กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 579

สรุปบท บทที่ 579.1 ศิษย์พี่ศิษย์น้องสายเหวินเซิ่ง: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปเนื้อหา บทที่ 579.1 ศิษย์พี่ศิษย์น้องสายเหวินเซิ่ง – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บท บทที่ 579.1 ศิษย์พี่ศิษย์น้องสายเหวินเซิ่ง ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ผังหยวนจี้เดินออกมาช้าๆ บนร่างนอกจากฝุ่นผงที่ไม่ได้ตั้งใจปัดออกแล้วก็มองความผิดปกติอย่างอื่นไม่ออกอีก

เฉินผิงอันสบตากับเขา ผังหยวนจี้พยักหน้าให้ แล้วเดินผ่านสวนไหล่เฉินผิงอันมา เดินไปทางร้านเหล้าที่มานั่งอยู่ก่อนหน้านี้ ผังหยวนจี้นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ก็ตะโกนเสียงดังว่า “คนที่ลงเดิมพันว่าข้าจะชนะ ขอโทษที วันนี้ค่าเหล้าของทุกท่าน…”

ผังหยวนจี้ยิ้มกล่าว “ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าแม้แต่นิดเดียว อะไรที่ควรจ่ายก็จ่าย อะไรที่เชื่อได้ก็เชื่อไว้ก่อน อาศัยความสามารถของตัวเองกันไป”

กล่าวมาถึงตรงนี้ ผังหยวนจี้ก็ยกมืออุดปาก พอแบมือออกแล้วก็สะบัดมือ ในมือมีแต่เลือดสด

พอมาถึงร้านเหล้า เกาขุยเซียนกระบี่ในพื้นที่ก็ยื่นเหล้าถ้วยหนึ่งส่งมาให้ หยวนชิงสู่เซียนกระบี่จากทักษิณาตยทวีปเพียงยิ้มไม่เอ่ยอะไร

ผังหยวนจี้กล่าวอย่างจนใจ “ทำให้เซียนกระบี่ทั้งสองท่านเห็นเรื่องตลกแล้ว”

เกาขุยเอ่ย “ก็แค่แพ้เท่านั้น ไม่ตายก็พอ”

หยวนชิงสู่พยักหน้ารับ “ดีกว่าฉีโซ่วเยอะเลย”

ผังหยวนจี้หันหน้าไปมอง คนกลุ่มนั้นเดินห่างไปไกลแล้ว เยี่ยนจั๋วเรียกเมล็ดลูกท้อแกะสลักลูกหนึ่งออกมา มันพลันแปรเปลี่ยนเป็นรถม้าหรูหราหนึ่งคันที่นำพาพวกเพื่อนๆ ของเขาไปจากถนนใหญ่

ในห้องโถยสารอันกว้างขวาง เฉินผิงอันนั่งขัดสมาธิ หนิงเหยานั่งอยู่ด้านข้าง

เจี้ยนเซียนมีจิตเชื่อมโยงอยู่กับเขาจึงแหวกอากาศกลับไปที่จวนหนิงด้วยตัวเองแล้ว

เยี่ยนจั๋วต้องใช้พื้นที่มาก จึงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพวกเฉินซานชิว ต่งถ่านดำและเตี๋ยจ้างสามคน

บรรยากาศค่อนข้างจะเงียบงัน

เฉินผิงอันเปิดปากถาม “จวนหนิงมียาวิเศษที่ช่วยให้เนื้องอกบนกระดูกหรือไม่?”

หนิงเหยาพยักหน้า

เยี่ยนจั๋วชำเลืองตามองแขนข้างนั้นของเฉินผิงอัน ถามว่า “ไม่เจ็บสักนิดเลยหรือ?”

อาการบาดเจ็บล้วนไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับผู้ฝึกกระบี่ทุกคนในห้องโดยสาร ลำพังแค่เตี๋ยจ้างก็เคยถูกเผ่าปีศาจตัดแขนไปข้างหนึ่งแล้ว

แต่ไม่ขมวดคิ้วสักครั้งตั้งแต่ต้นจนจบอย่างเฉินผิงอันนี่ กลับมีให้เห็นไม่บ่อยนัก

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ยังพอไหว เพียงแต่เรื่องที่ต้องจัดการกับปราณกระบี่ที่หลงเหลืออยู่จากกระบี่บินกวงอินของผังหยวนจี้และกระบี่บินเที่ยวจูของฉีโซ่วนี่แหละที่ค่อนข้างยุ่งยาก”

หนิงเหยาเอ่ย “พูดให้น้อยหน่อย”

