กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 569

หลูป๋ายเซี่ยงนำทางพาเฉินผิงอันเดินขึ้นไปบนวัตถุใหญ่มโหฬารอย่างเรือมังกร เรือลำนี้สูงสามชั้น นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ขนาดของมันใหญ่อย่างถึงที่สุด มีขนาดใหญ่ถึงครึ่งหนึ่งของเรือข้ามทวีปของสำนักพีหมา สามารถบรรจุคนได้พันกว่าคน แต่หากบรรทุกสิ่งของสินค้าเต็มลำเรือกลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ภูเขาลั่วพั่วได้เรือข้ามฟากบรรพกาลที่มีขนาดใหญ่และทนทานผิดปกติเช่นนี้มา เรื่องที่สามารถทำได้จึงมีมากขึ้น เฉินผิงอันอดไม่ได้กระทืบเท้าเบาๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า บนใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ปกปิดไม่มิด

เมื่อครู่นี้พอเผยเฉียนกับโจวหมี่ลี่ได้ยินว่านับตั้งแต่วันนี้ไป เรือข้ามฟากตระกูลเซียนลำใหญ่ขนาดนี้ก็คือของในบ้านของภูเขาลั่วพั่ว ต่างก็พากันเบิกตากว้าง เผยเฉียนหยิกแก้มของโจวหมี่ลี่แล้วบิดแรงๆ หนึ่งที แม่นางน้อยร้องโอ้ยด้วยความเจ็บ เผยเฉียนจึงอืมหนึ่งที ดูท่าจะไม่ได้ฝันไปจริงๆ โจวหมี่ลี่พยักหน้ารับอย่างแรง บอกว่าไม่ใช่ๆ เผยเฉียนจึงตบหัวโจวหมี่ลี่ พูดว่าหมี่ลี่เอ๋ย เจ้าเป็นดาวนำโชคตัวน้อยจริงๆ ข้าหยิกเจ้าเจ็บหรือไม่? โจวหมี่ลี่ยิ้มกว้าง บอกว่าเจ็บอะไรกัน เผยเฉียนเอามืออุดปากนาง กำชับเสียงเบาว่า เหตุใดถึงได้ลืมอีกแล้ว ออกมาอยู่ข้างนอก ห้ามให้คนอื่นรู้ว่าตนเป็นภูตน้ำใหญ่ตนหนึ่งง่ายๆ มันน่าตกใจเกินไป สรปุก็คือจะกลายเป็นพวกเราที่ไม่มีเหตุผล ทำเอาแม่นางน้อยชุดดำที่ฟังแล้วทั้งกลัดกลุ้มทั้งชอบใจ

ไล่เดินไปทีละชั้นของเรือ บางครั้งก็ผลักประตูห้องที่แม้จะจมอยู่ในน้ำหลายร้อยปีก็ยังมีกลิ่นหอมของไม้โชยมาออกเป็นระยะ เนื่องจากเครื่องประดับในตัวเรือถูกเคลื่อนย้ายออกไปนานแล้ว และถูกแทนที่มาด้วยของจำเป็นที่ใช้ในการทำสงครามของแคว้น จึงเป็นเหตุให้ห้องน้อยใหญ่ในตอนนี้มีสภาพการณ์ที่ไม่แตกต่างกันสักเท่าไร แต่เฉินผิงอันกลับไม่รู้สึกเบื่อเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายเดินไปถึงชั้นบนสุดของหอเรือน ยืนอยู่ในห้องที่ใหญ่ที่สุด หากไม่ผิดไปจากที่คาด นี่ก็คือห้องอักษรตัวเทียนของเรือข้ามฟาก ‘ฟานโม่’ ลำนี้ในวันหน้าแล้ว เฉินผิงอันพลันดึงสีหน้าทุกอย่างกลับคืน เดินไปยังหอชมทัศนียภาพที่การมองเห็นเปิดกว้าง

เรื่องที่เรือข้ามฟากของภูเขาต่าเจี้ยวร่วงในราชวงศ์จูอิ๋งเป็นดั่งการกระตุกผมเส้นเดียวสะเทือนทั้งร่าง

ทุกคนที่อยู่บนเรือข้ามฟากล้วนเป็นเม็ดหมาก เพียงแต่ว่าบางคนก็รอดชีวิต บางคนก็ตายไปแล้ว ส่วนเจี้ยนเวิงเซียนเซิงที่ลงมือโจมตีให้เรือข้ามฟากร่วงลงมา สรุปแล้วว่าเป็นเพราะเหตุใดเขาถึงทำเช่นนี้ เป็นบุญคุณความแค้นแบบใดถึงทำให้เขาตัดสินใจทำเรื่องนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่สำคัญเลย

