กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 563

หวงไฉ่เจ้าขุนเขาของยอดเขาสิงโตมายืนอยู่ข้างกายหลี่หลิ่วบรรพบุรุษบุกเบิกขุนเขา ยิ้มเอ่ยเสียงเบาว่า “อาจารย์เฉินปล่อยหมัดนี้ออกไป ยอดเขาสิงโตของเราก็มีชื่อเสียงโด่งดังจริงๆ แล้ว”

หลี่หลิ่วคลี่ยิ้มให้หวงไฉ่อย่างที่หาได้ยาก “หวงไฉ่ เจ้าไม่ต้องจงใจเรียกเขาว่าอาจารย์เฉิน ตนเองไม่กระดากปาก ท่านเฉินฟังแล้วกลับจะกระดากหู”

หวงไฉ่รู้นิสัยของอาจารย์ตัวเองดีจึงทำเพียงแค่พยักหน้ารับ

มีอยู่ชาติหนึ่ง หลี่หลิ่วเก็บเด็กข้างทางมาได้คนหนึ่ง บอกให้เขาโขกหัวง่ายๆ สามครั้งก็ถือว่ารับเขาเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวแล้ว ภายหลังสองอาจารย์และศิษย์ก็ได้บุกเบิกสำนักอยู่บนยอดเขาสิงโตด้วยกัน หลังจากที่หลี่หลิ่วลาจากโลกนี้ไป ตอนนั้นหวงไฉ่ที่เพิ่งเป็นเซียนดินโอสถทองหนุ่มจึงต้องกลายเป็นเสาหลัก ยอดเขาสิงโตสามารถยืนหยัดไม่ล้มลงอยู่ในอุตรกุรุทวีปที่มีผู้ฝึกกระบี่มากมายดุจก้อนเมฆได้ เด็กที่ปีนั้นผอมแห้งราวกับลำไม้ไผ่ มีเพียงศีรษะอย่างเดียวที่โต มองดูแล้วน่าสนใจผู้นั้น สุดท้ายก็ได้กลายเป็นก่อกำเนิดใหญ่ผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั้งอุตรกุรุทวีป

หลี่เอ้อร์พลันเอ่ยขึ้นว่า “ชุดคลุมอาคมสี่ชิ้นบนร่างของเขา นอกจากชิ้นด้านในสุดที่ถือว่าดีแล้ว ที่เหลืออีกสามชิ้นก็ไม่ค่อยต้านรับหมัดได้สักเท่าไร ความเสียหายค่อนข้างมาก”

ยังดีที่ก่อนจะถ่อเรือกลับมายังท่าเรือ ยังไม่ลืมถอดชุดคลุมอาคมที่กลายเป็นภาระพวกนั้นออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งชุดคลุมอาคมของจวนไช่เฉวี่ยที่อยู่ด้านนอกสุดนั่น ไม่อย่างนั้นเดินขึ้นสู่ที่สูงไปปล่อยหมัดอย่างผึ่งผายเช่นนี้ อีกไม่นานคนครึ่งอุตรกุรุทวีปก็คงได้ยินว่ายอดเขาสิงโตมีผู้ฝึกยุทธเต็มตัวที่ชอบแต่งกายเหมือนสตรีแน่ๆ

ส่วนข้อที่ว่าสรุปแล้วหมัดที่ต่อยให้ทะเลเมฆสีทองแหลกสลาย ทิ้งโชคชะตาบู๊เข้มข้นส่วนนี้ไว้ที่อุตรกุรุทวีปของเฉินผิงอัน จะสร้างผลกระทบอันยาวไกลแบบใดบ้าง ก่อนหน้านี้พอหลี่เอ้อร์รู้ถึงการตัดสินใจของเฉินผิงอันก็ไม่ได้จงใจพูดเรื่องวงในบางอย่างกับเขาอีก เพราะไม่มีความจำเป็น พูดไปแล้วกลับกลายจะทำให้เสียเรื่อง บางทีอาจทำให้ปณิธานหมัดในการปล่อยหมัดของเฉินผิงอันเกิดสิ่งสกปรกปลอมปน พูดถึงแค่พวกผู้ฝึกยุทธขอบเขตเก้าขอบเขตสิบกลุ่มน้อยในอุตรกุรุทวีปที่จิตสามารถรับสัมผัสได้นั้น ก็มีแต่จะรู้สึกยินดี เพราะไม่ว่านิสัยใจคอของปรมาจารย์เหล่านี้จะเป็นอย่างไร คุณธรรมจะสูงหรือต่ำ ก็ยังต้องเกิดความเคารพยำเกรงในตัวของคนหนุ่มที่อยู่บนยอดเขาสิงโตในวันนี้หลายส่วน ศาลบู๊น้อยใหญ่ในพื้นที่ของหนึ่งทวีปก็จะซาบซึ้งในบุญคุณของคนผู้นี้ ไม่พูดถึงคนอื่น ลำพังเพียงแค่โจวมี่อริยะลัทธิขงจื๊อที่หวงไฉ่แห่งยอดเขาสิงโตคุ้นเคยดีที่สุดก็ย่อมมองเฉินผิงอันสูงขึ้นอีกหน่อย รู้สึกถูกชะตากับเขามากขึ้น

