กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 590

นางถอนหายใจ “เหตุใดจะต้องมีชีวิตอยู่เพื่อคนอื่น”

เรื่องของการฝึกวรยุทธนั้น ชุยเฉิงส่งอิทธิพลต่อเฉินผิงอันอย่างใหญ่หลวงแบบที่มิอาจจินตนาการได้

เห็นได้ชัดว่าประโยคนั้นเอ่ยมาแค่ครึ่งเดียว เฉินผิงอันกำลังให้คำสัญญาต่อชุยเฉิงที่จากโลกนี้ไปแล้ว เป็นตายมีความต่าง แต่กระนั้นก็ยังขานรับกันได้อยู่ไกลๆ

เฉินผิงอันส่ายหน้า “ไม่ใช่หรอก ข้ามีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองมาโดยตลอด เพียงแต่ว่าเดินบนเส้นทางย่อมมีห่วงให้พะวงหา ข้าจึงต้องให้คนบางคนที่ข้าเคารพนับถือมีชีวิตอยู่ในใจได้ตลอดไป โลกมนุษย์จำไม่ได้ ข้าก็จะจดจำด้วยตัวเอง หากมีโอกาส ข้ายังจะทำให้คนอื่นกลับมาจำได้อีกครั้งด้วย”

นางจมเข้าสู่ภวังค์ความคิด นึกถึงเรื่องบางเรื่องที่ผ่านมานานแสนนาน

หลังจากเดินมาได้ระยะทางหนึ่ง เฉินผิงอันก็หมุนตัวเดินย้อนกลับไปทางเดิม

นางก็เดินตามเขาไปด้วย

นี่ก็คือการไร้ข้อผิดพลาดที่เฉินผิงอันแสวงหา หลีกเลี่ยงไม่ให้ขอบเขตในการเดินท่องแม่น้ำแห่งกาลเวลาของวิญญาณกระบี่กว้างใหญ่เกินไปแล้วจะเกิดหมื่นหนึ่งที่ไม่คาดฝันขึ้น

เรื่องไม่คาดฝันบนโลกมีมากเกินไป เมื่อไม่มีเรี่ยวแรงให้ต้านทาน อะไรจะเกิดก็ต้องให้มันเกิด

แต่อย่างน้อยที่สุดเมื่อเกิดกับเขาเฉินผิงอันก็จะต้องไม่มีปัญหาแทรกซ้อนเพิ่มเข้ามาเพียงเพราะความประมาทของตัวเขาเอง

ผู้ที่รู้จักข้าดีที่สุด ฉีจิ้งชุน ตายเพราะข้า

พวกเขาไปนั่งอยู่บนหัวกำแพงเหมือนในปีนั้นที่นั่งอยู่บนสะพานโค้งสีทอง

เฉินผิงอันถาม “จะไปแล้วหรือ?”

นางเอ่ย “ไม่ไปก็ได้ แต่ซิ่วไฉเฒ่าที่รออยู่ในภูเขาห้อยหัวอาจจะต้องไปขอรับโทษจากศาลบุ๋น”

เฉินผิงอันเอ่ย “การจากลากันชั่วระยะเวลาสั้นๆ ไม่อาจนับเป็นอะไรได้ แต่อย่าได้จากไปแล้วไม่หวนคืนมาเด็ดขาด ข้าอาจจะยังแบกรับได้ไหว แต่สุดท้ายแล้วก็ยังคงรู้สึกเสียใจ เสียใจแต่กลับไม่อาจพูดอะไรได้ แบบนั้นก็จะยิ่งเจ็บปวดมากกว่าเดิม”

นางยิ้มกล่าว “ข้ากับนายท่านร่วมเป็นร่วมตายกันยาวนานหมื่นปี หมื่นๆ ปี”

เฉินผิงอันหมุนตัวกลับ ยื่นฝ่ามือออกมา

นางยกมือขึ้น ไม่ได้ตีมือกับเขา แต่จับมือของเฉินผิงอันเอาไว้แล้วโยกเบาๆ “นี่เป็นสัญญาข้อที่สองแล้วนะ”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “พูดได้ก็จะต้องทำได้”

