ฤดูใบไม้ร่วงของกำแพงเมืองปราณกระบี่ไม่มีลมพัดใบอู๋ถง ฝนราตรีพรมใบกล้วย นกร้องบนใบบัวแห้งเหี่ยว ลมตะวันตกม้วนตลบ ยวนยางเกาะแผ่นน้ำแข็ง ดอกกุ้ยลอยล่องบนผืนน้ำ
แต่กลับมีสีสันของฤดูใบไม้ร่วง ต้นไม้ใบหญ้าเริ่มปลิดปลิวลงจากขั้ว ยามดึกสายลมเยือกเย็น ทั่วทั้งเมืองถูกส่องสว่างด้วยแสงจันทรา
ในใต้หล้าไพศาล เวลานี้กลับเป็นช่วงของลมฝนฤดูใบไม้ผลิ กลอนคู่วันปีใหม่ ภูเขาสายน้ำให้กำเนิดพืชหญ้า ใต้หล้าเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา
ภูเขาลั่วพั่วของเขตการปกครองหลงเฉวียนแจกันสมบัติทวีป ในช่วงเวลาที่แมลงตื่นจากการจำศีล เทวดาบนสวรรค์พลันเปลี่ยนสีหน้า แสงแดดที่สาดส่องกลายมาเป็นเมฆดำทะมึน จากนั้นก็มีฝนห่าใหญ่ตกกระหน่ำลงมา
แม่นางน้อยสามคนนอนฟุบอยู่บนราวระเบียงชั้นสองของเรือนไม้ไผ่ชมสายฝนไปด้วยกัน
ฝั่งซ้ายขวาของแม่นางน้อยชุดดำวางไม้เท้าเดินป่าสีเขียวมรกตที่สีสดปลั่งราวกับจะคั้นน้ำได้ และไม้คานหาบสีทองเล็กๆ ชิ้นหนึ่ง ในฐานะผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาที่แท้จริงของศาลบรรพจารย์ภูเขาลั่วพั่ว โจวหมี่ลี่แอบตั้งฉายาให้กับไม้เท้าเดินป่าและไม้คานหาบอันเล็กนี้ว่า ‘ผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาน้อย’ ‘ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายน้อย’ เพียงแต่ไม่กล้าพูดเรื่องนี้กับเผยเฉียน เผยเฉียนชอบตั้งกฎมากมายนัก น่ารำคาญ มีหลายครั้งที่นางไม่อยากเล่นเป็นเพื่อนกับอีกฝ่ายแล้ว
ทว่าเมื่อครั้งที่ทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันนั้น เพิ่งจะผ่านไปได้แค่ไม่กี่วัน โจวหมี่ลี่ก็เริ่มนับนิ้วรอให้เผยเฉียนมาเล่นกับนางแล้ว
เฉินหน่วนซู่เป็นกังวลเล็กน้อย เพราะดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้ไม่นานเฉินหลิงจวินเพิ่งจะตัดสินใจว่า ขอแค่เขาเลื่อนสู่โอสถทอง ก็จะเดินทางไปเยือนอุตรกุรุทวีปเพื่อเลียบลำน้ำลงมหานที
เผยเฉียนเปลี่ยนท่าใหม่เป็นนอนหงายหน้า ใช้สองมือรองสอดกันต่างหมอน นอนไขว่ห้างแล้วแกว่งเท้าเบาๆ คิดดูแล้วก็ขยับร่างเล็กน้อย เปลี่ยนทิศทางหันปลายเท้าไปทางม่านฝนที่อยู่นอกชายคาเรือนไม้ไผ่ ช่วงนี้เผยเฉียนเองก็หงุดหงิดอยู่เหมือนกัน ฝึกวิชาหมัดกับพ่อครัวเฒ่า นางมักจะรู้สึกว่าขาดอะไรไปบางอย่าง จืดชืดไร้รสชาติ มีครั้งหนึ่งนางร้อนใจจึงหันไปคำรามใส่พ่อครัวเฒ่าอย่างเดือดดาล จากนั้นก็ถูกพ่อครัวเฒ่าเตะจนสลบอย่างไม่เกรงใจกันสักเท่าไร หลังจบเรื่องอันที่จริงเผยเฉียนรู้สึกผิดต่อพ่อครัวเฒ่าไม่น้อย แต่ไม่ยินดีจะพูดคำว่าขอโทษ นอกจากประโยคนั้นที่นางพูดค่อนข้างตรงไปหน่อย อื่นๆ ก็ล้วนเป็นพ่อครัวเฒ่าที่ทำไม่ถูกก่อน ป้อนหมัดก็ควรเหมือนท่านปู่ชุยที่ซ้อมนางอย่างเอาเป็นเอาตายสิ ถึงอย่างไรก็ไม่ได้ฆ่านางให้ตายจริงๆ เสียหน่อย โดนซ้อมนางไม่กลัวอยู่แล้ว แค่หลับตาแล้วก็ลืมตา หาวไม่กี่ทีก็เป็นวันใหม่แล้ว ไม่รู้จริงๆ ว่าพ่อครัวเฒ่าจะกลัวอะไร
