กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 583

สรุปบท บทที่ 583.2 มีเพียงนักดื่มที่ได้ทิ้งชื่อไว้: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

สรุปเนื้อหา บทที่ 583.2 มีเพียงนักดื่มที่ได้ทิ้งชื่อไว้ – กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บท บทที่ 583.2 มีเพียงนักดื่มที่ได้ทิ้งชื่อไว้ ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

เฉินซานชิวเล่าข่าวลือเล็กๆ ข่าวหนึ่ง ช่วงนี้จะยังมีเซียนกระบี่ของอุตรกุรุทวีปท่านหนึ่งที่กำลังจะเดินทางมาถึงกำแพงเมืองปราณกระบี่ ดูเหมือนว่าตอนนี้จะมาถึงภูเขาห้อยหัวแล้ว เพียงแต่ว่าที่นี่ก็มีเซียนกระบี่ที่ต้องหวนคืนสู่บ้านเกิดแล้วเช่นกัน

ผู้ฝึกกระบี่ส่วนใหญ่ของอุตรกุรุทวีปมักจะเป็นเช่นนี้ โดยทั่วไปแล้วหากผ่านศึกใหญ่ไปศึกหนึ่งแล้วก็จะต้องเดินทางกลับ

เพียงแต่ว่าภายในเวลาสิบปีมีศึกใหญ่เกิดขึ้นติดกันถึงสองครั้ง ทำให้คนไม่ทันตั้งตัว ผู้ฝึกกระบี่ของอุตรกุรุทวีปส่วนใหญ่จึงเป็นฝ่ายรั้งอยู่ที่นี่ต่อ ผ่านสงครามไปอีกหนึ่งศึกแล้วค่อยว่ากัน

แต่ว่าก็ยังมีเซียนกระบี่และผู้ฝึกกระบี่เซียนดินส่วนหนึ่งที่จำต้องไปจากกำแพงเมืองปราณกระบี่ เพราะถึงอย่างไรก็ยังมีกิจธุระในสำนักที่ต้องให้เป็นกังวล สำหรับเรื่องนี้กำแพงเมืองปราณกระบี่ไม่เคยเอ่ยถ้อยคำไร้สาระใดๆ ไม่เพียงแต่ไม่มีคำบ่น ทุกครั้งที่เซียนกระบี่ต่างถิ่นคนหนึ่งจะเดินทางจากไป ยังมีกฎที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรข้อหนึ่ง นั่นคือเซียนกระบี่ในพื้นที่หลายคนที่คุ้นเคยกันดีจะเลี้ยงเหล้าคนผู้นี้หนึ่งมื้อเป็นการส่งอำลา ถือว่าเป็นการตอบแทนจากกำแพงเมืองปราณกระบี่

เฉินผิงอันและหนิงเหยาหันไปมองยังถนนใหญ่แทบจะเวลาเดียวกัน

ตรงนั้นมีคนเดินมาหกคน

ล้วนเป็นเซียนกระบี่!

เซียนกระบี่หญิงคนหนึ่งในนั้น เฉินผิงอันไม่เพียงแต่รู้จัก ยังค่อนข้างจะสนิทสนมคุ้นเคยดีอีกด้วย ก็คือลี่ไฉ่เจ้าสำนักทะเลสาบกระบี่ฝูผิงแห่งอุตรกุรุทวีป

นางเคยบอกว่าหลังจากไปถามกระบี่ฉีจิ่งหลงเซียนกระบี่ที่เพิ่งเลื่อนขั้นใหม่ที่สำนักกระบี่ไท่ฮุยแล้วก็จะเดินทางมายังกำแพงเมืองปราณกระบี่ นอกจากจะทำตามสัญญาที่นางมีต่อหลี่อวี๋เพื่อนรักแห่งยอดเขาไท่เสียแล้ว ยังจะสังหารปีศาจใหญ่ตนหนึ่งเพื่อฝ่ายหลังที่ฝ่าทะลุขอบเขตล้มเหลวจึงจากโลกนี้ไปแล้วด้วย

