กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 584

แม่นางน้อยออกมาจากจวนหนิงด้วยใบหน้าที่เขียวช้ำจมูกบวม แต่ก็ยังกระโดดโลดเต้นได้ ตอนที่เดินออกจากประตูยังถามว่าพี่หญิงหนิงอยากกินขนมหรือไม่ อีกทั้งยังตบอกรับรองว่าจะบอกกับคนที่บ้านว่า เป็นเพราะตนเดินไม่ดูทางก็เลยสะดุดล้ม ผลคืออยู่ดีๆ ก็ถูกพี่หญิงหนิงจับหัวเล็กๆ กระแทกเข้ากับประตูใหญ่อีกหนึ่งที

กวอจู๋จิ่วที่มึนๆ งงๆ ออกมาจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของการเรียนวิชาหมัดแห่งนั้นเพียงลำพัง นางเดินอยู่บนถนนใหญ่อย่างน่าสงสาร ลูบใบหน้าตัวเอง ฝ่ามือเต็มไปด้วยเลือดกำเดา นางจึงเช็ดมันกับเสื้อผ้าบนร่าง แม่นางน้อยเงยหน้าขึ้นสูง เดินไปข้างหน้าช้าๆ ในใจคิดว่าฝึกวิชาหมัดไม่ง่ายเลยจริงๆ แต่นี่เป็นเรื่องดีนะ การฝึกวิชาหมัดล้ำโลกในใต้หล้านี้ไหนเลยจะเรียนเป็นกันได้ง่ายๆ ขนาดนั้น? รอให้ตนเรียนจนสำเร็จเจ็ดแปดส่วนแล้ว พี่หญิงหนิงนั้นช่างเถิด เพราะอาจารย์แม่ย่อมใหญ่ที่สุด แล้วก็ไม่แน่เสมอไปว่าอาจารย์จะเข้าข้างตน ถ้าอย่างนั้นนางก็จะยอมอดทนแล้วกัน แต่สาวเทื้อที่ขายไม่ออกอย่างต่งปู้เต๋อนั่น วันหน้าเวลาเดินตอนกลางคืน ก็คงต้องกลัดกลุ้มซะแล้วล่ะ

แม่นางน้อยที่ห้อยแท่นฝนหมึกทรงสีเหลี่ยมสีเขียวมรกตไว้ตรงเอวแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีครามไร้เมฆกว้างไกลหมื่นลี้นั้นอยู่ตลอดเวลา นางพยักหน้ากับตัวเองเบาๆ วันนี้คือวันดีนะ

วันนี้เฉินผิงอันกับหนิงเหยาเดินเล่นไปถึงที่ร้านของเตี๋ยจ้างด้วยกัน

ในอดีตเวลาที่คนทั้งสองฝึกหลอมลมปราณ พอถึงช่วงเวลาหยุดพักของแต่ละคนก็ไม่แน่เสมอไปว่าจะต้องมาเจอกัน ส่วนใหญ่มักจะเป็นเฉินผิงอันที่ไปร้านเหล้าของเตี๋ยจ้างเพียงลำพัง

วันนี้เห็นได้ชัดว่าหนิงเหยาตั้งใจหยุดการฝึกตนกลางคัน เพราะต้องการจะไปที่ร้านพร้อมกับเฉินผิงอัน

เฉินผิงอันเองก็ไม่ได้คิดอะไรมาก

ตอนที่เดินผ่านร้านเหล้าบนถนนที่กิจการไม่รุ่งเรืองเท่าร้านของตน เฉินผิงอันมองคำโคลงคู่และบทกลอนเดี่ยวน้อยใหญ่ทั้งหลายแล้วก็เอ่ยกับหนิงเหยาเบาๆ ว่า “ตัวอักษรเขียนสวยสู้ข้าไม่ได้ ความหมายก็ยิ่งห่างชั้นไกลโข ว่าไหม?”

