กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 591

เยี่ยนจั๋วยิ้มกล่าว “นี่จะควักเงินแล้วหรือ? ถ้าอย่างนั้นยังจะมีเจ้ามืออีกได้อย่างไร?”

ต่งฮว่าฝูเอ่ย “เดิมทีแบ่งกันสี่กับหนึ่ง ตอนนี้เป็นข้าสามเจ้าสองแล้ว”

เยี่ยนจั๋วเอ่ยอย่างไม่ลังเลว่า “ตกลง!”

เตี๋ยจ้างเองก็พลิกอ่านตราประทับพวกนั้น

มีประโยค ‘แสงจันทร์ใสกระจ่าง’

และยังมี ‘เด็กหนุ่มฝันเก่า ลมพัดฝนหวาน’

‘หนึ่งชีวิตก้มหัวกราบเซียนกระบี่’ ‘ทิศเหนืออยู่เบื้องหลัง ดวงเนตรงดงาม’

‘กวางส่งเสียงร้อง เสียงนกกังวานใส พาให้อาลัยอาวรณ์’

“ที่แห่งนี้ปราณกระบี่ยาวสุดในใต้หล้า’

‘มิกล้าพกกระบี่ขึ้นหัวกำแพงเมือง ด้วยกลัวขับไล่จันทร์สามดวงให้ถอยหนี’

ตอนที่เตี๋ยจ้างพลิกตราประทับชิ้นสุดท้ายนี้ เยี่ยนจั๋วพลันตาแดงก่ำ พูดกับเฉินผิงอันเสียงสั่นว่า “หากข้าต้องการตราประทับชิ้นนี้จะคิดเงินกันอย่างไร?”

เตี๋ยจ้างตะลึงงันไปเล็กน้อย ต่งฮว่าฝูก็ตกใจเช่นกัน

แต่เฉินซานชิวกลับมีสีหน้าเศร้าโศก

หลังจากที่บิดาของเยี่ยนจั๋วไม่มีแขนสองข้างแล้ว นอกจากครั้งที่แบกเจ้าอ้วนเยี่ยนที่บาดเจ็บสาหัสออกมาจากหัวกำแพงเมืองแล้ว เขาก็ไม่เคยขึ้นไปชมทัศนียภาพทิศไกลบนหัวกำแพงอีกเลย

เฉินผิงอันรับตราประทับมาจากมือของเตี๋ยจ้างเบาๆ แล้วยื่นส่งให้เยี่ยนจั๋ว “ทำการค้า พิถีพิถันในเรื่องการคิดบัญชีให้ชัดเจนแม้กระทั่งกับพี่น้องแท้ๆ ตราประทับชิ้นนี้ข้ามอบให้เจ้า ไม่ได้คิดจะขายเสียหน่อย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องเงิน”

……

ตอนที่หนิงเหยามาถึงที่นี่ก็เห็นว่าพวกเจ้าอ้วนเยี่ยนเดินถือร่มอยู่หน้าประตูกำลังจะกลับกันพอดี หลังจากที่หนิงเหยาเดินเข้าไปในลานบ้านพร้อมกับเฉินผิงอันก็ถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

เฉินผิงอันอธิบายให้ฟังคร่าวๆ หนิงเหยาจึงไปที่ห้องเก็บตราประทับ นั่งลงด้านข้าง หยิบตราประทับชิ้นหนึ่งขึ้นมา “หลายวันมานี้เจ้ามัวยุ่งกับเรื่องพวกนี้หรือ? คงไม่ได้แค่เพื่อหาเงินอย่างเดียวกระมัง?”

