การป้อนหมัดครั้งสุดท้ายที่หลี่เอ้อร์มีต่อเฉินผิงอัน แตกต่างไปจากเดิมอย่างมาก
หลี่เอ้อร์บอกให้เฉินผิงอันออกแรงเต็มกำลัง ไม่ต้องเลือกวิธีการ ดูสิว่าทำแบบไหนถึงจะสามารถประคองตัวอยู่ภายใต้หมัดของเขาได้นานยิ่งขึ้น
เฉินผิงอันรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เขาเป็นผู้ฝึกยุทธคอขวดขอบเขตหก แต่หลี่เอ้อร์กลับเป็นขอบเขตสิบกลับคืนสู่ความจริง ต่อให้ไม่เลือกวิธีการ แต่จะมีความหมายอะไรเล่า?
หลี่เอ้อร์ยิ้มกล่าว “การออกหมัดของข้าครั้งนี้จะมีการกะน้ำหนักให้เหมาะสม เพียงแค่สะบั้นจุดเชื่อมโยงของวิธีการมากมายของเจ้า พูดง่ายๆ ก็คือ เจ้าลงมือได้ตามสบาย คิดเสียว่ากำลังคุมเชิงเข่นฆ่าอยู่กับศัตรูตัวฉกาจที่จะตัดสินเป็นตายกับเจ้า อีกฝ่ายอาศัยว่ามีขอบเขตสูงกว่าเจ้ามากก็เลยเกิดใจดูแคลน ขณะเดียวกันก็ไม่รู้ถึงรากฐานของเจ้าในตอนนี้ จึงเพียงแค่มองเจ้าเป็นผู้ฝึกยุทธที่พื้นฐานไม่เลวคนหนึ่ง คิดแค่ว่าจะเผาผลาญปราณวิญญาณแท้จริงที่บริสุทธิ์ของเจ้าให้หมด จากนั้นก็ทารุณเจ้าช้าๆ เพื่อระบายความโกรธแค้น”
เฉินผิงอันยิ่งไม่เข้าใจ หรือว่าความนัยในคำพูดนี้ก็คือ นอกจากที่ตนจะสามารถออกหมัดได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นวิธีการที่ฉกฉวยโอกาสเอาเปรียบ ชั่วร้ายหรือต่ำช้าแค่ไหนก็ล้วนสามารถนำมาใช้ได้?
หลี่เอ้อร์ไม่ได้อธิบายไปมากกว่านั้น “อย่าได้ไม่เห็นเป็นสำคัญ ไม่อย่างนั้นหากทำให้ข้ารู้สึกว่าเจ้ากล้าดูแคลนศัตรูที่จะมาเอาชีวิตเจ้า หมัดสุดท้ายของข้าก็สามารถทำให้เจ้านอนกระอักเลือดอยู่บนเตียงของยอดเขาสิงโตได้นานเป็นครึ่งๆ ปี”
หลี่เอ้อร์หมุนตัวเดินไปทางท่าเรือ ทิ้งเฉินผิงอันไว้ตรงหน้าประตูกระท่อม
มือของหลี่เอ้อร์ถือไม้ไผ่ถ่อเรือ ยืนอยู่บนปลายด้านหนึ่งของเรือลำเล็ก แล้วเริ่มกลั้นหายใจทำสมาธิ ครึ่งก้านธูปต่อมา เฉินผิงอันก็เดินไปที่ท่าเรือ
หลี่เอ้อร์เห็นแล้วก็กลั้นยิ้ม
คนหนุ่มเปลือยเท้า ม้วนชายขากางเกง แต่กลับไม่ได้ม้วนชายแขนเสื้อ
ยังไม่ลืมสะพายเจี้ยนเซียนที่ได้มาจากตระกูลฝูของนครมังกรเฒ่าเล่มนั้นไว้ด้วย
หลี่เอ้อร์พยักหน้ารับ “ขึ้นเรือ”
ทันใดนั้นไม้ถ่อเรือในมือของหลี่เอ้อร์ก็พุ่งเข้ามาแสกหน้า เฉินผิงอันที่คีบยันต์ย่อพื้นที่ไว้ในชายแขนเสื้อนานแล้วจึงหายวับไปจากที่เดิม เท้าข้างหนึ่งของเขาเหยียบลงบนผนังหินของเส้นทางน้ำถ้ำตระกูลเซียน อาศัยแรงดีดพุ่งกลับไปมาหลายครั้ง เพียงชั่วพริบตาก็ห่างไกลออกมาจากหนึ่งเรือหนึ่งคนหนึ่งไม้พายนั้น เมื่อเฉินผิงอันร่วงลงบนผิวน้ำเขาก็ค้อมเอวเหยียบน้ำแล้วกลิ้งไถลตัวออกไป มือหนึ่งกดผืนน้ำเอาไว้ ทำให้เกิดริ้วคลื่นเป็นระลอก แล้วทันใดนั้นก็พลันหยุดชะงัก แสงศักดิ์สิทธิ์ของแก่นยันต์ขยุ้มดินและแก่นยันต์มหานทีไหลสะพัดระเบิดแตกทันใด เฉินผิงอันบิดหมุนข้อมือเบาๆ มือขวาก็มีมีดสั้นสองเล่มโผล่ขึ้นมา บนมีดสลักสองคำว่า ‘น้ำค้างรุ่งอรุณ’ และ ‘แสงสายัณห์’ ล้วนได้มาจากนักฆ่าของภูเขาเกอลู่