คนที่เหลืออีกห้าคน เฉินผิงอันรู้จักแค่คนเดียว เขาเดินอยู่ด้านหน้าสุด คือผู้เฒ่าร่างสูงใหญ่ที่ทั้งหนวดและเส้นผมล้วนเป็นสีขาวหิมะ นิสัยของเขาเรียกว่าดีไม่ได้จริงๆ ปีนั้นตอนที่เฉินผิงอันอยู่บนหัวกำแพงเมืองก็เคยเห็นกับตา เคยได้ยินกับหูตัวเองมาก่อนว่าผู้เฒ่าท่านนี้เรียกชื่อจริงของเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสออกมาอย่างไม่กริ่งเกรง ซักไซ้เอาความผิดเสียงดังว่าเฉินชิงตูเหตุใดเจ้าต้องสังหารต่งกวานพู่ เจ้าประมุขเฒ่าของตระกูลต่งท่านนี้ยังเกือบจะเปิดฉากต่อสู้กับผู้เฒ่าเซียนกระบี่ใหญ่โดยตรง ทิ้งประโยคหนึ่งไว้ว่า ‘ทุกคนล้วนกลัวเจ้าเฉินชิงตู แต่ข้าไม่กลัว’ ดังนั้นความทรงจำที่เฉินผิงอันมีต่อผู้เฒ่าคนนี้จึงลึกล้ำมากเป็นพิเศษ แล้วก็รู้สึกสงสัยใคร่รู้ในตัวของต่งกวานพู่ที่ถูกผู้เฒ่าเซียนกระบี่ใหญ่สังหารอย่างง่ายๆ ด้วยหนึ่งกระบี่เช่นกัน เพราะตามคำบอกของหนิงเหยา ‘นายท่านต่งน้อย’ อย่างต่งกวานพู่ผู้นี้ อันที่จริงเป็นคนดีมาก

คงบอกได้แค่ว่านี่ก็คือคำกล่าวที่ว่าทุกบ้านล้วนมีคัมภีร์ที่อ่านยาก

กำแพงเมืองปราณกระบี่แห่งหนึ่ง เซียนกระบี่ที่มีพรสวรรค์เลิศล้ำมีมากเกินไป ความวุ่นวายก็ยิ่งมีมากกว่า

ดูเหมือนว่าต่งซานเกิงกับกลุ่มคนที่รวมถึงลี่ไฉ่ที่เพิ่งจะมาถึงกำแพงเมืองปราณกระบี่จะตั้งใจมาเยือนร้านเหล้าเล็กๆ ร้านนี้โดยเฉพาะ

เฉินผิงอันจึงมองประเมินเซียนกระบี่สี่ท่านที่เหลือหลายครั้งหน่อย เขาเดาตัวตนของสองคนในนั้นออก หานไหวจื่อเจ้าประมุขสำนักกระบี่ไท่ฮุย กับหวงถงบรรพจารย์ผู้คุมกฎของศาลบรรพจารย์

พวกเฉินผิงอันล้วนพากันลุกขึ้นยืนแล้ว

หลังจากที่ต่งฮว่าฝูเรียกต่งซานเกิงคำหนึ่งว่าท่านบรรพบุรุษแล้ว ก็เอ่ยประโยคที่เป็นธรรมว่า “ที่ร้านไม่มีการเชื่อลงบัญชี”

ต่งซานเกิงถลึงตากล่าว “เจ้าไม่มีเงินติดตัวเลยหรือไร?”

ต่งฮว่าฝูส่ายหน้า “ข้าดื่มเหล้าไม่เคยต้องจ่ายเงิน”

ต่งซานเกิงหัวเราะเสียงดังกังวาน “ไม่เสียแรงที่เป็นลูกหลานตระกูลต่งข้า เรื่องที่หน้าหนาหน้าทนเช่นนี้ ตลอดทั้งกำแพงเมืองปราณกระบี่ก็มีแต่ลูกหลานตระกูลต่งของพวกเราเท่านั้นแหละที่ทำแล้วดูมีเหตุผลมากเป็นพิเศษ”

เตี๋ยจ้างมีท่าทางหวาดกลัวอย่างเลี่ยงไม่ได้

ผู้เฒ่าคนนี้เป็นถึงประมุขตระกูลต่ง ต่งซานเกิง

เซียนกระบี่ผู้เฒ่าที่สลักอักษร ‘ต่ง’ ไว้บนหัวกำแพงเมือง

ปีนั้นเรื่องที่อาเหลียงรำคาญที่สุดก็คือการประลองวิชากระบี่กับต่งซานเกิง หากหลบได้ก็จะหลบ หลบไม่พ้นก็จะบอกให้ต่งซานเกิงเอาเงินให้เขา หากไม่ให้เงิน เขาอาเหลียงก็จะยืนอยู่ข้างกระท่อมบนหัวกำแพงรอรับกระบี่แต่โดยดี หรือจะไม่ไปรบกวนเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสบนหัวกำแพงเมืองก็ได้เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะไปนอนหมอบอยู่บนหลังคาศาลบรรพชนของตระกูลต่งแทน

