เฉินชิงตูยื่นมือออกมาจับกลุ่มแสงที่อยู่ตรงปลายกระบี่ เอ่ยว่า “มากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ปณิธานกระบี่ที่บริสุทธิ์พวกนี้ ผู้อาวุโสสามารถเอาไปได้ทั้งหมดเลย ถือเป็นการชดใช้ที่ผู้น้อยถ่วงเวลาการขัดเกลาคมกระบี่ของผู้อาวุโสให้ล่าช้า หากมากกว่านี้อีก ข้าก็ไม่ถือสา เพียงกลัวก็แต่ว่าหลังจบเรื่องเฉินผิงอันรู้เข้าจะรู้สึกไม่ดี”
นางขมวดคิ้ว เก็บกระบี่ยาวลงไป แสงสว่างกลุ่มนั้นหายวับเข้าไปในปลายกระบี่แล้วไหลวนไปอยู่บนตัวกระบี่อย่างเชื่องช้า นางกลับมาอยู่ในท่ากุมด้ามกระบี่อีกครั้ง เฉินชิงตูหันหน้าไปมอง ยิ้มกล่าวว่า “ตอนนี้เมื่อผู้อาวุโสหันมามองโลกมนุษย์อีกครั้ง ท่านมีความรู้สึกเช่นไร?”
นางหัวเราะเสียงเย็น “เล็กเกินไป”
เฉินชิงตูพยักหน้ารับ “ก็จริง ดวงดาวและดวงตะวันจันทราในอดีต เมื่ออยู่ภายใต้แสงกระบี่ของผู้อาวุโสก็ยังหม่นหมองไร้สีสัน หรือควรจะพูดอีกอย่างหนึ่งว่า คนที่สร้างธารดวงดาวพร่างพราวในทุกวันนี้ขึ้นมาก็คือบุคคลอย่างพวกท่านผู้อาวุโส”
ดวงดาวนับหมื่นบนท้องฟ้า ล้วนเป็นซากโครงกระดูกที่ล่องลอย
เฉินชิงตูลุกขึ้นยืน เรือนกายงองุ้มราวกับว่าไม่อาจแบกรับภาระหนักได้ หมื่นปีที่ผ่านมานี้เขาไม่เคยยืดหลังตั้งตรงอย่างแท้จริงมาก่อน
ผู้ฝึกกระบี่ในใต้หล้าทั้งหลาย นอกจากเซียนกระบี่ใหญ่จำนวนน้อยนิดในโลกมนุษย์แล้ว ทุกคนล้วนไม่เคยมีใครรู้ว่าหากย้อนกลับขึ้นไปหาจุดกำเนิด เวทกระบี่บนโลกนี้ล้วนมาจากฟากฟ้า
ต่อจากนั้นมาถึงจะเป็นวิชาอภินิหารนับพันนับหมื่นอย่างที่ถูกกระบี่ยาวซึ่งมีจุดกำเนิดมาจากโลกมนุษย์ฟันผ่าให้ร่วงลงมาสู่โลกพร้อมกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละฝ่าย ถูกมดตัวน้อยบนพื้นดินในโลกที่เดิมทีมีชีวิตอย่างทุกข์ทรมานยากลำบากเก็บเอามาทีละอย่าง จากนั้นถึงได้มีการฝึกตนเพื่อเดินสู่ที่สูง กลายเป็นเซียนบนภูเขา
จากหุ่นเชิดที่เป็นเพียงแค่ต้นกำเนิดของควันธูป จากสัตว์เดรัจฉานที่ถูกสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายเลี้ยงเอาไว้ พลันแปรเปลี่ยนกลายมาเป็นเจ้าของใต้หล้า นั่นคือช่วงเวลาที่ยาวนานและเต็มไปด้วยความลำบากทุกข์ทรมานช่วงหนึ่ง
เฉินชิงตูก็คือหนึ่งในคนแรกๆ ของโลกมนุษย์ที่เรียนวิชากระบี่ คือผู้ฝึกกระบี่เปิดขุนเขาที่มีวัยวุฒิสูงที่สุด สุดท้ายจึงสามารถร่วมมือกันบุกเบิกเปิดม่านฟ้า การที่กระบี่คือกระบี่ อีกทั้งเหตุใดถึงมีเพียงพลังพิฆาตของผู้ฝึกกระบี่ที่รุนแรงที่สุด ยิ่งใหญ่เหนือฟ้าดิน ก็คือเหตุผลข้อนี้
เพียงแต่ว่าช่วงหลังของสงครามใหญ่ที่ต่อสู้กันจนฟ้าถล่มแผ่นดินทลายครั้งนั้น ภายในของเผ่ามนุษย์เกิดความแตกแยก ผู้ฝึกกระบี่กลายมาเป็นนักโทษอาญา ถูกเนรเทศมาถึงกำแพงเมืองปราณกระบี่ เผ่าปีศาจถูกขับไล่ให้ไปอยู่ดินแดนกันดารเปลี่ยวร้าง ใต้หล้าไพศาลมีศาลบุ๋นของแผ่นดินกลางที่สร้างหอพิทักษ์เมืองขึ้นมาเก้าแห่ง ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางฟ้าดิน นักพรตน้อยขี่วัวสีดำเดินทางไกลไปยังใต้หล้ามืดสลัว สร้างรากฐานของป๋ายอวี้จิง ศาสดาพุทธมีดอกบัวเบ่งบานรองรับใต้ฝ่าเท้า แสงแห่งพระธรรมสาดส่องไปทั่วปฐพี
การสูญพันธ์ของเจียวหลงเมื่อแปดพันปีก่อน เมื่อเทียบกับเรื่องนี้จะนับเป็นอะไรได้
เฉินชิงตูถามเสียงเบา “เหตุใดผู้อาวุโสถึงยินดีเลือกเด็กคนนั้น?”