เฉินผิงอันจึงเริ่มหลับตาพักผ่อน

มาถึงจวนหนิง ป๋ายหมัวมัวกับน่าหลันเย่สิงมารออยู่ที่หน้าประตูก่อนแล้ว เห็นสภาพของเฉินผิงอัน ต่อให้เป็นป๋ายเลี่ยนซวงที่เป็นผู้ฝึกยุทธบนยอดเขาซึ่งคุ้นเคยกับการขัดเกลาร่างกายด้วยความยากลำบากเป็นอย่างดี ก็ยังอดเวทนาเขาไม่ได้ น่าหลันเย่สิงเอ่ยเพียงแค่ประโยคเดียวว่า ปราณกระบี่และปณิธานกระบี่จากกระบี่บินของคนทั้งสองที่หลงเหลืออยู่ เขาจะไม่ช่วยดึงออกให้ เหลือไว้ให้คุณชายเฉินสาวเส้นไหมสืบเสาะเอาเอง นี่ก็ถือว่าเป็นประโยชน์ที่ไม่เล็กเช่นกัน เฉินผิงอันพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม บอกว่าเขาตั้งใจจะทำเช่นนั้นอยู่พอดี

หญิงชราพาเฉินผิงอันไปที่คลังยาของจวนหนิงเพื่อหายามารักษาอาการบาดเจ็บให้เขา

หนิงเหยากับเพื่อนอีกสี่คนนั่งอยู่ในศาลาของหน้าผาสังหารมังกร

พวกเยี่ยนจั๋วสี่คน นอกจากถ่งต่านดำที่ยังไม่รู้สึกรู้สาอะไร เพียงแค่นั่งเหม่ออยู่กับที่แล้ว คนที่เหลืออีกสามคนต่างก็เบิกตากว้างมองหน้ากันไปมา ถ้อยคำนับพันนับหมื่นมารออยู่ตรงปาก แต่กลับเปิดปากพูดไม่ออก

หนิงเหยาเอ่ยเนิบช้าว่า “แค่ตัดสินแพ้ชนะ หากฉีโซ่วไม่ประมาท ไม่ต้องชนะให้งดงามนัก เลือกที่จะทุ่มฝีมือเต็มที่เรียกกระบี่บินทั้งสามออกมาตั้งแต่แรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งใจควบคุมค่ายกลกระบี่เที่ยวจูให้มากกว่าเดิม ไม่ให้โอกาสเฉินผิงอันได้เข้าประชิดตัว บวกกับซินเสียนที่สามารถติดตามจิตวิญญาณของคู่ต่อสู้ได้ เฉินผิงอันก็ต้องแพ้ ผู้ฝึกยุทธกับผู้ฝึกกระบี่ หากแข่งกันในเรื่องความทอดยาวของปราณแท้จริงที่บริสุทธิ์เฮือกหนึ่ง กับความมากน้อยของปราณวิญญาณที่สะสมอยู่ในช่องโพรงลมปราณแล้วล่ะก็ ต้องเป็นฉีโซ่วที่ได้เปรียบอย่างแน่นอน”

“หากตัดสินด้วยความเป็นความตาย ทั้งเฉินผิงอันและผังหยวนจี้ต่างก็ต้องตาย”

ต่อมาหนิงเหยาก็เอ่ยเสริมอีกว่า “แต่ถึงท้ายที่สุดแล้วก็ยังคงเป็นเฉินผิงอันที่ชนะในศึกยากลำบากทั้งสองศึกนี้มาได้ ไม่ใช่ว่าเฉินผิงอันโชคดี แต่เป็นเพราะสมองของเขาดีกว่าฉีโซ่วและผังหยวนจี้ ในด้านฟ้าอำนวยดินอวยพรและคนสามัคคีบนสนามรบนั้น เขาคิดมากกว่า คิดได้รอบคอบรัดกุมกว่า ถ้าอย่างนั้นขอแค่เฉินผิงอันออกหมัดออกกระบี่ได้เร็วมากพอ ก็จะสามารถชนะได้ ทว่าก่อนจะเป็นเช่นนี้ได้ก็ยังมีเงื่อนไขที่ใหญ่มากข้อหนึ่ง นั่นคือเฉินผิงอันต้องรับกระบี่บินของคนทั้งสองได้เสียก่อน พวกเจ้าล้วนทำไม่ได้ รากฐานผู้ฝึกกระบี่ของพวกเจ้าห่างชั้นจากผังหยวนจี้และฉีโซ่วไกลโขนัก เพราะฉะนั้นยามที่พวกเจ้าต่อสู้กับคนทั้งสอง จะไม่ใช่การเข่นฆ่า มีแต่จะเป็นการดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดเท่านั้น พูดประโยคที่ไม่น่าฟังสักหน่อย พวกเจ้ากล้ากระโจนเข้าหาความตาย สังหารปีศาจบนสนามรบทางทิศใต้ ไม่มีความขลาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ตายก็ตาย เป็นเหตุให้ตบะสิบส่วนสามารถมีปณิธานกระบี่ได้ถึงสิบสองส่วน ออกกระบี่ได้อย่างไม่ติดขัด แบบนี้ดีมาก น่าเสียดายก็แต่หากพวกเจ้าคนใดคนหนึ่งไปจับคู่ต่อสู้กับผังหยวนจี้หรือฉีโซ่ว พวกเจ้าก็ต้องกลัดกลุ้มแล้ว เพราอะไร? ผู้ฝึกยุทธบริสุทธิ์มีคำกล่าวถึงจิตบู๊ หากพูดตามนี้ก็คือจิตบู๊ของพวกเจ้าแย่เกินไป”