ต่งซานเกิงโบกมือหนึ่งครั้ง ทำให้โต๊ะสองตัวมาประกบเข้าด้วยกัน แล้วจึงพูดกับพวกเด็กรุ่นหลังเหล่านั้นว่า “ใครก็อย่าได้พูดจาไร้สาระ แค่ยกเหล้ามาวางบนโต๊ะก็พอ”

เฉินผิงอันหันไปผงกศีรษะทักทายลี่ไฉ่ ลี่ไฉ่คลี่ยิ้มแล้วก็พยักหน้ากลับคืน

คิดไม่ถึงว่าหวงถงบรรพจารย์ของสำนักกระบี่ไท่ฮุยกลับเป็นฝ่ายหันมาส่งยิ้มให้เฉินผิงอันก่อน เฉินผิงอันจึงได้แต่กุมหมัดคารวะ แต่ไม่ได้เอ่ยคำใด

หลังจากนั่งลงแล้ว ต่งซานเกิงก็ชำเลืองตามองกลอนคู่ที่หน้าประตูแวบหนึ่ง ก่อนจุ๊ปากเอ่ยว่า “กล้าเขียนจริงๆ ยังดีที่ตัวอักษรเขียนได้ไม่เลว ถึงอย่างไรก็ดีว่าตัวอักษรไส้เดือนเลื้อยของอาเหลียงอยู่มากนัก”

หน้าผากของเตี๋ยจ้างมีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดซึมออกมาอย่างที่นางมิอาจควบคุมได้แล้ว

เฉินซานชิวกับเยี่ยนจั๋วก็รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

ช่วยไม่ได้ เวลาอยู่กับต่งซานเกิง พวกเขาโดนด่าแค่คำเดียวยังไม่นับว่าเป็นอะไร เพราะผู้อาวุโสเซียนกระบี่ส่วนใหญ่ในครอบครัวของพวกเขาล้วนโดนอีกฝ่ายซ้อมอย่างหนักมาแล้วทั้งนั้น

คนที่ยังนับว่าสุขุมเป็นตัวของตัวเอง ก็คงมีแค่เฉินผิงอันและหนิงเหยาแล้ว

ต่งซานเกิงดื่มเหล้าหมดหนึ่งกาก็ลุกขึ้นจากไป เซียนกระบี่ในท้องถิ่นของกำแพงเมืองปราณกระบี่อีกสองท่านก็ขอตัวลาไปเช่นกัน

หานไหวจื่อ หวงถงและต่งลี่ที่มาจากอุตรกุรุทวีปเหมือนกันยังนั่งอยู่ต่อ

เฉินผิงอันบอกให้เตี๋ยจ้างเอาเหล้าดีๆ จากในร้านมาเพิ่มอีกหนึ่งไห เขาเป็นคนถือไปที่โต๊ะด้วยตัวเอง “ผู้น้อยเฉินผิงอันคารวะเจ้าสำนักหาน เจ้าสำนักลี่ เซียนกระบี่หวง”

ลี่ไฉ่ยิ้มตาหยีเอ่ย “หวงถง ฟังเข้าสิ ข้าอยู่หน้าเจ้า นี่ก็คือจุดจบของคนที่ไม่ได้เป็นเจ้าสำนัก”

เฉินผิงอันรู้สึกจนใจเล็กน้อย

เซียนกระบี่ลี่ไฉ่ ท่านช่างไม่มีคุณธรรมในยุทธภพเอาเสียเลย

คิดไม่ถึงว่าหวงถงจะยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “ข้าอยู่ด้านหลังเจ้าสำนักลี่ก็ดีมากนี่นา จะบนหรือล่างก็ได้หมด”

เฉินผิงอันที่เพิ่งจะนั่งลงเกือบพลัดตกเก้าอี้ เขาไม่มัวสนมารยาทอะไรอีกแล้ว รีบดื่มเหล้าระงับความตกใจทันที

ก่อนหน้านี้เดินทางท่องอยู่ในอุตรกุรุทวีป ไม่เห็นจะเคยได้ยินเลยว่าเซียนกระบี่ของสำนักกระบี่ไท่ฮุยท่านนี้มีนิสัยเช่นนี้

เหตุใดฉีจิ่งหลงถึงไม่เคยพูดถึงสักคำ? หรือเลี่ยงจะพูดถึงเพื่อแสดงความเคารพ?

