กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 591

ลมฤดูใบไม้ผลิเรียกฝนฤดูใบไม้ผลิให้มาเยือน

ภายใต้ชายคา เฉินผิงอันที่นั่งอ่านบทประพันธ์ของปัญญาชนคนหนึ่งอยู่บนเก้าอี้ลุกขึ้นยืน เดินเอามือไปรองรับน้ำฝน

ตอนนั้นก่อนจะกลับมาที่จวนหนิงในนคร เฉินชิงตูถามคำถามเขาข้อหนึ่งว่าจะทิ้งตะเกียงแห่งชะตาชีวิตดวงหนึ่งไว้หรือไม่ เมื่อเป็นเช่นนี้ หากตายอยู่ในสงครามใหญ่ทางทิศใต้ครั้งถัดไป แม้ว่ารากฐานมหามรรคาจะเสียหาย แต่จะดีจะชั่วก็มีชีวิตเหลือไว้ครึ่งหนึ่ง นี่ก็คือขั้นตอนแรกในการคัดลอกดวงวิญญาณ ค่อนข้างจะทรมาน ผู้ฝึกตนทั่วไปแบกรับความทรมานนี้ไม่ไหว สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งภูเขาสายน้ำของใต้หล้าไพศาลที่คิดจะลงโทษภูตผีวัตถุหยินใต้บังคับบัญชา การจุดตะเกียงน้ำตะเกียงไฟที่มีดวงวิญญาณเป็นไส้ตะเกียง ความร้ายกาจของมันจะดำรงอยู่อย่างยาวนาน หากพูดถึงแค่ความเจ็บปวดในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก็อยู่ไกลเกินกว่าจะเทียบเวทคาถาการคัดลอกนี้ได้ติด

ขั้นที่สองก็คือการจุดตะเกียงอยู่ในศาลบรรพจารย์ของตัวเอง เมื่อผ่านก้าวแรกไปได้ ข้อด้อยที่ใหญ่ที่สุดของตะเกียงแห่งชะตาชีวิตนี้ก็คือเผาผลาญเงินทอง ไส้ตะเกียงจะถูกสร้างขึ้นด้วยวิชาลับของตระกูลเซียน สิ่งที่เผาผลาญไปก็คือเงินเทพเซียน คือการทุ่มเงินในทุกๆ วัน เป็นเหตุให้ตะเกียงแห่งชะตาชีวิตนี้ เมื่ออยู่ในใต้หล้าไพศาลจึงมักจะมีเพียงตระกูลเซียนตัวอักษรจงที่มีรากฐานลึกล้ำเท่านั้นที่จะจุดตะเกียงให้กับลูกศิษย์ผู้สืบทอดที่สำคัญที่สุดในศาลบรรพจารย์ จะฝึกวิชาบทนี้เป็นหรือไม่ คือธรณีประตูขั้นแรก การสร้างตะเกียงแห่งชะตาชีวิตก็คือธรณีประตูขั้นที่สอง เงินเทพเซียนที่ต้องเผาผลาญหลังจากนี้ก็มักจะเป็นรายจ่ายที่สำคัญของศาลบรรพจารย์แห่งหนึ่ง เพราะหากจุดไปแล้วก็ไม่อาจมอดดับ หากไฟของตะเกียงดับลง กลับกลายเป็นว่าจะหันไปทำร้ายวิญญาณดั้งเดิมของผู้ฝึกตน และขอบเขตถดถอยก็เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้

ขั้นที่สามก็คืออาศัยตะเกียงแห่งชะตาชีวิตมาสร้างดวงวิญญาณจิตหยินและร่างจริงจิตหยาง อีกทั้งยังไม่แน่เสมอไปว่าจะทำได้สำเร็จ ต่อให้ทำสำเร็จแล้ว วันหน้าผลสำเร็จบนมหามรรคาก็จะถูกลดทอนไปมาก