เฉินผิงอันกำลังคิดถึงปัญหาข้อหนึ่ง ตอนนี้ตบะของตนต่ำ กำลังทรัพย์บางเบา หากพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีกก็คือการเอาไข่ไปกระทบหิน ดังนั้นจึงสามารถอดทนไว้ก่อนชั่วขณะได้

แต่หากตอนนี้ภูเขาลั่วพั่วเป็นภูเขาของสำนักอักษรจง และตนก็เป็นผู้ฝึกตนขอบเขตก่อกำเนิด หรืออาจเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตหยกดิบแล้ว ก็คงสามารถพูดเพื่อระบายความอัดอั้นในใจของตัวเอง เพื่อสภาพการณ์ที่ชุนสุ่ยชิวสือต้องพบเจอ สามารถพูดได้ แต่กลับจำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล ยกตัวอย่างเช่นตนกับราชสำนักต้าหลีจะต้องแตกหักกันอย่างสิ้นเชิง ต้องผูกปมแค้นกับเทียนจวินเซี่ยสือ คนสี่คนในภาพวาดพากันรบตาย ลมและฝนของภูเขาลั่วพั่วสั่นคลอน ทุกคนที่อยู่บนภูเขาต่างก็กลายเป็นหนูที่วิ่งข้ามถนนของแจกันสมบัติทวีป เฉินหลิงจวินไปอุตรกุรุทวีปก็คือการไปตาย เฉินหรูชูไม่อาจไปเยือนเขตการปกครองหลงเฉวียนได้อีก นักรบเดนตายต้าหลีที่อยู่ในร้านตรอกฉีหลงเปลี่ยนจากผู้ที่ให้การพิทักษ์อย่างลับๆ เป็นผู้ที่มาลอบฆ่า ความเป็นความตายของคนบนภูเขาลั่วพั่วไม่แน่นอน อยู่ๆ นึกจะตายก็ตาย และหากภูเขาลั่วพั่วต้องเสียใครไปอีก ถึงเวลานั้นความถูกและความผิดจะตกเป็นของใคร?

เขาเฉินผิงอันควรจะเลือกอย่างไร?

หากตอนนี้เฉินผิงอันเป็นเซียนกระบี่สมชื่อแล้ว ก็สามารถลดทอนปัญหายุ่งยากไปได้มาก

หนึ่งไหล่แบก หนึ่งกระบี่หาม

แต่กลายเป็นเซียนกระบี่นั้นยากแค่ไหน อยู่ห่างไกลจนแทบมองไม่เห็น ความหวังเลือนรางเต็มที

นอกเหนือจากความเป็นความตาย ก็ยังมีหายนะและความลำบากมากมายรายล้อม

เฉินผิงอันเองก็เลียนแบบเป่าผิงน้อย เผยเฉียนและหลี่ไหว ที่พอได้อ่านนิยายในยุทธภพทั้งหลายก็รู้สึกชื่นชอบเลื่อมใสพวกจอมยุทธพเนจร พวกวีรบุรุษที่มีมาดองอาจบุกรุดหน้าไปอย่างห้าวหาญ มีความเด็ดเดี่ยวแกร่งกล้า มองความเป็นความตายเป็นเรื่องนอกตัว ยอมสละชีพเพื่อคุณธรรมได้อย่างไม่ลังเล

วิถีทางโลกนี้ไม่เพียงแต่ต้องการเรื่องราวในหนังสือที่เป็นเช่นนี้ นอกตำราก็ยังต้องการคนมากมายที่เป็นเช่นเดียวกัน เรื่องที่ทำอาจมีความต่างด้านความเล็กใหญ่ แต่ก็ต้องแบ่งแยกความดีเลวอย่างชัดเจน