นางดึงมือกลับ สองมือตีลงบนหัวเข่าเบาๆ ทอดสายตามองใต้หล้าเปลี่ยวร้างที่ผืนดินแห้งแล้งทุรกันดาร ยิ้มหยันเอ่ยว่า “ดูเหมือนว่ายังมีคนรู้จักที่หนังเหนียวตายยากอีกหลายคน”

เฉินผิงอันกล่าว “ถ้าอย่างนั้นข้าจะระวังให้มาก”

นางเอ่ย “หากข้าเผยกาย สิ่งมีชีวิตบรรพกาลที่ทำตัวลับๆ ล่อๆ พวกนี้ย่อมไม่กล้าฆ่าท่าน อย่างมากสุดก็แค่ทำให้สะพานแห่งความเป็นอมตะของท่านขาดสะบั้น ต้องสร้างขึ้นใหม่อีกครั้ง บีบให้ข้ากับนายท่านเดินไปบนเส้นทางเดิม”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “ไม่ว่าวันหน้าข้าจะคิดอย่างไร จะเปลี่ยนใจหรือไม่ พูดถึงแค่ตอนนี้ ให้ตายข้าก็ไม่ไปไหน”

นางยิ้มกล่าว “รู้แล้วน่า”

เฉินผิงอันพลันยิ้มถามว่า “รู้หรือไม่ว่าจุดที่ร้ายกาจที่สุดของข้าคืออะไร?”

นางคิดแล้วก็เอ่ยว่า “กล้าตัดสินใจว่าจะเลือกหรือสละสิ่งใด”

ก็เหมือนปีนั้นที่หลังจากซิ่วไฉเฒ่าส่งกระบี่หนึ่งออกไปยังภูเขาสุ้ยซานในม้วนภาพขุนเขาสายน้ำ ระหว่างนางกับหนิงเหยา เฉินผิงอันก็ได้ทำการเลือกและสละเช่นกัน หากเลือกผิดไป อันที่จริงก็ไม่มีเรื่องในภายหลังเกิดขึ้นแล้ว

คนที่ชอบประจบสอพลอผู้แข็งแกร่งและคาดหวังในอำนาจไม่คู่ควรให้นางส่งกระบี่แก่ฟ้าดินเลยแม้แต่น้อย

หมื่นปีที่ผ่านมา ในโลกมนุษย์มีคนกี่มากน้อยที่เข่าอ่อน สันหลังโค้งงอ? มากมายจนนับไม่ถ้วน คนเหล่านี้ควรจะลองมองดูเหล่าปราชญ์ของเผ่ามนุษย์เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อนเป็นตัวอย่างว่าพวกเขาฝ่าฟันขวากหนาม สะพายกระบี่เดินขึ้นสู่ที่สูง หวังเพียงว่าความตายของตนจะช่วยบุกเบิกเส้นทางสายใหม่ให้แก่คนรุ่นหลังด้วยความยากลำบากอย่างไร

เพียงแต่ว่าสุดท้ายหลังจากที่คนกลุ่มนี้กระโจนเข้าสู่ความตายอย่างกล้าหาญ แสงสว่างอันรุ่งโรจน์ของสันดานมนุษย์ที่แตกต่างไปจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง หรือควรจะพูดว่าถูกกลบทับ ปีนั้นเหล่าทวยเทพสร้างพวกมดตัวน้อยหุ่นเชิดขึ้นมา การที่เรียกให้เป็นมดก็เพราะพวกเขามีข้อด้อยติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด ไม่ได้เรียบง่ายเพียงแค่เผ่ามนุษย์มีอายุขัยสั้นเท่านั้น แล้วก็เพราะสาเหตุนี้ ปีนั้นถึงได้ถูกพวกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่สูงบนฟากฟ้ามองเป็นมดใต้ฝ่าเท้าที่หมื่นปีก็ไม่เคลื่อนย้ายไปไหน ได้แต่คอยถวายควันธูปให้แก่พวกสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างต่อเนื่องไม่มีวันหยุดพัก ต้องถูกฉกฉวยช่วงชิงไปตลอด นอกจากนี้แล้วชีวิตของพวกเขาก็ไร้ค่าไม่ต่างจากพืชหญ้า ช่วงเวลานั้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ร่างทองทั้งหลายที่หลุบตาลงต่ำมองพื้นดิน อันที่จริงก็มีบางส่วนที่สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงในโลกมนุษย์ เพียงแต่ว่าการอาศัยควันธูปในโลกมนุษย์มาหล่อหลอมร่างทองได้เกี่ยวพันกับรากฐานความเป็นอมตะของพวกสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งยังได้รับผลประโยชน์สูงจนมิอาจจินตนาการได้ถึง เรียกได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของน้ำพุที่ตักตวงได้ไม่มีวันหมด เป็นเหตุให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์บางส่วนแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น บางส่วนก็ไม่เห็นเป็นสำคัญ ไม่คิดว่าการบดขยี้มดฝูงหนึ่งให้ตายนั้นจะต้องสิ้นเปลืองกำลังสักเท่าไร

