กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 590

ท่ามกลางแสงสนธยา ทางฝั่งของร้านเหล้า เตี๋ยจ้างรู้สึกสงสัยเล็กน้อย เหตุใดเมื่อตอนกลางวันเฉินผิงอันเพิ่งจากไปได้ไม่นานก็กลับมาดื่มเหล้าอีกแล้ว?

กิจการของร้านเหล้าไม่เลว อย่าว่าแต่ไม่มีโต๊ะว่างเลย แม้แต่พื้นที่ว่างๆ ก็ยังไม่มี นี่ทำให้ตอนที่เฉินผิงอันมาซื้อเหล้า อารมณ์จึงดีขึ้นได้ไม่น้อย

เตี๋ยจ้างยื่นเหล้าราคาถูกที่สุดไปให้หนึ่งกา ถามว่า “นี่คือ?”

เฉินผิงอันกล่าวอย่างจนใจ “เกิดเรื่องบางอย่าง หนิงเหยาบอกข้าว่าไม่โกรธ พูดแบบน่าเชื่อถือว่านางไม่โกรธจริงๆ แต่ข้ากลับรู้สึกว่าไม่เห็นจะเหมือนอย่างที่นางพูดเลย”

เตี๋ยจ้างไม่ได้ทำท่ามีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น นางเอ่ยปลอบใจว่า “หนิงเหยาไม่เคยพูดจาวกวนอ้อมค้อม นางบอกว่าไม่โกรธก็แสดงว่าไม่โกรธจริงๆ เจ้าคิดมากไปแล้วล่ะ”

เฉินผิงอันตอบกลับอย่างอัดอั้นว่า “เถ้าแก่ใหญ่ ไหนเจ้าลองมาสิว่าเป็นข้าที่มองคนได้แม่นยำ หรือเป็นเจ้าที่มองคนได้แม่นยำกันแน่?”

ตอนนี้เตี๋ยจ้างรู้สึกสมน้ำหน้าอีกฝ่ายได้อย่างสบายใจแล้ว “ถ้าอย่างนั้นเถ้าแก่รองก็ดื่มเหล้าหลายๆ กาหน่อย เหล้าในร้านของพวกเรามีมากพอ กฎเดิม คนคุ้นหน้าคุ้นตากันดี นอกจากคนที่เพิ่งฝ่าทะลุขอบเขตแล้วล้วนห้ามลงบัญชีเชื่อค่าเหล้าเหมือนกันทั้งหมด”

เฉินผิงอันหิ้วกาเหล้า หยิบตะเกียบและจานกับแกล้มมานั่งอยู่ข้างทาง ด้านข้างคือผู้ฝึกกระบี่ผีขี้เหล้าที่มักจะมาอุดหนุนที่ร้านบ่อยๆ คือคนประเภทที่ว่าหากอยู่ห่างเหล้าวันหนึ่งก็จะตายให้ได้ ขอบเขตประตูมังกร นามว่าหานหรง เหมือนกับเฉินผิงอันที่ทุกครั้งจะดื่มแค่เหล้าถ้ำสวรรค์จู๋ไห่ราคาหนึ่งเหรียญเงินเกล็ดหิมะเท่านั้น ตอนแรกๆ เฉินผิงอันบอกกับเตี๋ยจ้างว่า ลูกค้าที่เป็นเช่นนี้ควรจะยิ้มแย้มสานสัมพันธ์บ่อยๆ ตอนนั้นเตี๋ยจ้างอึ้งตะลึงไป เฉินผิงอันจึงได้แต่อธิบายอย่างอดทนว่า เพื่อนของผีขี้เหล้าล้วนเป็นผีขี้เหล้า อีกทั้งยังเป็นพวกที่สุมหัวกันดื่มอย่างเอาเป็นเอาตายด้วย เมื่อเทียบกับพวกคนที่สามวันห้าวันจะมาดื่มเหล้าดีๆ เพียงลำพังสักหนึ่งกาแล้ว ฝ่ายแรกคือลูกค้าที่ดีที่เพิ่งจะลุกเดินออกจากโต๊ะไปได้ไม่กี่ก้าวก็นึกอยากจะกลับมานั่งลงใหม่อีกครั้ง การค้าทุกอย่างบนโลกใบนี้ที่ทำครั้งเดียวจบล้วนไม่ใช่การค้าที่ดี