เฉินผิงอันส่ายหน้า “ไม่ใช่เพื่อหาเงินจริงๆ นั่นแหละ”

หนิงเหยาเอ่ย “เมื่อครู่ป๋ายหมัวมัวบอกแล้วว่า วัตถุดิบวิเศษฟ้าดินที่ช่วยหล่อหลอมวัตถุแห่งชะตาชีวิตชิ้นที่สี่แอบรวบรวมได้ครบถ้วนแล้ว วางใจเถอะ วัตถุทั้งหลายที่อยู่นอกคลังของจวนหนิง ท่านปู่น่าหลันเป็นคนดูแลด้วยตัวเอง ไม่มีใครเล่นตุกติกได้แน่นอน”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ควรจะพยายามให้มากขึ้นแล้วจริงๆ วันๆ อยู่รวมกับกลุ่มของผู้อาวุโสโอสถทอง ต้องคอยระมัดระวังรอบคอบ ทำเอาข้าไม่กล้าพูดจาเสียงดังเลยด้วยซ้ำ”

เฉินผิงอันฝ่าทะลุคอขวดขอบเขตเส้นเอ็นหลิวที่ยอดเขาสิงโตของอุตรกุรุทวีป ตอนนี้เป็นผู้ฝึกลมปราณขอบเขตสี่ปราณกระดูก ผู้ฝึกตนลัทธิขงจื๊อที่อยู่ในขอบเขตนี้จะมีข้อได้เปรียบด้านสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวย ความสามารถในการหล่อเลี้ยงลมปราณโดดเด่นที่สุด ส่วนขอบเขตที่ห้าของผู้ฝึกลมปราณอย่างขอบเขตสร้างกระท่อมที่ ‘มนุษย์มีชีวิตอยู่ในฟ้าดิน เรือนกายคือเตาหลอม’ นั้น ผู้ฝึกลมปราณของสองลัทธิอย่างเต๋าและพุทธกลับมีข้อได้เปรียบมากกว่า การที่สามลัทธิอยู่เหนือเมธีร้อยสำนัก สองขอบเขตนี้ต่างก็ถือเป็นข้อได้เปรียบที่เด่นชัดอย่างถึงที่สุด แล้วก็เป็นสาเหตุที่สำคัญมากข้อหนึ่ง ผู้ฝึกตนห้าขอบเขตล่างที่แม้ว่าจะขอบเขตต่ำ แต่กลับถูกขนานนามให้เป็นห้าขอบเขตขึ้นเขา คือรากฐานของมหามรรคา

หลังจากนี้จะเลื่อนสู่ขอบเขตถ้ำสถิตของห้าขอบเขตกลางได้หรือไม่ก็สำคัญอย่างถึงที่สุดเหมือนกับว่าผู้ฝึกยุทธเต็มตัวจะสามารถฝ่าด่านแห่งความเป็นตายด่านที่สามนี้ไปได้หรือไม่

หนิงเหยาฟุบตัวลงบนโต๊ะ พลิกดูตราประทับทีละชิ้นพลางเอ่ยเนิบช้าว่า “ประตูจวนเปิดอ้ารับลมปราณ ฟ้าดินขนาดเล็กอย่างร่างกายมนุษย์มีทะเลมปราณแตกแยกออกไปเป็นร้อยสาย นี่ก็คือขอบเขตถ้ำสถิต นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ผู้ฝึกตนจึงจะสามารถหลอมปราณวิญญาณฟ้าดินได้อย่างเป็นขั้นตอนอย่างแท้จริง ช่องโพรงลมปราณสามร้อยห้าสิบหกแห่งก็เหมือนถ้ำสวรรค์พื้นที่มงคลที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติสามร้อยห้าสิบหกแห่งที่กำลังรอให้ผู้ฝึกตนเดินขึ้นเขามาสร้างกระท่อมฝึกตน เหมือนอย่างกำแพงเมืองปราณกระบี่ของพวกเรานี้จะสามารถฟูมฟักตัวอ่อนกระบี่ก่อนกำเนิดได้หรือไม่ ก็คือเส้นแบ่งระหว่างผู้มีพรสวรรค์กับคนธรรมดาทั่วไป หลักการเดียวกัน ในใต้หล้าเปลี่ยวร้าง เผ่าปีศาจจะสามารถจำแลงร่างกลายเป็นมนุษย์โดยเร็ว หันมาฝึกตนหลอมลมปราณด้วยร่างของมนุษย์ได้หรือไม่ นี่ก็เป็นกุญแจสำคัญเช่นกัน ในชั้นของถ้ำสถิตนี้ ผู้ฝึกตนชาย หากช่องโพรงเปิดออกเก้าแห่งก็จะสามารถเลื่อนสู่ขอบเขตชมมหาสมุทร แต่สตรีจะยากลำบากกว่าเล็กน้อย จำเป็นต้องเปิดช่องโพรงสิบห้าแห่ง ดังนั้นจำนวนของผู้ฝึกตนหญิงที่เป็นขอบเขตถ้ำสถิตจึงมีเยอะกว่าผู้ชายมากนัก เพียงแต่ว่าผู้ฝึกตนหญิงขอบเขตชมมหาสมุทรกลับมีพลังการรบสู้ผู้ชายไม่ได้”