หนิงเหยาเอ่ย “มีเหลาสุราขนาดใหญ่แห่งหนึ่งเชิญให้ลูกศิษย์ที่ได้รับการบันทึกชื่อของอริยะลัทธิขงจื๊อ คือวิญญูชนคนหนึ่งของสำนักศึกษา ให้มาเขียนคำกลอนคู่และเดี่ยวให้ด้วยตัวเอง”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “นี่ก็คือคัมภีร์การค้าชั้นหยาบที่เรียนรู้ไปได้แค่งูๆ ปลาๆ เท่านั้น ไม่มีทางทำสำเร็จหรอก ข้ากล้าเดิมพันเลยว่า หากกิจการของที่ร้านไม่แย่ลงกว่าเดิม เถ้าแก่ของที่นั่นก็ควรจุดธูปไหว้พระแล้ว อย่าได้หวังว่าลูกค้าจะรับน้ำใจ ร้านขายเหล้าน้อยใหญ่เจ็ดสิบกว่าร้านของที่นี่ ทุกคนต่างก็ขายเหล้า เหล้าหมักตระกูลเซียนของใต้หล้าไพศาลมีเป็นร้อยชนิด อยากดื่มเหล้าอะไรก็ล้วนไม่ยาก แต่สืบสาวราวเรื่องกันแล้ว สรุปว่าขายอะไร?”

หนิงเหยาถาม “ขายอะไร?”

เฉินผิงอันเพียงยิ้มไม่เอ่ยคำใด ยังคงมองประเมินเนื้อหาของคำโคลงคู่ที่เหมือนแม่นางน้อยขี้อายเหล่านั้นต่อไป

หนิงเหยาเอ่ย “ไม่บอกก็ช่าง”

เฉินผิงอันจึงรีบกล่าวว่า “แน่นอนว่าต้องการให้คนที่ซื้อเหล้า คนที่มาดื่มเหล้าของข้า ไม่ใช่เซียนกระบี่แต่เหนือกว่าเซียนกระบี่ เป็นเซียนกระบี่แล้วก็เก่งกาจกว่าเซียนกระบี่ ร้านเล็กๆ ม้านั่งโต๊ะเหล้าล้วนทำขึ้นอย่างหยาบๆ แต่กลับไร้พันธนาการ จอกเหล้าเล็กๆ ฟ้าดินกลับกว้างใหญ่ ดังนั้นเตี๋ยจ้างบอกว่าเพื่อให้หาเงินมาได้มากขึ้นก็จะต้องเปลี่ยนโต๊ะเปลี่ยนม้านั่งใหม่เอี่ยมเลียนแบบพวกเหลาสุราขนาดใหญ่ นี่เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้เด็ดขาด เจ้าอ้วนเยี่ยนเสนอว่าเขาจะเอาเงินส่วนตัวมาร่วมหุ้นด้วย เอาร้านผ้าแพรขนาดใหญ่ในนามของเขาที่กิจการไม่รุ่งเรืองนักมาเข้าร่วม แต่ก็ถูกข้าปฏิเสธไปโดยตรง หนึ่งเพราะจะทำลายฮวงจุ้ย ทำลายเอกลักษณ์ที่มเฉพาะของร้านเหล้าในตอนนี้ไป อีกอย่างนครแห่งนี้ของพวกเราก็ไม่ถือว่าเล็กแล้ว มีคนหลายหมื่นคน นับจำนวนสตรีที่มีถึงครึ่งหนึ่ง เขาจะขายผ้าไหมผ้าแพรต่วนไม่ออกเลยหรือ? ดังนั้นข้าจึงคิดว่าจะพูดกับเจ้าอ้วนเยี่ยนอีกสักหน่อยว่าอย่าเอาเงินเขามาเข้าร่วมร้านเรา และอย่าให้พวกเราออกเงินเข้าร่วมร้านผ้าแพรของเขาอีกเลย สองร้านนี้ คนที่ยินดีควักเงินจ่ายที่แท้จริง นอกจากผู้ฝึกกระบี่ที่ชอบดื่มเหล้าแล้วก็คือสตรีที่ชอบให้คนชื่นชมการแต่งกายของตัวเอง และกลอนคู่บทใหม่ของร้านผ้าแพรนั่น ข้าก็คิดคร่าวๆ มาไว้เรียบร้อยแล้วด้วย…”