ดูท่าวิชากระบี่ของหวงถงต้องไม่ต่ำอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นอยู่ที่อุตรกุรุทวีป ไหนเลยจะสามารถเลื่อนขั้นเป็นห้าขอบเขตบนได้

ลี่ไฉ่หัวเราะเสียงเย็น “ขอให้เจ้าที่เดินทางบนเรือข้ามทวีปครั้งนี้จมน้ำตายกลางทาง กลายไปเป็นอาหารปลา”

หวงถงหัวเราะร่าเสียงดัง ไม่โกรธเคืองแม้แต่น้อย กลับกันยังอารมณ์ดีอย่างมาก

ระหว่างนี้เฉินผิงอันดื่มเหล้าอยู่เงียบๆ ตลอดเวลา

รอจนเจ้าสำนักของอุตรกุรุทวีปทั้งสองท่านอย่างลี่ไฉ่และหานไหวจื่อเดินเคียงไหล่จากไปบนถนนที่เงียบสงบกลางดึกแล้ว

เฉินผิงอันก็ลุกขึ้นยืน ตะโกนว่า “เจ้าสำนักทั้งสองท่าน”

หานไหวจื่อพูดกลั้วหัวเราะเบาๆ “อย่าหันกลับไป”

คิดไม่ถึงว่าลี่ไฉ่จะหันหน้ากลับไปถามแล้ว “มีเรื่องอะไรหรือ?”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เงินค่าเหล้า”

ลี่ไฉ่ถามหานไหวจื่อ กล่าวอย่างสงสัยว่า “ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ ดื่มเหล้าต้องจ่ายเงินด้วยหรือ?”

หานไหวจื่อพูดด้วยสีหน้าเป็นธรรมชาติ “ไม่รู้สิ”

ลี่ไฉ่ขมวดคิ้ว “บันทึกลงในบัญชีของเจียงซ่างเจินได้ตามสบาย เงินเกล็ดหิมะหนึ่งเหรียญเจ้าก็ลงไว้เป็นเงินร้อนน้อยหนึ่งเหรียญไปเลย!”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม

เซียนกระบี่สองท่านเดินหน้าต่อไปช้าๆ

ลี่ไฉ่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ตามหลักแล้ว ด้วยนิสัยของเฉินผิงอันไม่ควรเป็นแบบนี้ถึงจะถูก นางจึงหันหน้ากลับไปมองอีกครั้ง

คนหนุ่มสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ กำลังมองมายังพวกเขาสองคน พอเห็นว่าลี่ไฉ่หันหน้ากลับมา เขาถึงจะนั่งกลับลงไปที่โต๊ะ

ก็ดีเหมือนกัน ค่าเหล้าคืนนี้ก็ลงไว้ในบัญชีของเถ้าแก่รองอย่างเขารวดเดียวหมดเลยแล้วกัน

กับหนิงเหยา กับสหาย บวกกับเซียนกระบี่ผู้เฒ่าต่งซานเกิงและเซียนกระบี่ในพื้นที่สองท่าน และกับหานไหวจื่อ ลี่ไฉ่และหวงถง

จนกระทั่งบัดนี้ ในที่สุดเฉินผิงอันก็เริ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุใดร้านเหล้าน้อยใหญ่ในกำแพงเมืองปราณกระบี่ถึงยินดีให้คนที่มาดื่มเหล้าเชื่อค่าเหล้าเอาไว้ก่อน

ดังนั้นกฎที่ห้ามติดเงินของร้าน คงยังต้องเปลี่ยนแปลงสักหน่อยกระมัง

เพราะถึงอย่างไรเหล้าของที่ร้านตนก็ราคาถูก แต่หากมีคนดื่มเหล้าแล้วไม่จ่ายเงิน…ก็ได้เหมือนกัน ก็ถือเสียว่าเหลือค้างไว้ก่อน

ให้เป็นว่ามียืมมีคืน คืนช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร

หานไหวจื่อใช้เสียงในใจยิ้มกล่าวว่า “คนหนุ่มผู้นี้ไม่มีเรื่องก็เลยหาเรื่องชวนคุย คงเพราะรู้สึกว่าคุยกันให้มากขึ้นสักประโยคสองประโยคก็ถือเป็นเรื่องดี”

ลี่ไฉ่เอ่ยอย่างระอาใจว่า “นี่มันเรื่องอะไรกับอะไรของเจ้า?”

หานไหวจื่อครุ่นคิด แล้วก็ให้คำตอบมาจริงๆ ว่า “เรื่องผู้ฝึกกระบี่กับผู้ฝึกกระบี่”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!