นางเอ่ยว่า “ฉีจิ้งชุนบอกว่าหมื่นหนึ่งของคนบางคนก็คือหนึ่งหมื่น อยากให้ข้าลองดู”
เฉินชิงตูถามอีก “ต้องผิดหวังอีกครั้งหรือไม่?”
นางยกกระบี่ขึ้นง่ายๆ แล้วจ้วงแทงกระบี่ออกไป
กระบี่แทงทะลุศีรษะของเฉินชิงตู แสงสีทองไหลรินออกมาจากตัวของกระบี่ ราวกับทางช้างเผือกเส้นเล็กๆ ที่ห้อยแขวนอยู่ในโลกมนุษย์
เฉินชิงตูยังคงไม่ขยับ เพียงแค่เอ่ยอย่างปลงอนิจจังว่า “นิสัยของผู้อาวุโสยังคงไม่ค่อยดีเท่าไรจริงๆ”
นางเอ่ย “นี่ถือว่าดีขึ้นมากแล้ว”
เฉินชิงตูขยับเท้าเดินเบี่ยงออกไปสองสามก้าวหลบกระบี่เล่มนั้นมา ยิ้มกล่าวว่า “ถ้าอย่างนั้นเหตุใดตอนนั้นผู้อาวุโสถึงต้องใช้กระบี่ฟันผ่าภูเขาห้อยหัว?”
หากไม่เป็นเพราะหย่าเซิ่งลงมือขัดขวางด้วยตัวเอง อีกทั้งยังเผยตัวในสถานที่ที่อยู่นอกศาลบุ๋นอย่างหาได้ยาก คาดว่าตอนนี้ภูเขาห้อยหัวก็คงพังถล่มไปแล้ว
นางเอ่ย “ตอนนั้นนายท่านหมดสติ ข้าสามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเอง”
เฉินชิงตูกล่าวอย่างจนใจ “ไม่ว่าอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเจ้านายของผู้อาวุโสจะเป็นเฉินผิงอัน เพียงแต่ว่าลองมาคิดดูอีกครั้งก็เหมือนว่าหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น กลับกลายเป็นว่าไม่ถูกต้อง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ถูกต้อง หากเปลี่ยนมาเป็นคนอื่น ใครกันแน่ที่เป็นเจ้านายก็คงบอกได้ยากแล้วจริงๆ”
เฉินชิงตูพลันหัวเราะ “หมากตัวสุดท้ายที่ฉีจิ้งชุนวางลงนี้ จะเป็นฝีมือของเทพเซียนแบบใดกันแน่นะ”
นางเอื้อมมือคว้าง่ายๆ แสงสีทองในตัวกระบี่ก็ถูกกระชากออกมา กลับมารวมตัวกันเป็นกลุ่มแสงที่สว่างพร่างพราวอีกครั้ง ถูกนางกุมไว้ในฝ่ามือแล้วบีบแตกอย่างง่ายดาย นางหัวเราะเสียงหยันเอ่ยว่า “มอบปณิธานกระบี่ให้? เจ้าเฉินชิงตูเนี่ยนะ?”
เฉินชิงตูพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ไม่เอ่ยคำใด
นางประกบสองนิ้วเข้าด้วยกัน ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ข้าจะเอามาเอง”
ตลอดทั้งกำแพงเมืองปราณกระบี่ล้วนมีแสงสีทองเป็นจุดๆ ผุดขึ้นมาจากความว่างเปล่า
เฉินชิงตูหน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย แล้วจึงถอนหายใจ คิดจะขวางก็ขวางไม่อยู่จริงๆ เพราะค่าตอบแทนสูงเกินไป แล้วนับประสาอะไรกับที่เขาเองก็ไม่แน่ใจในนิสัยของอีกฝ่ายในทุกวันนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ได้แต่ใช้ท่าไม้ตายแล้ว
ดังนั้นคนหนุ่มชุดเขียวที่กำลังสลายกลิ่นเหล้าอยู่บนทางเดินและกำลังจะเดินไปถึงจวนหนิงจึงเดินเซมาโผล่อยู่บนหัวกำแพงเมือง ปรากฏตัวอยู่ข้างกายสตรีร่างสูงใหญ่
ใบหน้าเฉินผิงอันเต็มไปด้วยความสงสัย ตกตะลึงระคนประหลาดใจ เอ่ยเรียกเบาๆ ว่า “พี่สาวเทพเซียน?”
สตรีร่างสูงใหญ่โบกชายแขนเสื้อหนึ่งครั้งสลายแสงสีทองไปสิ้น กระบี่ยาวในมือก็หายวับไป นางหันตัวกลับมาคลี่ยิ้ม จากนั้นก็โอบกอดเฉินผิงอัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!