เพียงแต่ว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเผยเฉียนที่เลือกบทเร้าใจที่จอมยุทธใหญ่ชำระแค้นอย่างสาแก่ใจมาอ่านซ้ำไปซ้ำมา บางครั้งผู้อาวุโสในยุทธภพที่มีวรยุทธเลิศล้ำได้เจอกับสหายที่น่าสนใจ แล้วร่วมกันผดุงคุณธรรมสังหารปีศาจใหญ่ทั้งหลาย…และนางยังชอบกระโดดข้ามบทที่เป็นการขัดเกลาวิชาอย่างยากลำบากแล้ว เฉินผิงอันกลับจะหยุดอ่านในช่วงเริ่มต้นเสมอ เพราะคนที่ถูกกำหนดมาแล้วว่าจะได้ครอบครองโชควาสนาและโอกาสมากมายนั้น ส่วนใหญ่แรกเริ่มจะต้องบ้านแตกสาแหรกขาด อยู่โดดเดี่ยวเดียวดาย แบกหนี้แค้นลึกล้ำดั่งมหาสมุทรเลือดเอาไว้ จากนั้นในนิยาย อยู่ดีๆ พวกเขาก็เติบใหญ่ขึ้นมา

เฉินผิงอันรู้สึกไม่ชินสักเท่าไร

บางทีเรื่องราวในยุทธภพที่ตื่นตาตื่นใจเหล่านั้นอาจจะดึงดูดคนได้มากก็จริง ทำเอาเผยเฉียนและหลี่ไหวที่อ่านหน้าชื่นตาบาน แต่เฉินผิงอันกลับยากที่จะมีความรู้สึกร่วมด้วย

คงเป็นเพราะชีวิตคนที่แท้จริงไม่ใช่ตัวอักษรดำบนกระดาษขาวที่เขียนบอกไว้อย่างชัดเจนพวกนั้น

เผยเฉียนที่อยู่ในห้องเอ่ยถาม “อาจารย์ เป็นอะไรไป?”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “ไม่มีอะไร แค่คิดถึงเรื่องบางอย่างในอดีต”

หลูป๋ายเซี่ยงเดินมาหยุดอยู่ข้างกายเฉินผิงอัน ยิ้มกล่าวว่า ยินดีด้วย”

เฉินผิงอันเอ่ย “เจ้าเองก็รีบหน่อยล่ะ”

หลูป๋ายเซี่ยงมีสีหน้ากลัดกลุ้มเล็กน้อย “กำลังลังเลว่าควรจะหาโอกาสต่อสู้กับจูเหลี่ยนสักครั้งดีหรือไม่”

เฉินผิงอันคลี่ยิ้ม “ข้าคิดว่าทำได้ เพราะถึงอย่างไรก็ไม่ต้องจ่ายเงินสักแดง”

หลูป๋ายเซี่ยงหันมามองเฉินผิงอัน “ตอนอยู่ที่อุตรกุรุทวีป ถูกซ้อมมาไม่น้อยหรือ?”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ผู้ฝึกยุทธขอบเขตสิบสองคนทยอยกันช่วยป้อนหมัด ทำเอาข้าอยู่ไม่สู้ตาย อิจฉาหรือไม่?”

หลูป๋ายเซี่ยงยิ้มบางๆ “พูดอย่างนี้ ข้าก็อารมณ์ดีขึ้นเยอะเลย”

เฉินผิงอันกล่าว “อย่าลืมล่ะว่า ดาบแคบหยุดหิมะเล่มนี้แค่ให้เจ้ายืมเท่านั้น”

หลูป๋ายเซี่ยงเอ่ยหยอกเย้า “ข้าก็ไม่ได้ช่วยภูเขาลั่วพั่วหาต้นกล้าดีๆ มาสองต้นหรอกหรือ? ยังไม่พอกับดาบหนึ่งเล่มอีกหรือไร?”

เฉินผิงอันไม่ต่อคำ เพียงเอ่ยว่า “หยวนเป่าหยวนไหล เป็นชื่อที่ไม่เลว”

หลูป๋ายเซี่ยงถาม “เคยเจอแล้ว?”

เฉินผิงอันอืมรับหนึ่งที “พอข้าเห็นหน้าพวกเขาก็เอ่ยชมว่าชื่อพวกเขาเพราะทันที ผลกลับกลายเป็นว่าสายตาที่แม่นางน้อยคนนั้นมองข้า ระแวดระวังราวกับข้าเป็นขโมยเหมือนเฉินยวนจีตอนแรกๆ ไม่มีผิดเพี้ยน ข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ออกท่องยุทธภพมานานหลายปีขนาดนี้ ดันมีแค่ตอนอยู่บนภูเขาลั่วพั่วบ้านตัวเองเท่านั้นที่ถูกคนเข้าใจผิด”

หลูป๋ายเซี่ยงหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “ยิ่งอารมณ์ดีเข้าไปใหญ่!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!