ตอนนั้นเตี๋ยจ้างยังถึงขั้นเห็นเป็นจริงเป็นจังว่าคำพูดพวกนี้ล้ำค่าดุจหยกดุจทองคำ จึงจดแต่ละประโยคลงสมุดบันทึกเอาไว้ ทำเอาเฉินผิงอันที่มองดูอยู่ด้านข้างกลุ้มใจแทบตาย เถ้าแก่ใหญ่ของเราคนนี้ทำการค้าไม่เป็นจริงๆ ไม่รู้เลยว่าสิบกว่าปีมานี้เปิดร้านมาได้อย่างไร? ตนเพิ่งจะเป็นร้านผ้าห่อบุญมาแค่ไม่กี่ปีเอง? หรือว่าตนพอจะมีพรสวรรค์ในการทำค้าอยู่บ้างจริงๆ?

หานหรงยิ้มถาม “เถ้าแก่รอง มาดื่มเหล้าแก้กลุ้มหรือ? ทำไม โดนไล่ออกมาหรือ? ไม่เป็นไร พี่ใหญ่หานอย่างข้าคือผู้มีประสบการณ์ด้านความรักอย่างโชกโชน จะถ่ายทอดแผนการอันแยบยลให้เจ้า ส่วนเจ้าก็จ่ายค่าเหล้าแทนข้า เป็นอย่างไร การค้านี้ คุ้มค่า!”

เฉินผิงอันเคี้ยวกับแกล้ม จิบเหล้าหนึ่งอึกแล้วเอ่ยอย่างเนิบช้าว่า “ฟังแผนเจ้าต่างหากที่จะทำให้เสียเรื่อง และข้าก็แค่ออกมาจิบเหล้าเท่านั้น อีกอย่างใครต้องเป็นผู้ถ่ายทอดแผนการแยบยลให้แก่ใครก็ยังไม่แน่? ป้ายสงบสุขที่แขวนไว้บนกำแพงร้าน พี่ใหญ่หานเขียนอะไรไว้ ดื่มเหล้าก็เลยลืมไปหมดแล้วหรือ? ข้าล่ะไม่เข้าใจจริงๆ ในร้านมีป้ายสงบสุขมากมายขนาดนั้น กลับมีอยู่แผ่นเดียวที่หันเอาฝั่งที่เขียนชื่อแนบติดผนัง ไม่ทราบว่าพี่ใหญ่หานเจ้าเห็นร้านพวกเราเป็นสถานที่บอกรักหรืออย่างไร? แม่นางคนนั้นยังจะกล้ามาดื่มเหล้าที่ร้านข้าอีกไหม? ค่าเหล้าวันนี้เจ้าจ่ายสองส่วนเลย”

“ไม่เอาน่า พี่น้องกันคุยเรื่องเงินจะทำลายมิตรภาพเอานะ”

ห้านิ้วของหานหรงยกชามเหล้าขึ้นดื่มช้าๆ หนึ่งอึก จากนั้นก็เอ่ยอย่างสะท้อนใจว่า “ที่นี่ของพวกเรามีชายโสดอยู่มากมาย แต่คนที่รักเดียวใจเดียวอย่างข้ากลับหาได้ยากยิ่ง วันหน้าหากข้าได้โอบกอดสาวงามกลับบ้านจริงๆ ข้าก็จะถือว่าร้านของเจ้าศักดิ์สิทธิ์ รับรองว่าวันหน้าจะมาแก้บนแน่นอน ถึงเวลานั้นข้าจะสั่งเหล้าราคาเงินเกล็ดหิมะห้าเหรียญมาสองกาเลย”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ตกลง ถึงเวลานั้นข้าจะแถมให้เจ้าอีกกา”

หานหรงถาม “จริงรึ?”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “แต่เป็นแบบราคาหนึ่งเหรียญเงินเกล็ดหิมะนะ”

หานหรงกล่าวอย่างผิดหวัง “ไม่มีความพิถีพิถันเอาเสียเลย เถ้าแก่รองผู้ยิ่งใหญ่ อายุยังน้อยแต่มีความสามารถ โดดเด่นเกินฝูงชน คนหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่เป็นดั่งหงส์และมังกรในหมู่คน…”

เฉินผิงอันด่าขำๆ “หยุดเลยๆ พี่ใหญ่หาน หากข้าพ่นเหล้าออกมา เจ้าชดใช้ให้ข้าเลยนะ?”

