กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 589

ก็โชคดีที่ตลอดทั้งกำแพงเมืองปราณกระบี่ตกอยู่ในสภาวะหยุดค้างของแม่น้ำกาลเวลา ไม่อย่างนั้นลำพังเพียงแค่ประโยคนี้ของสตรีร่างสูงใหญ่ ก็มากพอจะทำให้จิตแห่งกระบี่ของเซียนกระบี่ไม่น้อยเกิดความไม่มั่นคงได้แล้ว

แน่นอนว่าอย่างจั่วโย่วที่อยู่ใกล้ ใต้เท้าอิ่นกวานที่อยู่ห่างไกลออกไป หรือต่งซานเกิงก็สามารถไม่ถูกพันธนาการได้ เพียงแต่ว่าไม่อาจสัมผัสได้ถึงความเคลื่อนไหวของทางฝั่งเฉินชิงตูแม้แต่น้อย เพราะการกระทำเช่นนี้ของเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโส หากมีคนกล้าลงมือกระทำบางอย่างโดยพลการ นั่นก็เท่ากับว่าต้องการถามกับกระบี่เฉินชิงตู เฉินชิงตูไม่เคยเกรงใจใคร เซียนกระบี่ที่ตายภายใต้ปราณกระบี่ของเฉินชิงตูไม่ได้มีแค่ต่งกวานพู่ของเมื่อสิบปีก่อนคนเดียว

คนที่ได้เห็นเฉินชิงตูออกกระบี่ย่อมใกล้จะได้เป็นเซียนกระบี่

ประโยคนี้ไม่ใช่ประโยคล้อเล่นขำขันอะไรทั้งนั้น

เฉินชิงตูไม่โมโหแม้แต่น้อย เขาหัวเราะ กระโดดขึ้นไปบนหัวกำแพงแล้วนั่งขัดสมาธิ ทอดสายตามองไปยังฟ้าดินกว้างใหญ่ที่อยู่ทางทิศใต้ ถามว่า “ศาลบุ๋นลัทธิขงจื๊อกล้าให้เจ้ามายืนอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? ไม่มีทางที่อริยะปราชญ์กลุ่มนี้จะไม่รู้ผลลัพธ์ที่ตามมา หรือว่าซิ่วไฉเฒ่าช่วยรับประกันให้เจ้า? ใช่แล้ว ซิ่วไฉเฒ่าเพิ่งจะสร้างคุณความชอบครั้งใหญ่ คงต้องเหนื่อยเปล่าอีกแล้ว เพื่อลูกศิษย์คนสุดท้ายของตัวเอง แม้แต่คุณความชอบเขาก็ยังสละได้จริงๆ”

บนหัวกำแพงเมือง หนึ่งนั่งหนึ่งยืน สูงต่ำมีความต่าง

นางขมวดคิ้ว เอ่ยเนิบช้าว่า “เฉินชิงตู ฝึกตนนานหมื่นปี ความใจกล้าก็ถูกฝึกให้ใหญ่ขึ้นได้ไม่น้อย”

เฉินชิงตูยิ้มกล่าว “ไม่ได้พูดกับผู้อาวุโสมานานมากแล้ว โอกาสหาได้ยาก โดนด่าแค่ไม่กี่คำจะนับเป็นอะไรได้”

นางเพียงแค่ยืนอยู่ตรงนี้ครู่เดียวก็รู้ความลับที่บางทีแม้แต่อริยะสามลัทธิและเซียนกระบี่มากมายก็ล้วนไม่อาจล่วงรู้ได้แล้ว จึงส่ายหน้าเอ่ยว่า “น่าสงสาร หากรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ตั้งแต่แรก ไยคราแรกต้องทำเช่นนั้น เคยนึกเสียใจภายหลังบ้างหรือไม่?”

เฉินชิงตูพยักหน้ารับ “หากพูดถึงแค่เฉินชิงตูก็รู้สึกเสียใจจนนับครั้งได้ไม่ถ้วนเลยล่ะ ปีนั้นอันที่จริงคนอย่างเฉินชิงตูยังมีทางอื่นให้เลือกเดิน ฟ้าดินไร้พันธนาการ ถึงขั้นสามารถเอาชนะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่บนโลกได้ด้วยซ้ำ แต่ปีนั้นเฉินชิงตูก็ยังจะเลือกสะพายกระบี่เดินขึ้นสู่ที่สูง ถามกระบี่แก่สวรรค์ด้วยความฮึกเหิมร่วมกับคนบนเส้นทางเดียวกันที่มีมากมาย ต่อให้ตายไปก็ไม่รู้สึกเสียใจภายหลัง ถ้าเช่นนั้นเฉินชิงตูคนหนึ่งจะเสียใจหรือไม่เสียใจก็ไม่ได้สำคัญอะไรอีกแล้ว”

เฉินชิงตูเงยหน้าขึ้น “ผู้อาวุโสเคยเสียใจภายหลังหรือไม่?”

สตรีร่างสูงใหญ่ที่ใช้ฝ่ามือดันด้ามกระบี่เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบไม่ตรงคำถามว่า “ช่องโพรงที่มีปราณกระบี่สามเส้นนั้นอยู่ เจ้ามองไม่ออกเลยหรือ?”