“เจ้าค่อนข้างพิเศษเพราะมีช่องโพรงแห่งชะตาชีวิตสามแห่ง แล้วก็มีช่องโพรงอีกสามแห่งที่ถูกปราณกระบี่อาบย้อมมานานหลายปี บวกกับที่การไปกลับของปราณกระบี่สิบแปดหยุด และยังมีชูอีกับสืออู่เฝ้าพิทักษ์ช่องโพรงสองแห่งในนั้น จึงถือว่ามีห้าช่องโพรงครึ่งแล้ว รอจนเจ้าหลอมวัตถุแห่งชะตาชีวิตที่เหลืออีกสองชิ้น พอจะรวบรวมครบห้าธาตุได้ นั่นก็เท่ากับว่าเปิดถ้ำได้เจ็ดแห่งครึ่งแล้ว ขอแค่เจ้าเลื่อนสู่ขอบเขตถ้ำสถิต ก็ไม่แน่ว่าอาจสามารถฝ่าทะลุขอบเขตกลายเป็นขอบเขตชมมหาสมุทรได้อย่างรวดเร็ว เดิมทีขอบเขตถ้ำสถิตก็พูดถึงการที่ประตูใหญ่ของจวนเปิดออกกว้างต้อนรับผู้มาเยือนจากแปดทิศ ผู้ฝึกตนทั่วไปจะต้องเจอกับความยากลำบากอย่างยิ่งในขอบเขตนี้ เพราะไม่อาจแบกรับความทรมานจากปราณวิญญาณที่กรอกเทเข้ามาราวกับกระแสน้ำขึ้นได้ ถูกมองว่าเป็นอุทกภัยอย่างหนึ่ง หากเรือนกายที่เป็นเนื้อหนังมังสาและจิตวิญญาณไม่มั่นคง ส่วนใหญ่แล้วเมื่อเดินอยู่บนเส้นทางของการฝึกตนก็มักจะเดินสามก้าวถอยสองก้าว ยากที่จะก้าวเดินไปเบื้องหน้าได้ เจ้าไม่กลัวเรื่องนี้มากที่สุด ขอบเขตชมมหาสมุทรต่อจากนี้ สำหรับเจ้าแล้วก็ไม่ใช่ด่านใหญ่อะไร ขณะเดียวกันเจ้าก็เป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตร่างทอง ลมปราณที่แท้จริงหมุนเวียนอย่างดุดัน เดิมทีผู้ฝึกตนควรจะสั่งสมปราณวิญญาณทีละนิด แล้วจึงค่อยๆ บุกเบิกขยับขยายเส้นทาง สำหรับเจ้าแล้วก็ไม่ใช่ปัญหายากใดๆ มีเพียงไปถึงขอบเขตประตูมังกร เจ้าถึงจะต้องเจอกับความยุ่งยากอยู่บ้าง”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ลำบากเจ้าแล้ว”

เรื่องยิบย่อยพวกนี้นางต้องไปถามมาจากน่าหลันเย่สิงอย่างแน่นอน

เพราะเดิมทีการฝึกตนของหนิงเหยาก็ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องพวกนี้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!