มองดูเหมือนว่าปลายด้านหน้าของไม้พายร่วงลงพื้น แต่กลับไม่ได้แตะพื้นจริงๆ พายุลมกรดไม่เพียงแต่ไม่ได้ผ่าพื้นดินให้เป็นร่องลึก กลับกันยังไม่มีฝุ่นตลบขึ้นมาแม้แต่น้อย นี่ก็คือการปล่อยและเก็บปณิธานหมัดของปรมาจารย์ใหญ่ขอบเขตปลายทางวิถีวรยุทธคนหนึ่งที่ไต่ไปถึงระดับที่สามารถทำได้ตามใจปรารถนาแล้ว
ด้านหน้าของเรือลำเล็ก ผืนน้ำโถมตัว เศษหินแตกปลิวกระจาย มีคนชุดเขียวมือสองข้างถือมีดผู้หนึ่งพุ่งเข้ามาเป็นเส้นตรงประหนึ่งสายฟ้าผ่า
หลี่เอ้อร์เก็บไม้พาย หันหน้ามามองแล้วยิ้มกล่าวว่า “ลูกเล่นเยอะนัก แต่ก็น่าตกใจไม่น้อย”
จากนั้นหลี่เอ้อร์ก็ทิ่มไม้พายออกไปง่ายๆ เรือเล็กใต้ฝ่าเท้าค่อยๆ เคลื่อนไปด้านหน้า เฉินผิงอันหันหน้าเบี่ยงหลบไม้พายอันนั้น มือซ้ายที่อยู่ในชายแขนเสื้อคีบยันต์ย่อพื้นที่ ร่างก็วูบหายไป
หลี่เอ้อร์ปล่อยฝ่ามือออกจากไม้พาย แล้วกำอีกครั้ง ทั้งไม่ได้หันตัวกลับ แล้วก็ไม่ได้หันหน้าไปมอง เพียงทิ่มไม้พายไปด้านหลัง เฉินผิงอันที่มาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังเขาถูกไม้พายทิ่มเข้าที่หน้าอกอย่างจัง เสียงกระแทกดังปังร่างก็ร่วงลงไปใต้น้ำ หากไม่เป็นเพราะเฉินผิงอันเบี่ยงตัวเล็กน้อยจึงมีเพียงแค่จุดที่ชุดเขียวปริแตกเท่านั้นที่มีรอยเลือดและกระดูกขาวโผล่ ไม่อย่างนั้นคาดว่าไม้พายนี้ของหลี่เอ้อร์ที่ปากบอกว่า ‘ประมาทศัตรู’ ก็คงแทงทะลุหน้าอกเฉินผิงอันไปโดยตรงแล้ว
เรือลำน้อยใต้ฝ่าเท้าของหลี่เอ้อร์ค่อยๆ เคลื่อนตัวไปด้านหน้า ไม่จำเป็นต้องใช้ไม้พายแม้แต่น้อย ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวขอบเขตสิบก็เป็นดั่งคำที่หลี่เอ้อร์กล่าวไว้ว่า ‘พลังชีวิตจิตวิญญาณเปี่ยมล้น คนคือคนที่สมบูรณ์’ หากเอาพละกำลังที่แท้จริงออกมาเมื่อไหร่ หลี่เออร์ก็สามารถปล่อยพายุลมกรดปณิธานหมัดไว้ได้เต็มเส้นทางน้ำสายนี้ได้อย่างสบายๆ
หลี่เอ้อร์ยิ้ม ดีนักนะ ถือว่าเจ้าได้เปรียบด้านชัยภูมิ ถึงได้ใช้ยันต์น้ำรวดเดียวหลายสิบแผ่น ให้มันระเบิดพร้อมกัน ก็พอจะถือว่าทำให้แม่น้ำพลิกมหาสมุทรคว่ำได้
หลี่เอ้อร์กำไม้พายเบาๆ เสียงลมดังอื้ออึง พายุลมกรดสะเทือนเลือนลั่น หนึ่งคนหนึ่งเรือพุ่งทะยานไปด้านหน้าไม่ช้าไม่เร็ว หยดน้ำไม่อาจสัมผัสโดนคนและเรือได้แม้แต่น้อย
หลี่เอ้อร์กระทืบเท้าหนึ่งครั้ง ใต้ท้องน้ำก็เกิดเสียงกัมปนาททุ้มหนัก เขารู้สึกตกตะลึงนิดๆ แล้วก็ไม่ได้สนใจเฉินผิงอันที่อยู่ใต้น้ำอีก ขยับตัวเลื่อนจากท้ายเรือมายังหัวเรือ ชำเลืองตามองผนังด้านหนึ่งที่อยู่ห่างไปไกล เรือน้อยใต้ฝ่าเท้าพุ่งไปดั่งลูกธนู ก่อนที่ไม้พายจะถูกขว้างใส่ผนังแถบนั้น
