หนิงเหยาเอ่ย “หากจะประลองฝีมือกัน เจ้าก็ไปถามเขาเอาเอง หากเขาตกลง ข้าก็ไม่ขวาง แต่หากไม่ตกลง เจ้าขอร้องข้าก็ไม่มีประโยชน์”
เจ้าอ้วนเยี่ยนกลอกตาไปมา “ป๋ายหมัวมัวคือปรมาจารย์วิถีวรยุทธเพียงคนเดียวของพวกเรา หากป๋ายหมัวมัวไม่รังแกเขาเฉินผิงอัน จงใจกดขอบเขตไว้ที่ขอบเขตร่างทอง เฉินผิงอันผู้นี้สามารถแบกรับหมัดของป๋ายหมัวมัวได้กี่ที? สามหมัดห้าหมัด? หรือว่าสิบหมัด?”
มุมปากของหนิงเหยากระดกขึ้น แต่ก็หายวับไปอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครสังเกตเห็น นางเอ่ยว่า “ป๋ายหมัวมัวเคยสอนหมัดเขาครั้งหนึ่ง แต่ไม่นานก็ยุติลง ตอนนั้นข้าไม่ได้อยู่ด้วย แค่ได้ยินท่านปู่น่าหลันเล่าให้ฟังหลังจบเรื่อง แต่ข้าก็ไม่ได้ถามมาก สรุปก็คือป๋ายหมัวสอนหมัดอยู่บนสนามประลองยุทธ สองฝ่ายต่อยกันสองสามหมัด เตะกันสองสามทีก็ไม่สู้กันอีกแล้ว”
เจ้าอ้วนเยี่ยนถูมือ “เจ้าตัวดี ถึงขนาดประลองหมัดกับป๋ายหมัวมัวได้ถึงสองสามหมัด ต่อให้เป็นการประลองกันของขอบเขตร่างทองก็ถือว่าเฉินผิงอันร้ายกาจ ร้ายกาจจริงๆ ข้าจะต้องขอความรู้จากเขาดูสักหน่อยแล้ว”
หนิงเหยาพยักหน้ารับ “ข้ายังคงยืนยันประโยคนั้น ขอแค่เฉินผิงอันตอบตกลง พวกเจ้าจะประลองกันอย่างไรก็ตามใจ”
เจ้าอ้วนเยี่ยนถามอย่างระมัดระวังว่า “หากข้าไม่ทันระวังน้ำหนักมือ ยกตัวอย่างเช่นกระบี่บินไปบาดมือบาดขาของเฉินผิงอันเข้า จะทำอย่างไร? เจ้าคงไม่ช่วยเฉินผิงอันสั่งสอนข้าหรอกนะ? แต่ข้าสามารถรับรองได้ร้อยส่วนพันส่วนเลยว่าจะไม่มีทางออกกระบี่ใส่ใบหน้าเฉินผิงอันเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นก็ถือว่าข้าแพ้!”
หนิงเหยาไม่เอ่ยอะไรอีก
ปล่อยให้เยี่ยนจั๋วรนหาที่ตายอยู่กับตัวเองไป
ในช่วงเวลาที่ทั้งต่งฮว่าฝูและเตี๋ยจ้างต่างก็มีช่องโหว่ในการออกกระบี่ หนิงเหยาก็จะช่วยชี้แนะพวกเขาอย่างตรงไปตรงมา
ทั้งสองฝ่ายที่คุมเชิงกันจึงต่างจดจำเอาไว้ในใจ
อันที่จริงตอนที่คนวัยเดียวกันกลุ่มนี้เพิ่งจะได้รู้จักกัน หนิงเหยาก็เคยชี้แนะวิชากระบี่ให้คนอื่นเช่นนี้ แต่พวกเจ้าอ้วนเยี่ยนมักจะรู้สึกว่าคำพูดของหนิงเหยาไม่มีเหตุผล ถึงขั้นที่ว่าผิดมากกว่าเดิมเสียอีก
เป็นอาเหลียงที่บอกความลับสวรรค์ในภายหลัง บอกว่าจุดที่สายตาของหนิงเหยามองไปถึง ด้วยตบะขอบเขตและสภาพจิตวิถีกระบี่ของพวกเจ้าในเวลานี้ไม่อาจทำความเข้าใจได้เลย รอให้ผ่านไปอีกสักสองสามปี ขอบเขตตามทันแล้วก็จะเข้าใจได้เอง
และความจริงก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสิ่งที่อาเหลียงพูดนั้น ถูกต้องแล้ว
ในทางส่วนตัว ยามที่หนิงเหยาไม่อยู่ เฉินซานชิวก็เคยบอกว่า การที่ตนซึ่งความปรารถนาใหญ่ที่สุดในชีวิตนี้คือได้เป็นเถ้าแก่ร้านขายเหล้าตั้งใจมุมานะฝึกกระบี่ถึงขนาดนี้ ก็เพื่อไม่ให้ถูกหนิงเหยาทิ้งระยะห่างไกลถึงสองขอบเขต
การคุมเชิงกันของผู้ฝึกกระบี่ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยเสียเวลามากนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่มีแค่การตัดสินแพ้ชนะก็ยิ่งใช้เวลาแค่ชั่วพริบตา หากไม่เป็นเพราะเวลานี้ต่งฮว่าฝูกับเตี๋ยจ้างอยากประลองฝีมือกัน อันที่จริงก็ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาถึงครึ่งก้านธูปด้วยซ้ำ