หลี่หลิ่วนึกถึงการแต่งกายอันเฉิดฉันของเฉินผิงอันก่อนหน้านี้ก็กลั้นขำ พูดเสียงอ่อนโยนว่า “ข้าจะช่วยท่านเฉินซ่อมแซมชุดคลุมอาคมเอง”

หลี่เอ้อร์หัวเราะร่า

หลี่หลิ่วพูดอย่างระอาใจ “ท่านพ่อ คิดเหลวไหลอะไรอยู่น่ะ?”

หลี่เอ้อร์ตอบ “ไม่ได้คิดเหลวไหล แค่รู้สึกว่าเดี๋ยวลงจากภูเขาไปจะมีเหล้ากินก็เลยอารมณ์ดี”

เฉินผิงอันเหยียบลงบนกระบี่บินชูอีสืออู่มาทีละก้าวอย่างโงนเงน สุดท้ายก็พลิ้วกายลงบนพื้น

หลี่เอ้อร์กล่าว “พักรักษาตัวอยู่บนภูเขาสักห้าวันก่อน รอให้เจ้าสร้างความมั่นคงให้กับขอบเขตร่างทองได้แล้ว ข้าค่อยช่วยเปิดเส้นเอ็นและกระดูก ขัดเกลาจิตวิญญาณให้เจ้า ทุกครั้งที่ฝ่าทะลุหนึ่งขอบเขต ฟ้าดินขนาดเล็กอย่างร่างกายมนุษย์ก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายที่ตัวผู้ฝึกยุทธเองไม่อาจจินตนาการได้ถึง ฉวยโอกาสตีเหล็กตอนที่ยังร้อนจะค่อนข้างมั่นคงกว่า”

เฉินผิงอันยิ้มเจื่อนเอ่ยว่า “ท่านอาหลี่ ถึงเวลานั้นค่อยว่ากันเถอะ ตอนนี้ข้ามึนหัวตัวลายไปหมด แค่คิดถึงการฝึกหมัดก็ง่วงแล้ว ขอข้าหายใจหายคอสักหน่อยเถอะนะ”

หลี่เอ้อร์ยิ้มพลางโบกมือ

เฉินผิงอันหันไปกุมหมัดคารวะหวงไฉ่เจ้าภูเขาท่านนั้น เอ่ยขออภัยว่า “ไม่เคยมีโอกาสได้ขอบคุณเจ้าขุนเขาหวงเลย”

หวงไฉ่ส่ายหน้า “คุณชายเฉินไม่ต้องเกรงใจ ยอดเขาสิงโตของพวกเราชื่อเสียงกระฉ่อนก็เพราะได้รับใบบุญจากท่าน คุณชายเฉินเชิญพักรักษาตัวได้ตามสบาย”

เฉินผิงอันมีสีหน้าปั้นยาก ขอตัวลาจากไป

หลี่เอ้อร์เองก็รีบลงจากภูเขา

หลี่หลิ่วยืนอยู่ที่เดิม เอ่ยว่า “ชื่อเสียงกระฉ่อน? นี่มันคำกล่าวในทางลบไม่ใช่หรือ? หวงไฉ่ ปีนั้นข้าก็บอกให้เจ้าอ่านตำราให้มาก นี่เจ้าเอาแต่ฝึกตนงั้นหรือ? ได้ยินมาว่าเจ้ามีความสัมพันธ์ที่ไม่เลวกับโจวมี่เจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาอวี๋ฝู คุยกันรู้เรื่องได้อย่างไร?”

หวงไฉ่กล่าวอย่างจนใจ “อาจารย์ ข้าไม่ชอบอ่านตำรามาตั้งแต่เด็ก อีกอย่างข้ากับเจ้าขุนเขาโจวคบหากันก็ไม่เคยพูดคุยเรื่องบทกลอนบทกวีอะไร”

หลี่หลิ่วส่ายหน้า “ตอนเด็กหัวโตเสียเปล่า”

หวงไฉ่อึ้งตะลึง ลูบศีรษะของตัวเองแล้วถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตอนเด็กเคยมีเรื่องแบบนั้นจริงๆ ยามนั้นตนหน้าเหลืองผอมตอบ เดินขอทานไปตามถนนยามที่หิมะปลิวปราย จากนั้นก็ได้เจอกับอาจารย์ที่เดินมาช้าๆ ท่ามกลางหิมะใหญ่

หวงไฉ่จดจำภาพเหตุการณ์นั้นได้อย่างแจ่มชัดชั่วชีวิต เพียงแต่ว่ากาลเวลาต่อมา ตนมีเรื่องราวมากมายให้ต้องทำ จึงเริ่มจะลืมเลือนไปบ้าง