แต่สุดท้ายจุดจบกลับกลายมาเป็นอย่างทุกวันนี้ แน่นอนว่ายังมีความแน่นอนที่บังเอิญหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่นการช่วงชิงระหว่างน้ำและไฟ

ตัวอย่างที่ใหญ่ที่สุด แน่นอนว่าก็คืออดีตเจ้านายของนาง รวมไปถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์องค์อื่นๆ อีกหลายท่านที่ยินดีมองคนกลุ่มน้อยกลุ่มหนึ่งเป็นคนบนเส้นทางเดียวกันอย่างแท้จริง

นั่นคือจุดเริ่มต้นของเวทกระบี่และหมื่นอาคมในโลกมนุษย์

เฉินผิงอันส่ายหน้า เอ่ยเบาๆ ว่า “ใจข้ามีอิสระเสรี”

จากนั้นเฉินผิงอันก็ยิ้มกล่าวว่า “คำพูดประเภทนี้ เมื่อก่อนไม่เคยพูดกับใครมาก่อน เพราะแม้แต่คิดก็ยังไม่เคย”

นางพึมพำสี่คำนั้นซ้ำเบาๆ

“ใจข้ามีอิสระเสรี”

……

เฉินผิงอันถูกเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสโยนกลับเข้าไปในนครอีกครั้ง น่าหลันเย่สิงมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าประตูแล้ว คนทั้งสองเดินเข้าไปในจวนหนิงด้วยกัน น่าหลันเย่สิงถามเสียงเบาว่า “ผู้เฒ่าเซียนกระบี่ใหญ่เป็นคนพาตัวไปหรือ?”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ แล้วก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก

อันที่จริงน่าหลันเย่สิงก็ไม่ได้กังวลใจเท่าไรอยู่แล้ว และยิ่งพอรู้ว่าเป็นฝีมือของเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสก็ยิ่งวางใจได้มากกว่าเดิม

แต่เฉินผิงอันกลับใช้เสียงในใจพูดกับเขาว่า “ท่านปู่น่าหลันช่วยบอกกับป๋ายหมัวมัวสักคำว่ามีเรื่องจะปรึกษา ไปคุยกันที่ฟ้าดินเล็กเมล็ดงา”

สีหน้าของน่าหลันเย่สิงเคร่งเครียด “คุยพร้อมกับคุณหนูด้วยหรือ?”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว”

คนทั้งสี่มารวมตัวกันที่ลานประลองยุทธ

เฉินผิงอันจึงเล่าเรื่องของวิญญาณกระบี่คร่าวๆ บอกแค่สถานการณ์ในปัจจุบัน ไม่เกี่ยวพันกับประวัติความเป็นมาที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น

ผู้เฒ่าสองคนอย่างน่าหลันเย่สิงและป๋ายเลี่ยนซวงรู้สึกเหมือนฟังตำราสวรรค์ หันมามองหน้ากันอย่างมึนงง

จิตวิญญาณแท้จริงที่กระบี่เซียนฟูมฟักออกมา?

คือหนึ่งในกระบี่เซียนสี่เล่มในตำนาน เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อนก็ถือเป็นกระบี่เล่มที่มีพลังพิฆาตสูงที่สุดแล้ว? ถือว่าเป็นเพื่อนเก่าของเฉินชิงตูเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสด้วย?

หนิงเหยายังดี เพราะสีหน้ายังคงเป็นปกติ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!