จิตหยินที่ออกจากช่องโพรงอย่างเงียบเชียบใช้ยันต์แบกศิลาของตำหนักขวานผีมาซ่อนตัวอยู่บนผนังนานแล้ว และวิธีการทั้งหลายก่อนหน้านี้ แท้จริงแล้วก็เป็นแค่เวทอำพรางตาเท่านั้น
คิดไม่ถึงว่าจะยังคงถูกหลี่เอ้อร์มองทะลุได้อย่างง่ายดาย
จิตหยินจึงได้แต่เบี่ยงหลบไม้พายที่พุ่งมาพร้อมพละกำลังหนักอึ้งนั้น และการขยับครั้งนี้ก็ทำให้ร่างจริงปรากฏ คือคนหนุ่มชุดขาวที่เหน็บพัดพับไว้ตรงเอวคนหนึ่ง ต่อให้จะต้องเผ่นหนีด้วยสภาพกระเซอะกระเซิงเล็กน้อย แต่กระนั้นก็ยังมีรอยยิ้ม เรือนกายล่องลอยดุจเทพเซียนบนภูเขา ตอนที่ออกมาจากผนังหิน จิตหยินของเฉินผิงอันประกบสองนิ้วทำมุทรากระบี่ แสงกระบี่สีขาวหิมะเส้นหนึ่งพุ่งออกจากหว่างคิ้ว ก็คือกระบี่บินชูอีที่ยังหลอมให้กลายเป็นวัตถุแห่งชะตาชีวิตได้ไม่สำเร็จ แม้จะไม่ใช่กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของผู้ฝึกกระบี่ แต่เมื่อผ่านการขัดเกลาคมกระบี่ของแท่นสังหารมังกรมาตลอดการเดินทางครั้งนี้ เมื่อกลับมาเผยกายสู่บนโลกอีกครั้งก็ยังมีพลังอำนาจน่าครั่นคร้ามอยู่ดี
ก่อนหน้านี้ไม้พายของหลี่เอ้อร์ยังคงไม่สัมผัสโดนผนังหิน แขนของเขางอลงน้อยๆ เก็บไม้พายกลับมา แล้วฟาดเข้าใส่กระบี่บินชูอีจนอีกฝ่ายสั่นสะเทือนส่งเสียงดังไม่หยุด สุดท้ายกระแทกปักเข้าใส่ผนังหิน ทว่าไม้พายธรรมดาที่แค่ถูกปณิธานหมัดไหลรินเข้าสู่กลับไม่มีความเสียหายแม้แต่น้อย
หลี่เอ้อร์ยิ้มกล่าว “ยังมีอีก?”
กระบี่บินคมกริบที่มีพลังอำนาจของเซียนกระบี่เล่มหนึ่งแทงเข้าใส่หัวใจด้านหลังของหลี่เอ้อร์
หลี่เอ้อร์ไม่สนใจแม้แต่น้อย เพราะเขาย่อมมีปณิธานหมัดเปี่ยมล้นที่เป็นดั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกป้องคุ้มครอง เดิมทีนี่ก็คือเสื้อเกราะวิเศษที่แข็งแกร่งมิอาจทำลายได้มากที่สุดในใต้หล้าแล้ว
หลี่เอ้อร์ร้องเอ๊ะหนึ่งที “เป็นแค่กระบี่จำลองที่ภูเขาชังกระบี่สร้างขึ้น?”
เพราะกระบี่บินที่พุ่งมาด้วยพลังอำนาจดุดันเล่มนั้นกลับถูกปณิธานหมัดของเขาดีดออกไปได้อย่างง่ายดาย
กระบี่บินเล่มที่สามที่ความเร็วสูงสุดพุ่งตรงเข้าหาท้ายทอยด้านหลังของหลี่เอ้อร์
เวลาเดียวกันนั้น กระบี่บินเล่มแรกที่มีแสงกระบี่ดุจสายรุ้งขาวก็คิดจะเข้ามาโรมรันประชิดตัวอีกครั้ง
หลี่เอ้อร์รู้สึกระอาใจเล็กน้อย “แบบนี้เริ่มน่ารำคาญแล้วนะ”
หลี่เอ้อร์ปล่อยไม้พาย ร่างพุ่งวูบออกไป นาทีถัดมามือของเขาก็คว้าจับกระบี่บินทั้งสามเล่มเอาไว้ กลางฝ่ามือจึงมีประกายไฟปะทุกระเซ็น
รอจนหลี่เอ้อร์กลับมาที่เรือเล็กอีกครั้ง ไม้พายอันนั้นก็ยังคงลอยอยู่กลางอากาศ ไม่ได้ร่วงลงมา เพราะการไปกลับครั้งนี้ของหลี่เอ้อร์เร็วมากจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!