หลี่หลิ่วหันหน้ามามองผู้เฒ่าที่คอยเฝ้าพิทักษ์สมบัติอย่างยอดเขาสิงโตไว้อย่างยากลำบาก ยอดเขาสิงโตก็เป็นแค่หนึ่งในถ้ำสถิตที่นางทิ้งเอาไว้ ถึงขั้นไม่มีความสำคัญเท่าตำหนักวารีหนานซวินของถ้ำสวรรค์วังมังกรด้วยซ้ำ การที่นางเลือกให้ครอบครัวสามคนมาลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่ก็เพียงแค่เพราะหลี่หลิ่วชอบเมืองเล็กที่เงียบสงบตรงตีนเขา หากท่านแม่ได้เปิดร้านอยู่ในตลาดแห่งนั้นก็จะไม่รู้สึกแปลกที่แปลกถิ่นมากเกินไป อันที่จริงนี่แทบไม่เกี่ยวข้องอะไรกับยอดเขาสิงโตและหวงไฉ่เลย

แต่ไม่รู้ว่าเหตุใด เวลานี้พอได้เห็นว่าเด็กหัวโตที่ผอมราวกับลิงในตอนนั้นจู่ๆ กลายมาเป็นผู้เฒ่าผมขาวแก่ชรา หลี่หลิ่วก็รู้สึกเสียใจนิดๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คุณสมบัติของหวงไฉ่ไม่ถือว่าดีนัก นิสัยก็ดื้อรั้นเกินไป บนเส้นทางของการฝึกตน เขาผ่านการเข่นฆ่ามามากมาย การดูแลศาลบรรพจารย์แห่งหนึ่งในอุตรกุรุทวีปไม่ใช่เรื่องผ่อนคลาย หวงไฉ่ที่เดิมทีมีหวังว่าจะได้เลื่อนขั้นเป็นขอบเขตหยกดิบ ในประวัติศาสตร์ต้องเผชิญหน้ากับการถามกระบี่ การลอบโจมตีของผู้ฝึกกระบี่อยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังปกป้องศาลบรรพจารย์ของยอดเขาสิงโตไม่ให้ถูกทำลาย ไม่ยอมก้มหัวให้ใคร ทำให้มีโรคร้ายมากมายทิ้งไว้ การซ่อมแซมจวนลมปราณหลังผ่านศึกใหญ่มาไม่ได้ช่วยอะไร ชีวิตนี้จึงได้แต่ติดค้างอยู่ในขอบเขตก่อกำเนิดเท่านั้น

อันที่จริงครั้งแรกที่หลี่หลิ่วย้อนกลับมายังยอดเขาแห่งนี้ ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับเด็กคนนี้ ศาลบรรพจารย์ของยอดเขาสิงโตที่จะมีหรือไม่มีก็ได้ จะนับเป็นอะไรได้? ต่อให้พังครืนลงมา กลายเป็นซากปรัก หวงไฉ่ไม่ได้สร้างขึ้นใหม่ แล้วอย่างไร? ไม่ได้ทุ่มเทความคิดจิตใจมากมายไปอบรมปลูกฝังลูกศิษย์ ไม่เผาผลาญแรงกายแรงใจและทรัพยากรไปช่วยแตกกิ่งก้านสาขาให้กับยอดเขาสิงโต แต่เลือกจะตั้งใจฝึกตนอยู่กับตัวเอง คิดเพียงแค่เรื่องของการฝ่าทะลุขอบเขตอย่างเดียว เมื่อเลื่อนเป็นห้าขอบเขตบนแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะยังได้รับของรางวัลเป็นสมบัติหนักชิ้นหนึ่งจากนางหลี่หลิ่ว

ไม่ใช่หลี่หลิ่วไม่รู้ถึงความตั้งใจของหวงไฉ่ ในความเป็นจริงแล้วนางรู้ชัดเจนดีทุกอย่าง เพียงแต่ว่าเมื่อก่อนหลี่หลิ่วไม่คิดจะสนใจก็เท่านั้น

ทว่านาทีนี้ หลี่หลิ่วกลับรู้สึกเสียใจ

มองอาจารย์ที่ไม่เคยมีสายตาเช่นนี้มาก่อน ในความทรงจำของเขา อาจารย์ที่เคยอยู่ในเนื้อหนังมังสาอีกแบบหนึ่งมักจะอยู่สูงส่งห่างไกลเสมอ เงียบขรึมพูดน้อยคล้ายกำลังคิดเรื่องใหญ่ที่เขาหวงไฉ่ไม่มีทางเข้าใจ

หวงไฉ่ไม่กล้ามองสบตาอาจารย์ เขาทอดสายตามองไปไกล พูดเสียงสั่นคล้ายพึมพำกับตัวเอง “ชีวิตนี้ได้กลับมาพบเจอกับอาจารย์อีกครั้ง ศิษย์ดีใจมากจริงๆ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!