หนิงเหยาเอ่ยต่อไปว่า “ตอนที่ต่อสู้กับฉีโซ่ว ช่วงเวลาสำคัญที่ทำให้สถานการณ์การรบเกิดการเปลี่ยนแปลง ก็คือวินาทีที่ฉีโซ่วเรียกซินเสียนออกมา ตอนนั้นเฉินผิงอันมอบความรู้สึกลวงตาให้แก่ฉีโซ่ว นั่นก็คือเขารับมือกับซินเสียนอย่างฉุกละหุก และความเร็วของร่างกายเฉินผิงอันก็หยุดอยู่แค่ตรงนั้น ดังนั้นหลังจากที่ฉีโซ่วโดนหมัดเขาไปแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเฟยเยวียนยังอยู่ห่างเสี้ยวหนึ่งตลอดเวลา ไม่อาจทำร้ายเฉินผิงอันได้สักที เขาก็เข้าใจแล้วว่า ต่อให้เฟยเยวียนเร็วกว่านี้อีกเสี้ยวหนึ่ง อันที่จริงก็ไร้ประโยชน์เช่นเดียวกัน ใครเป็นคนจูงใครเป็นหมา แค่มองปราดเดียวก็รู้แล้ว เพียงแต่ว่าภายนอกมองดูเหมือนฉีโซ่วรับมือกับคู่ต่อสู้ได้อย่างสง่างาม แต่ในความเป็นจริงแล้วกลับค่อยๆ เผาผลาญข้อได้เปรียบของตัวเองไปทีละนิด แต่เฉินผิงอันกลับเก็บซ่อนอำพรางได้ดีมากกว่า วางแผนเชื่อมโยงต่อกันเป็นทอดๆ ก็เพื่อหมัดที่สองที่เปิดทางด้วยหมัดแรก ชื่อหมัดคือกระบวนท่าเทพตีกลองสายฟ้า คือวิชาหมัดชนิดหนึ่งที่ข้าเอาอาการบาดเจ็บของข้าไปแลกกับชีวิตของเจ้า แล้วก็เป็นกระบวนท่าหมัดที่เฉินผิงอันเชี่ยวชาญที่สุด”

เยี่ยนจั๋วเบิกตากว้าง แต่กลับไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของยันต์ แต่เป็นเพราะมือซ้ายของเฉินผิงอันสามารถยกขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไหนเลยจะยังมีสภาพน่าสังเวชที่ห้อยร่องแร่งเหมือนตอนอยู่บนถนนใหญ่ก่อนหน้านี้

เฉินผิงอันเก็บยันต์สองแผ่นลงไป ยิ้มเอ่ยอย่างจริงใจว่า “หมัดสุดท้ายข้าไม่ได้ลงแรงเต็มที่ เพราะฉะนั้นแขนซ้ายจึงบาดเจ็บไม่มาก ผังหยวนจี้เองก็ตระหนักได้ ถึงได้จงใจอยู่ใต้หลุมใหญ่นานหน่อย กว่าจะเดินออกมา พวกเราสองฝ่าย ทั้งเป็นเพราะต้องการแสดงให้คนอื่นดู แล้วก็เป็นเพราะข้าเองก็ไม่คิดจะสู้เอาเป็นเอาตายกับผังหยวนจี้จริงๆ เพราะข้าแน่ใจเลยว่า ผังหยวนจี้เองก็มีวิชาที่เป็นสมบัติก้นกรุที่ยังไม่ได้เอาออกมาอยู่เหมือนกัน ดังนั้นข้าได้เปรียบไปแล้ว ผังหยวนจี้ก็ยังยินดีรับความพ่ายแพ้ ถือว่าเขาเป็นคนมีคุณธรรมมากคนหนึ่ง การต่อสู้ทั้งสองครั้ง ไม่ใช่ว่าข้าสามารถอาศัยแค่ตบะก็เอาชนะฉีโซ่วและผังหยวนจี้มาได้ แต่เป็นเพราะอาศัยกฎเกณฑ์ของกำแพงเมืองปราณกระบี่พวกเจ้า รวมไปถึงการคาดเดานิสัยใจคอพวกเขาคร่าวๆ หลายสิ่งหลายอย่างรวมเข้าด้วยกันถึงได้โชคดีเอาชนะมาได้ เซียนกระบี่ทั้งหลายที่ชมศึกอยู่ทั้งใกล้และไกลก็ล้วนรู้กันดีอยู่แก่ใจ มองความสามารถที่แท้จริงของพวกเราสามคนออก เพราะฉะนั้นผังหยวนจี้และฉีโซ่วแพ้ก็จริง แต่ก็ไม่ถึงขั้นเสียชื่อเสียงของตระกูลฉีและใต้เท้าอิ่นกวาน นี่ก็คือทางถอยของข้า”