เตี๋ยจ้างที่อยู่ห่างไปไกลมองคนสองคนที่คุยกันอย่างถูกคอก็ให้รู้สึกนับถือ เถ้าแก่รองผู้นี้คุยเก่งจริงๆ

เฉินผิงอันเคยบอกว่าเขาชอบดื่มเหล้าที่กำแพงเมืองปราณกระบี่จริงๆ เพราะบนโต๊ะเหล้าของใต้หล้าไพศาล เป็นเหล้าเหมือนกัน แต่คนที่กุมอำนาจใหญ่จอกเหล้าลึก คนไร้อำนาจกลับจอกเหล้าตื้น

หานหรงหัวเราะหึหึ พลันนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ก็เอ่ยว่า “เถ้าแก่รอง เจ้าอ่านตำรามามาก ช่วยข้าคิดหาบทกลอนที่ทำให้คนอิจฉาตาร้อนสักบทได้ไหม มาตรฐานไม่ต้องสูงเกินไปนัก เอาแบบประโยค ‘เคยฝันว่าชิงเสินมารินเหล้าให้’ น่ะ แม่นางที่ข้าชอบคนนั้นดันชอบอะไรทำนองนี้ หากเจ้าช่วยพี่ใหญ่สักครั้ง ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ เดี๋ยววันหน้าข้าจะช่วยลากพวกผีขี้เหล้ากลุ่มใหญ่ให้มาอุดหนุนร้านเจ้า หากดื่มไม่ถึงสิบไห วันหน้าข้าจะเปลี่ยนแซ่ตามเจ้าเลย”

“เจ้าคิดว่าการแสร้งทำตัวเป็นคนสุภาพมีความรู้ก็เหมือนการดื่มเหล้า แค่มีเงินก็ยกมาวางบนโต๊ะได้ชามแล้วชามเล่าอย่างนั้นหรือ ไม่มีเรื่องดีแบบนี้หรอก”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “อีกอย่างข้าผู้อาวุโสก็ยังไม่ได้แต่งงาน ไม่รับใครเป็นลูก”

หานหรงยกชามเหล้าขึ้น “พวกเราสองพี่น้องมีมิตรภาพอันลึกซึ้ง จะดีจะชั่วก็ลองแต่งให้พี่ใหญ่สักบทเถอะ ต่อให้มีแค่ประโยคสองประโยคก็ยังดี ไม่เป็นลูกชาย แต่เป็นหลานของเจ้าแทนได้ไหมล่ะ?”

เฉินผิงอันชูชามเหล้าขึ้น “ขอข้ากลับไปคิดดูก่อนได้ไหม? แต่พูดประโยคที่มีจิตสำนึกสักหน่อย อารมณ์ศิลปินจะบังเกิดหรือก็ไม่ยังต้องดูว่าดื่มเหล้าได้ถึงระดับหรือไม่”

หานหรงหันหน้าไปตะโกนเสียงดังให้เตี๋ยจ้าง “เถ้าแก่ใหญ่ เหล้าไหนี้ของเถ้าแก่รอง ข้าจ่ายให้เอง!”

เตี๋ยจ้างพยักหน้ารับ ในใจคิดว่าขอแค่เฉินผิงอันยินดีขายเหล้าไปเรื่อยๆ คาดว่าใช้เวลาไม่กี่ปีก็คงไปเปิดร้านที่หัวกำแพงเมืองได้แล้วกระมัง

สตรีร่างสูงเพรียวคนหนึ่งเดินนวยนาดมาถึง มาหยุดอยู่ตรงหน้าเถ้าแก่รองที่กำลังอธิบายให้พี่ใหญ่หานฟังว่าอะไรคือ ‘แสงบิน’ นางยิ้มกล่าวว่า “ขอรบกวนเวลาคุณชายเฉินสักครู่ได้หรือไม่?”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ก่อนหันหน้าไปพูดกับหานหรงว่า “เจ้าไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร แค่นางเข้าใจก็พอแล้ว”