เฉินชิงตูตอบ “พอจะมองเบาะแสบางอย่างออกได้บ้าง ก็แค่ไม่กล้าเชื่อเท่านั้น ขณะเดียวกันเฉินชิงตูเองก็กังวลว่านั่นจะเป็นแผนลึกล้ำยาวไกลของลัทธิขงจื๊อ”

เฉินชิงตูเงยหน้ามองม่านฟ้า พูดอย่างสะท้อนใจว่า “ก่อนหน้าเด็กคนนั้น คนที่ผู้อาวุโสคอยอยู่เคียงข้างสูงส่งถึงเพียงใด มีวีรกรรมยิ่งใหญ่แค่ไหน ตรงนี้หนึ่งกระบี่ ตรงนั้นอีกหนึ่งกระบี่ แค่โบกกระบี่ง่ายๆ โครงกระดูกของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็กองทับถมกันเป็นภูเขา กลายเป็นถ้ำสวรรค์พื้นที่มงคลแต่ละแห่งที่ปริแตกออกมา แต่ภายกลังกลับกลายมาเป็นเด็กหนุ่มที่ธรรมดาคนหนึ่ง มีคุณสมบัติของเซียนดิน แต่สะพานแห่งความเป็นอมตะกลับขาดสะบั้น ตอนนั้นคือผู้ฝึกยุทธขอบเขตสามหรือขอบเขตสี่นะ? ผู้อาวุโสจะให้เฉินชิงตูยอมเชื่อได้อย่างไร? ตอนนี้ข้าคิดร้อยรอบก็ยังไม่เข้าใจว่าเหตุใดท่านถึงเลือกเฉินผิงอัน ดังนั้นข้าจึงแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น แล้วก็เพราะรอคอยวันนี้ ข้าหวังว่าชีวิตนี้ของเฉินชิงตู ยามที่สติปัญญาเปิดโล่ง จะได้พบผู้อาวุโส ยามที่ใกล้จะตาย สิ่งสุดท้ายที่มองเห็น ก็คือได้พบท่านอีกครั้ง”

บนใบหน้าของเฉินชิงตูประดับรอยยิ้มบางๆ ยื่นสองนิ้วมาประกบกันแล้วปาดออกไปในแนวขวางเบื้องหน้าเบาๆ ทันใดนั้นจุดที่ห่างไปไกลอย่างถึงที่สุดก็พลันมีแม่น้ำปราณกระบี่สายยาวปรากฏวาบขึ้นมา แต่กลับไม่ใช่เส้นตรงที่ทอดขวาง เป็นเส้นบิดๆ เบี้ยวๆ หากมองจากท้องนภาลงมายังโลกมนุษย์ก็เหมือนแม่น้ำยาวสายหนึ่ง

เฉินชิงตูยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “วิชากระบี่ที่เฉินชิงตูเล่าเรียนเมื่อครั้งแรกเริ่มสุดก็เป็นเช่นนี้ บอกตามตรง ผู้ฝึกกระบี่ในทุกวันนี้จิตแห่งกระบี่ขุ่นมัว จิตแห่งเต๋าไม่แจ่มชัด ไม่มีคุณสมบัติเหมือนกับคนรุ่นของพวกเราที่เพียงมองแค่ครั้งเดียวก็รู้และเข้าใจมหามรรคา”

กระบี่นี้พุ่งลงบนฟ้าดินของใต้หล้าเปลี่ยวร้างที่อยู่ใกล้กับกำแพงเมืองปราณกระบี่ คาดว่าคงชักนำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนที่ไม่น้อย

ยกตัวอย่างเช่นผู้คนคงคาดเดากันว่านี่จะเป็นครั้งแรกของตลอดเวลาหลายหมื่นปีที่เฉินชิงตูจะเดินลงจากกำแพงเมืองปราณกระบี่มาถามกระบี่แก่ตลอดทั้งใต้หล้าเปลี่ยวร้างหรือไม่

นางเอ่ยถาม “เจ้ากำลังโอ้อวดฝีมืออันอ่อยด้อยต่อหน้าข้าอย่างนั้นหรือ?”

เฉินชิงตูยิ้มกล่าว “มีหรือจะกล้า”

จากนั้นในที่สุดผู้เฒ่าที่มีอายุยาวนาน เซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสในสายตาของทุกคนในกำแพงเมืองปราณกระบี่ท่านนี้ก็พอจะมีมาดที่เฉินชิงตูควรจะมีบ้าง “แล้วนับประสาอะไรกับที่ทุกวันนี้ เวทกระบี่ของผู้น้อยก็ไม่ถือว่าต่ำแล้วจริงๆ เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน หากคิดเป็นศัตรูกับพวกผู้อาวุโส แน่นอนว่าคงไม่มีโอกาสจะชนะ ตอนนี้หากมีโอกาสเดินทวนกระแสน้ำแห่งกาลเวลา พากระบี่บุกรุดหน้า ไปเยือนสนามรบของปีนั้น…”

ไม่เห็นว่านางเคลื่อนไหวอย่างไร แต่กระบี่ยาวกลับโน้มเอียงลง ลอยตัวอยู่กลางอากาศ ปลายกระบี่ชี้ไปยังเฉินชิงตูที่นั่งอยู่ด้านข้าง

ต่อให้ปลายกระบี่จะอยู่ห่างจากศีรษะแค่สามชุ่น เฉินชิงตูก็ยังนิ่งเฉยไม่สะทกสะท้าน ตรงปลายกระบี่มีแสงขนาดเท่าเมล็ดงาจุดหนึ่งมารวมตัวกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!