ออกหมัดต้องเร็ว ปล่อยหมัดต้องแม่นยำ เก็บหมัดต้องมั่นคง

หากเป็นการออกกระบี่ ก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน

เฉินซานชิวยิ้มกล่าว “เรื่องบางอย่างเจ้าไม่จำเป็นต้องเปิดเผยความลับกับพวกเราก็ได้”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “ไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้ ก่อนจะออกจากจวนไปต่อสู้ ต่อให้ข้าพูดมากแค่ไหน อย่างมากพวกเจ้าก็คงรู้สึกว่าข้าโอ้อวดตัวเองอย่างหน้าไม่อาย ไม่รู้จักหนักเบา ตัวข้ายังดี เพราะไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้มากนัก แต่พวกเจ้าย่อมเกิดความกังขาในสายตาของหนิงเหยาอย่างเลี่ยงไม่ได้ ข้าก็เลยเลือกที่จะเงียบ ส่วนเหตุใดถึงได้ยินดีอธิบายเรื่องที่เดิมทีควรปิดบังไว้พวกนี้ เหตุผลก็เรียบง่ายมาก เพราะพวกเจ้าคือเพื่อนของหนิงเหยา ข้าเชื่อใจหนิงเหยา เพราะฉะนั้นถึงได้เชื่อใจพวกเจ้า คำพูดนี้อาจไม่ค่อยน่าฟัง แต่เป็นความจริงจากข้า”

เจ้าอ้วนเยี่ยนเอ่ย “น่าฟัง จะไม่น่าฟังได้อย่างไร คำพูดนี้ของพี่น้องเฉินทำเอาในใจข้าตอนนี้อบอุ่นยิ่งนัก ราวกับได้ดื่มเหล้าในวันที่อากาศหนาวเหน็บอย่างไรอย่างนั้น”

เฉินผิงอันยิ้มบางๆ “ช่วงนี้ข้าดื่มเหล้าไม่ได้จริงๆ บาดเจ็บไม่น้อยเลย คาดว่าอย่างน้อยที่สุดก็ต้องสักสิบวันครึ่งเดือนที่ต้องรักษาบาดแผลให้ดีๆ”

หนิงเหยาชำเลืองตามอง “ดูจากสภาพเจ้าตอนนี้ ยังกระโดดโลดเต้นอยู่ได้ แถมยังพูดมาก คงคิดจะสู้กับเกาเหย่โหวอีกคนใช่ไหม?”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เกาเหย่โหว ข้าไม่ได้โม้หรอกนะ ต่อให้ตอนนั้นข้าไม่ออกมาจากถนน ขอแค่เกาเหย่โหวกล้าเผยตัว ข้าก็สามารถรับมือกับเขาได้จริงๆ เพราะเขาคือคนที่รับมือได้ง่ายที่สุดในสามคนนี้ ต่อสู้กับเขาเกาเหย่โหว ตัดสินแพ้ชนะ หรือแบ่งกันด้วยความเป็นความตายก็ล้วนไม่มีปัญหา ในความเป็นจริงแล้ว ฉีโซ่ว ผังหยวนจี้ เกาเหย่โหว ลำดับนี้ก็คือลำดับก่อนหลังที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นภายนอกหรือภายในอะไร ถึงอย่างไรก็สามารถทำให้ข้าชนะสามครั้งติดได้อยู่ดี แต่ข้าก็คิดอยู่เหมือนกันว่า เกาเหย่โหวคงไม่เข้าอกเข้าใจคนอื่นได้ดีขนาดนั้น”

เจ้าอ้วนเยี่ยนรู้สึกเข่าอ่อนเล็กน้อย

เฉินซานชิวไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

ต่งฮว่าฝูรู้สึกว่าบุรุษแบบนี้จึงจะคู่ควรกับพี่หญิงหนิง

เตี๋ยจ้างเองก็รู้สึกดีใจแทนหนิงเหยา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!