หลังจากคนหนุ่มถ่านดำกับสตรีแขนเดียวต่างก็เก็บกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตของตัวเองไปแล้ว หนิงเหยาก็เดินเข้ามาในสนามประลองยุทธ มาหยุดอยู่ข้างกายคนทั้งสอง แล้วเริ่มพูดถึงข้อบกพร่องที่เล็กน้อยยิบย่อยกว่าเมื่อครู่นี้
คนทั้งสองเงี่ยหูตั้งใจฟัง ไม่ได้รู้สึกว่าการรับฟังคำชี้แนะจากสหายมีอะไรน่าอาย ไม่อย่างนั้นคนวัยเดียวกันตลอดทั้งใต้หล้าไพศาล ผู้ฝึกกระบี่รุ่นนี้ที่ผู้อาวุโสทุกคนของพวกเขาฝากความหวังไว้ให้ ก็คงต้องรู้สึกละอายใจที่สู้ไม่ได้เมื่ออยู่ต่อหน้าหนิงเหยา เพราะผู้เฒ่าเซียนกระบี่ใหญ่เคยยิ้มกล่าวว่า เด็กของกำแพงเมืองปราณกระบี่นี้ แบ่งออกเป็นผู้ฝึกกระบี่สองประเภท หนิงเหยากับผู้ฝึกกระบี่ทุกคนเว้นจากหนิงเหยา หากไม่ยอมแพ้ก็ต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้ เพราะถึงอย่างไรก็เอาชนะแม่หนูหนิงไม่ได้อยู่ดี
แต่ยามที่อยู่กับหนิงเหยา ผู้เฒ่าเซียนกระบี่ใหญ่ก็เคยพูดจาทำนองเดียวกันนี้ แต่กลับไม่เกี่ยวข้องกับผู้ฝึกกระบี่ แต่เกี่ยวข้องกับผู้ฝึกยุทธของใต้หล้าไพศาล
ผู้ฝึกยุทธของใต้หล้า คนรุ่นหนุ่มสาวก็มีสภาพการณ์เช่นนี้เหมือนกัน แบ่งได้แค่สองประเภทเท่านั้น
ตอนนั้นหนิงเหยาไม่สนใจ พูดอย่างตรงไปตรงมาว่าท่านปู่เฉิน คำพูดประโยคนี้ของท่านไม่ถูกต้อง แต่ตอนนี้นางไม่อาจพิสูจน์ได้ ทว่าสักวันหนึ่งจะต้องมีคนมาช่วยพิสูจน์ให้ว่านางพูดถูกต้องแน่นอน
ตอนนั้นดูเหมือนว่าผู้เฒ่าคล้ายจะรอคำพูดประโยคนี้ของแม่นางน้อยอยู่ เขาจึงไม่ตอบโต้ แล้วก็ไม่ยอมรับ เอ่ยเพียงว่าเขาเฉินชิงตูจะตั้งตารอดู สิบปากว่าย่อมไม่เท่าตาเห็น
เพียงแต่ตอนนั้นหนิงเหยากลับรู้สึกเสียใจภายหลังเล็กน้อย เดิมทีนางก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง เหตุใดผู้เฒ่าเซียนกระบี่ใหญ่ถึงได้เห็นเป็นจริงเป็นจังได้ล่ะ?
ดังนั้นหนิงเหยาจึงไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้เฉินผิงอันฟัง พูดไม่ได้จริงๆ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวเขาจะคิดเป็นจริงเป็นจังอีก
ด้วยนิสัยของเขา ปีนั้นตอนที่ตนอยู่ในถ้ำสวรรค์หลีจูแล้วพูดเรื่องการฝึกหมัดเดินนิ่งกับเขาไปเรื่อยเปื่อย บอกว่าให้ฝึกหมัดได้หนึ่งล้านครั้งก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน ผลกลับกลายเป็นอย่างไร คราวก่อนที่ได้กลับมาพบเจอกันที่ภูเขาห้อยหัวอีกครั้ง เขากลับบอกว่าเขาขาดอีกแค่ไม่กี่หมื่นหมัดก็จะฝึกจนครบหนึ่งล้านหมัดแล้ว
ตอนนั้นหนิงเหยาเกือบอดไม่ไหวปล่อยหมัดใส่หัวสมองทึ่มทื่อเหมือนตอไม้ของเขาแรงๆ เจ้าเฉินผิงอันโง่หรือไร? ฟังไม่ออกหรือว่านั่นเป็นประโยคล้อเล่นที่นางเอ่ยอย่างขอไปทีเท่านั้นเอง? บางครั้งข้าหนิงเหยาจะหาเรื่องชวนคุยกับเจ้าบ้างไม่ได้เลยหรือ?
เจ้าอ้วนเยี่ยนไปนั่งยองข้างกายเฉินผิงอัน พูดเสียงเบาว่า “คุณชายเฉินท่านนี้ ข้าเองก็สร้างสรรค์วิชาหมัดขึ้นด้วยตัวเองหนึ่งชุด ไม่สู้เจ้าลองดูสักหน่อยแล้วช่วยชี้แนะให้ข้าดีไหม?”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ไม่มีปัญหา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!