เฉินผิงอันเดินไปบนถนนใหญ่พร้อมกับสตรีผู้นั้น เขายิ้มเอ่ยว่า “แม่นางอวี๋มีใจแล้ว”

ผู้ที่มาก็คืออวี๋เชี่ย สตรีที่ทำให้ฟ่านต้าเช่อเจ็บปวดรวดร้าวปานจะขาดใจ

สีหน้าของอวี๋เชี่ยไม่ค่อยเป็นธรรมชาติสักเท่าไร เพียงแต่ว่าครู่เดียวนางก็เอ่ยเนิบช้าด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เรื่องคืนนั้น ข้าได้ยินมาแล้ว แม้ข้ากับฟ่านต้าเช่อจะไม่อาจเดินด้วยกันไปจนถึงท้ายที่สุด แต่ข้าก็ยังอยากจะมาขอโทษคุณชายเฉินด้วยตัวเอง เพราะถึงอย่างไรเรื่องนั้นก็เกิดจากข้า เดือดร้อนให้คุณชายเฉินต้องมาเป็นที่รองรับโทสะเปล่าๆ บางทีพูดอย่างนี้อาจไม่ค่อยเหมาะนัก หรืออาจถึงขั้นทำให้คุณชายเฉินรู้สึกว่าข้าเสแสร้งแกล้งพูดจาไปตามมารยาท ไม่ว่าจะอย่างไรข้าก็ยังหวังว่าคุณชายเฉินจะให้อภัยฟ่านต้าเช่อ เขาเป็นคนดีมากจริงๆ เป็นข้าที่ผิดต่อเขา”

“หากฟ่านต้าเช่อไม่ใช่คนดี ข้าก็คงไม่ยอมรับคำด่าจากเขาหรอก”

เฉินผิงอันเอ่ยว่า “ใครบ้างที่ไม่เคยดื่มเหล้าจนเมามาย บุรุษดื่มสุรา พร่ำเอ่ยชื่อของสตรีออกมา ต้องเป็นเพราะชื่นชอบนางมากจริงๆ ส่วนด่าคนเพราะความเมา กลับไม่ควรคิดเป็นจริงเป็นจังได้เลย”

“ขอบคุณคุณชายเฉินมาก”

อวี๋เชี่ยยอบตัวคารวะ “ถ้าอย่างนั้นข้าก็ไม่รบกวนการดื่มสุราของคุณชายเฉินกับสหายแล้ว”

พออวี๋เชี่ยจากไป เฉินผิงอันก็ย้อนกลับไปที่ร้าน ไปนั่งดื่มเหล้าต่อ หานหรงกลับไปแล้ว แน่นอนว่ายังไม่ลืมจ่ายค่าเหล้าให้เขาด้วย

เตี๋ยจ้างขยับเข้ามากระซิบถาม “เรื่องอะไร?”

เฉินผิงอันยิ้มตอบ “เรื่องของฟ่านต้าเช่อนั่นแหละ อวี๋เชี่ยมาขอโทษแทนเขา”

เตี๋ยจ้างกระตุกมุมปาก “ก็ไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้เฉินซานชิวโมโหหรอกหรือ ในบรรดาภูเขาคุณชายน้อยใหญ่รอบตัวฟ่านต้าเช่อ เฉินซานชิวคือคนที่นั่งอยู่ในอันดับหนึ่งเชียวนะ หากเฉินซานชิวพูดแรงๆ สักคำ วันหน้าอวี๋เชี่ยก็อย่าได้หวังว่าจะอยู่ร่วมกับคนทางแถบนั้นได้เลย”

เฉินผิงอันยิ้ม ไม่ได้เอ่ยอะไร

เรียบง่ายแค่นี้เสียที่ไหน

เฉินผิงอันพลันเอ่ยว่า “พวกเรามาเดิมพันกันว่าฟ่านต้าเช่อจะโผล่มาหรือไม่ดีไหม?”

เตี๋ยจ้างพยักหน้า “ข้าเดิมพันว่าเขาต้องมาแน่นอน”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!