปยังสำนักศึกษาหลินลู่บนยอดเขาพีอวิ๋น พอกลับมาก็มานั่งอยู่ข้างโต๊ะหินริมหน้าผา เฉินหรูชูไม่ได้ลงจากเขาไปกับเผยเฉียน บนภูเขามีเรื่องมากมายให้ต้องทำ นางต้องทำงานทุกอย่างตรงเวลาตรงสถานที่ แต่กระนั้นก็ยังมีงานให้ทำไม่จบสิ้น เห็นว่าผู้เฒ่าชุยออกจากเรือนไม้ไผ่ เฉินหรูชูจึงรีบยกกล่องอาหารไม้แดงกล่องใหญ่ไปให้ หยิบกาเหล้ากับแกล้มออกมาจัดวาง ชุยเฉิงยิ้มถามว่าทำไมถึงไม่มีเมล็ดแตง เด็กหญิงชุดกระโปรงชมพูยิ้มเขินอาย แล้วหยิบเมล็ดแตงกำใหญ่จากกระเป๋าเสื้อออกมาวางลงบนโต๊ะ

เฉินหลิงจวินยังคงชอบเตร็ดเตร่ไปทั่วเพียงลำพังอยู่เหมือนเดิม วันนี้เห็นผู้เฒ่านั่งดื่มเหล้าอยู่บนโต๊ะหิน เขาก็ถึงกับขยี้ตาอย่างแรง ถึงได้แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาด

เฉินหลิงจวินไม่กล้าตีสนิทกับตาแก่ผู้นี้ เพราะอีกฝ่ายที่อยู่ในเขตการปกครองหลงเฉวียนก็คือบุคคลที่สามารถต่อยตนให้ตายได้ด้วยหมัดเดียว

คิดไม่ถึงว่าชุยเฉิงจะกวักมือเรียก “มานั่งนี่”

เฉินหลิงจวินหน้าม่อย “ผู้อาวุโส หากข้าไม่ไปนั่งก็จะต้องถูกซ้อมใช่ไหม?”

ชุยเฉิงพยักหน้ารับ

เฉินหลิงจวินรีบวิ่งปรู๊ดมาหาทันที ชายชาตรีต้องยืดได้หดได้ ไม่อย่างนั้นตนที่อยู่ในเขตการปกครองหลงเฉวียนจะมีชีวิตรอดอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างไร อาศัยตบะงั้นรึ?

ชุยเฉิงยิ้มกล่าว “จงใจวางเดิมพันให้ตัวเองแพ้ทุกสามวันห้าวัน สนุกนักหรือ”

เฉินหลิงจวินกะพริบตาปริบๆ “อะไร?”

ชุยเฉิงเห็นว่าเขาแกล้งโง่ก็ไม่พูดอะไรให้มากความอีก เพียงถามชวนคุยว่า “เฉินผิงอันไม่เคยโน้มน้าวให้เจ้าขีดเส้นแบ่งความสัมพันธ์กับพี่น้องเทพวารีแม่น้ำอวี้เจียงของเจ้าหรือ?”

เฉินหลิงจวินส่ายหน้า เขายกชายแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดบนผิวโต๊ะที่สะอาดเอี่ยมยิ่งกว่ากระจกเบาๆ “เขาเป็นคนดีเกินเหตุยิ่งกว่าข้าเสียอีก พูดไปเรื่อยเปื่อยว่าหากมีน้ำใจก็ให้ใช้เงินได้เต็มที่ เขาไม่มีโน้มน้าวข้าแบบนั้นหรอก ยังจะช่วยตบหน้าข้าให้ดูเป็นคนอ้วนด้วย”

ชุยเฉิงเอ่ย “ครั้งนี้ที่เฉินผิงอันเดินทางไปท่องเที่ยวอุตรกุรุทวีป ครึ่งหนึ่งก็เพื่อเจ้า เดินทางเลียบลำน้ำใหญ่ระยะทางไกลเป็นหมื่นลี้ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายเลย”

เฉินหลิงจวินเงียบงัน

ชุยเฉิงคีบจอกเหล้าว่างเปล่าใบหนึ่งขึ้นมา รินเหล้าลงไปแล้วยื่นส่งให้เด็กชายชุดเขียวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

เฉินหลิงจวินกล่าวอย่างกล้าๆ กลัวๆ “ผู้อาวุโส คงไม่ใช่สุราลงทัณฑ์หรอกกระมัง? ข้าที่อยู่บนภูเขาลั่วพั่วรอบคอบระมัดระวังในทุกเรื่อง ให้เป็นวัวเป็นม้าก็ยอมหมด ไม่เคยทำเรื่องเลวร้ายสักนิดเลยนะ”

ชุยเฉิงยิ้มกล่าว “ดื่มเหล้าของเจ้าไปเถอะ”

เฉินหลิงจวินรับจอกเหล้ามาจิบด้วยท่าทางน่าสงสาร

ชุยเฉิงถาม “เฉินผิงอันปฏิบัติกับเจ้าเช่นนี้ ในอนาคตเจ้าสามารถปฏิบัติกับเขาอย่างที่เขาทำต่อเจ้าสักครึ่งหนึ่งได้ไหม?”

เฉินหลิงจวินตอบเสียงเบา “คงจะได้กระมัง?”

ชุยเฉิงยิ้ม “แค่นี้ก็พอแล้ว”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!