เป็นเหตุให้เรื่องของการสร้างตะเกียงแห่งชะตาชีวิตคือการกระทำที่จำใจ คือวิธีการชวนจนใจที่ผู้ฝึกตนของสำนักบนภูเขาใช้รับมือกับ ‘หมื่นหนึ่ง’ ในรูปแบบต่างๆ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ดีกว่าผู้ฝึกตนที่ลาจากโลกนี้ไป จิตวิญญาณแหลกสลาย ได้แต่ฝากความหวังไว้ที่การกลับมาจุติใหม่ ค้นหาอย่างยากลำบากไปทั่วสารทิศกว่าจะถูกคนพากลับเข้าสำนักไปสืบทอดควันธูปต่อ ทว่าผู้ฝึกตนที่เป็นเช่นนี้ สามจิตเจ็ดวิญญาณของชาติก่อนมักจะไม่ครบถ้วน จะเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหนก็ต้องดูที่ชะตาฟ้าลิขิต ดังนั้นสติปัญญาจะเปิดโล่งได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับชะตากรรม หลังจากสติปัญญาเปิดโล่งแล้ว ควรจะคิดคำนวณชาติก่อนชาตินี้อย่างไรก็ยังบอกได้ยาก

เฉินผิงอันคืนสติกลับมา เก็บความคิดทั้งหมดลงไป หันกลับไปมองก็เห็นว่าเป็นพวกเจ้าอ้วนเยี่ยน เตี๋ยจ้างก็อยู่ด้วยอย่างที่หาได้ยาก ร้านเหล้ากลัววันที่ฝนตกมากที่สุด จึงได้แต่ปิดร้าน ทว่าโต๊ะกับม้านั่งจะไม่มีการเคลื่อนย้าย วางไว้นอกร้านอยู่อย่างนั้น ตามวิธีการที่เฉินผิงอันบอกแก่นาง ทุกครั้งที่เจอกับวันฝนตกหิมะตก ร้านจะไม่เปิดกิจการ แต่บนโต๊ะทุกตัวจะวางเหล้าถ้ำสวรรค์จู๋ไห่ที่ถูกที่สุดเอาไว้ และวางชามเหล้าไว้อีกสองสามใบ เหล้าไหนี้จะไม่คิดเงิน ผู้ที่มาพบสามารถดื่มได้เลย แต่ทุกคนดื่มได้แค่คนละชามเท่านั้น

หนิงเหยายังตั้งใจฝึกตนอยู่ที่หน้าผาสังหารมังกร คราวก่อนหลังจากเดินกลับกันมาถึงจวนหนิง ป๋ายหมัวมัวกับน่าหลันเย่สิงต่างก็สังเกตเห็นว่าคุณหนูของตนแปลกไป หันมาจริงจังกับเรื่องของการฝึกตนมากขึ้น

เจ้าอ้วนเยี่ยนมาคุยเรื่องที่จะให้เฉินผิงอันกับเตี๋ยจ้างเข้าร่วมร้านขายผ้าแพรต่วน เฉินซานชิวกับต่งฮว่าฝูแค่มาร่วมวงเรื่องสนุกเท่านั้น แต่ละคนกางร่ม พอเดินเข้ามาใต้ชายคาแล้วก็หุบร่มเอาวางพิงไว้ตรงมุมกำแพง เฉินผิงอันมือหนึ่งถือหนังสือ มือหนึ่งหิ้วเก้าอี้เดินเข้าไปในห้อง เจ้าอ้วนเยี่ยนมองห้องที่สะอาดจนเกินพอดีแล้วก็ให้เจ็บปวดใจ พี่น้องคนดีของข้าเยี่ยนจั๋ว ลูกเขยคนดีของจวนหนิง เหตุใดถึงได้มาพักอยู่ในสถานที่เล็กๆ แร้นแค้นเช่นนี้ เฉินซานชิวหยิบชุดชงชาออกมาจากวัตถุฟางชุ่น ว่ากันว่าเป็นของที่เชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์ใหญ่บางแห่งในทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางใช้กัน เฉินซานชิวเริ่มต้มชา เขาก็อยากจะชวนเฉินผิงอันดื่มเหล้าอยู่เหมือนกัน แต่เขาจะกล้าหรือ? วันหน้ายังอยากจะมาเป็นแขกที่จวนหนิงอีกหรือไม่?