หนิงเหยาเอ่ยเนิบช้าว่า “อาเหลียงเคยบอกว่า บุรุษฝึกกระบี่ อาศัยแค่พรสวรรค์ก็กลายเป็นเซียนกระบี่ได้ แต่หากคิดอยากจะเป็นบุรุษที่ดีที่เข้าใจคนอื่นเช่นเขา หากไม่เคยเจ็บปวดกับความรักเพราะคำพูดที่ดุจกระบี่ทิ่มแทงใจจากสตรีมาก่อน ไม่เคยต้องทุกข์ทรมานกับความรักเพราะสตรีจากไปไกลไม่หวนคืนมา ไม่เคยดื่มเหล้าร้อยจินพันจินเพราะความคิดถึงคะนึงหา ก็อย่าได้หวังเลย”

เฉินผิงอันหันกลับมามองหนิงเหยา กะพริบตาปริบๆ เอ่ยว่า “พูดถูกนะ สิบปีที่ผ่านมา ในใจคิดถึงคนคนหนึ่งตลอดเวลา อยู่ห่างไกลแสนไกล แม้แต่กระบี่บินของเซียนก็ยากจะไปได้ถึง มีเพียงฝึกหมัดดื่มเหล้าให้คลายทุกข์เท่านั้น”

นาทีถัดมา เฉินผิงอันก็พลันตะลึงลานทำอะไรไม่ถูก

สีหน้าของหนิงเหยาหม่นหมองอย่างไม่ปิดบัง

ในดวงตาของนางคู่นั้นเหมือนมีถ้อยคำที่อยากจะพูด แต่ไม่กล้าพูดออกมา นางพูดไม่เก่ง จึงไม่เคยเอ่ยอะไร เพราะนางไม่เคยรู้ว่าควรจะพูดจาหวานๆ อย่างไร

เมื่อก่อนเด็กหนุ่มรองเท้าเตะที่ต้องฝึกหมัดหนึ่งล้านครั้งถึงจะเดินทางมาถึงภูเขาห้อยหัวก็พูดไม่เก่งเช่นเดียวกับนาง นางจึงไม่ได้รู้สึกอะไร ราวกับว่าก็ควรเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เจ้าไม่พูดข้าไม่เอ่ย แต่ก็รู้กันอยู่ในใจ

เฉินผิงอันยื่นนิ้วโป้งมาลูบขนคิ้วของหนิงเหยาเบาๆ เอ่ยเสียงแผ่วว่า “อย่าไม่มีความสุขเลย คลายหัวคิ้วออกเถอะนะ”

หนิงเหยาเอ่ย “ก็ข้าไม่มีความสุข”

เฉินผิงอันก้มตัวลง อุ้มหนิงเหยาขึ้นมาแล้วเริ่มออกวิ่ง

หนิงเหยาทำอะไรไม่ถูก

เฉินผิงอันอุ้มนางวิ่งจนไปถึงร้านเหล้าของเตี๋ยจ้าง ผู้ฝึกกระบี่น้อยใหญ่หลายสิบคนที่ทั้งนั่งอยู่บนโต๊ะและนั่งยองอยู่กับพื้น แต่ละคนล้วนมองตาค้าง

ในจำนวนนั้นยังมีเด็กสาวอีกไม่น้อย ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ที่มาเยือนเพราะได้ยินชื่อเสียงมานาน พอเห็นภาพเหตุการณ์นี้ก็ไม่ได้คิดอะไร เพียงแต่สายตาของแต่ละคนกลับเรืองรอง สตรีบางคนใจกล้าหน่อยก็กระดกเหล้าดื่มอึกใหญ่แล้วผิวปากหวืออย่างคุ้นเคย

เฉินผิงอันวางหนิงเหยาลงแล้วโบกมือ “ค่าเหล้าที่ยังไม่จ่าย ลดเก้าส่วนทั้งหมด!”

จากนั้นเฉินผิงอันก็เอ่ยเสริมอีกว่า “คำพูดของเถ้าแก่รองอาจจะไม่ได้ผลเสมอไป ทุกอย่างอิงตามความต้องการของเถ้าแก่ใหญ่เตี๋ยจ้าง”

พวกนักดื่มพากันหันไปมองเตี๋ยจ้างอย่างพร้อมเพรียงกัน เตี๋ยจ้างพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นก็ลดเก้าส่วน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!