ตอนที่เฉินซานชิวชงชา เขายิ้มเอ่ยว่า “เรื่องของฟ่านต้าเช่อ ขอบใจมาก”

เฉินผิงอันโบกมือ ‘รวมบทร่มเงาพฤกษาบุปผชาติ’ ที่วางอยู่บนโต๊ะเล่มนั้นก็คือตำราหายากที่เฉินซานชิวช่วยซื้อมาให้จากหอมายา และยังมีหนังสือประวัติศาสตร์อีกหลายเล่ม น่าจะจ่ายเงินเทพเซียนไปไม่น้อย เพียงแต่ว่าพูดเรื่องเงินๆ ทองๆ กับคุณชายลำดับต้นๆ อย่างเฉินซานชิว ก็เหมือนการตบหน้าเขา

ส่วนต่งถ่านดำที่มีชาติกำเนิดมาจากตระกูลใหญ่ลำดับต้นๆ เหมือนกันนั้นก็ช่างเถิด ความสามารถในการประหยัดเงินของเจ้าหมอนี่เข้าขั้นชำนาญกว่าเฉินผิงอันเสียอีก ตั้งแต่เล็กจนโต ว่ากันว่าเขาไม่เคยควักเงินออกจากกระเป๋าแม้แต่เหรียญเกล็ดหิมะเดียว เฉินผิงอันยังนึกอยากจะหาคนให้มาเป็นเจ้ามือให้ จะได้ลงเดิมพันว่าต่งฮว่าฝูจะเป็นฝ่ายควักเงินตอนไหน จากนั้นเขากับต่งฮว่าฝูที่คบคิดกันก็จะแอบแบ่งกำไรกันก้อนใหญ่

เฉินผิงอันรู้สึกว่ามีโอกาสจะหาเงินได้จึงพูดเรื่องนี้กับต่งฮว่าฝู

ต่งฮว่าฝูกลับส่ายหน้าเอ่ยว่า “ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ใช้เงิน แล้วจะหาเงินมาทำไม ที่บ้านข้าก็ไม่ได้ขาดเงินสักหน่อย”

เฉินผิงอันสะอึกอึ้ง

ดูเหมือนว่าจะมีเหตุผล?

เตี๋ยจ้างหัวเราะเบิกบานที่สุด เพียงแต่ว่าหัวเราะได้ครู่หนึ่งก็ได้ยินเฉินผิงอันเอ่ยว่า “ไม่ต้องให้เจ้าจ่ายเงิน ข้าจะปรึกษากับคนที่มาเป็นเจ้ามือให้แบ่งการเดิมพันออกเป็นว่าเจ้าจะใช้เงินภายในสิบวัน ใช้เงินภายในหนึ่งเดือน และในหนึ่งเดือนจะยังคงไม่ใช่เงินต่อไป ส่วนรายละเอียดว่าจะใช้เงินเท่าไรก็ให้มีการเดิมพันเช่นกัน เดิมพันว่าเป็นเงินเกล็ดหิมะหนึ่งเหรียญหรือหลายเหรียญ หรือว่าจะเป็นเงินร้อนน้อย จากนั้นก็ให้เขาแสร้งปล่อยข่าวลือไปว่า ข้าเฉินผิงอันลงเดิมพันก้อนใหญ่ว่าเจ้าจะใช้เงินในช่วงเวลาใกล้ๆ นี้ แต่ให้ตายก็ไม่ยอมบอกว่าสรุปแล้วเป็นภายในสิบวันหรือว่าหนึ่งเดือนกันแน่ แต่ในความเป็นจริงแล้วข้ากลับลงเดิมพันว่าเจ้าจะไม่ใช้เงินเลยตลอดทั้งเดือน เห็นไหม เจ้าเองก็ไม่ต้องใช้เงิน ได้ดื่มเหล้าเหมือนเดิม แล้วยังได้เงินมาเปล่าๆ อีก”

เตี๋ยจ้างรู้สึกว่าเถ้าแก่รองตรงหน้าผู้นี้ ยามที่คิดจะเป็นเจ้ามือขึ้นมาก็หน้าเลือดยิ่งกว่าอาเหลียงเสียอีก

เฉินซานชิวเริ่มนึกอยากดื่มเหล้าเสียแล้ว

เยี่ยนจั๋วทำท่าคันไม้คันมืออยากลองเต็มที่ “ถ้าอย่างนั้นข้าก็อยากจะได้กำไรมาเปล่าๆ เหมือนกัน เดิมพันว่าต่งถ่านดำไม่มีทางใช้เงิน!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!