ทุกครั้งที่ลงมือเจ้าพ่อครัวเฒ่ากลับไม่ได้ออกแรงอะไรเลย นี่จะนับเป็นอะไรได้ ทุกครั้งที่นางแช่ถังยาจะต้องใช้เงินของอาจารย์ไปมากน้อยแค่ไหน? นางกับหน่วนซู่เคยช่วยกันคำนวณ หากอิงตามวิธีการฝึกวรยุทธของนางในเวลานี้ ต่อให้เผยเฉียนไปที่ร้านของตรอกฉีหลงแล้วลากพี่หญิงสือโหรวมาทำการค้าด้วยกัน ต่อให้เปิดร้านถึงตอนกลางคืน ด้วยเศษเงินน้อยนิดที่นางได้มานั่นก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่ร้อยปีถึงจะได้กำไรกลับคืนมา ดังนั้นพ่อครัวเฒ่าเจ้าจะทำอิดๆ ออดๆ ไปไย ทำท่าไม่มีแรงราวกับคนกินข้าวไม่อิ่มอย่างนั้นแหละ ป้อนหมัดก็ต้องตั้งใจออกหมัด ถึงอย่างไรนางก็ต้องมีจุดจบคือสลบเหมือดอยู่แล้ว อันที่จริงก่อนหน้านี้นางเองก็อดทนข่มกลั้นมาหลายครั้งแล้ว สุดท้ายทนไม่ไหวถึงได้ระเบิดโทสะออกมา
ดังนั้นวันนั้นพอนางตื่นขึ้นมากลางดึกถึงได้วิ่งไปเรียกให้พ่อครัวเฒ่าทำอาหารมื้อดึกให้ แล้วยังกินข้าวได้มากกว่าเดิม พ่อครัวเฒ่าก็น่าจะเข้าใจว่านี่คือการขอโทษของนางแล้วกระมัง ตอนนั้นพ่อครัวเฒ่าผูกผ้ากันเปื้อนไว้ที่เอว ยังช่วยคีบกับข้าวให้นาง ท่าทางไม่เหมือนคนโกรธ พ่อครัวเฒ่าคนนี้ อาจจะแก่ไปสักหน่อย ขี้เหร่ไปสักนิด แต่มีอยู่ข้อหนึ่งที่ดีที่สุดก็คือไม่จดจำความแค้น
และยังมีเรื่องชวนหงุดหงิดใจที่ใหญ่กว่านั้น นั่นคือเผยเฉียนเป็นกังวลว่าหากตนทำหน้าหนาติดตามอาจารย์จ้งไปที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ พ่อครู*จะไม่พอใจ
เผยเฉียนเหลือกตามองบน เจ้าหมอนั่นมาที่บ่อน้ำขนาดเล็กด้านหลังเรือนไม้ไผ่อีกแล้ว
เว่ยป้อทวยเทพแห่งขุนเขาเหนือต้าหลียืนอยู่กลางระเบียง ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เผยเฉียน ช่วงนี้อุดอู้หรือไม่?”
เผยเฉียนกล่าวอย่างระอาใจ “อุดอู้สิ จะไม่อุดดู้ได้อย่างไร อุดอู้จนปวดกบาลแล้ว”
เผยเฉียนเอาฝ่ามือตบลงบนพื้นเบาๆ ดีดตัวขึ้นยืนจากท่านอนหงาย ฝ่ามือนั้นตบลงได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ไม้เท้าเดินป่าจึงดีดตามขึ้นมาด้วย ถูกนางจับไว้ในมือ นางกระโดดขึ้นไปบนราวระเบียงแล้วเริ่มร่ายวิชากระบี่มารคลั่งคำรบหนึ่ง หยดน้ำจำนวนนับไม่ถ้วนถูกตีแตกกระจาย มีหยดน้ำไม่น้อยกระเซ็นมาทางระเบียง เว่ยป้อโบกมือปัดทิ้ง ไม่ได้รีบร้อนเปิดปากเอ่ยธุระของตัวเอง เผยเฉียนออกกระบี่อย่างเต็มคราบพลางแผดเสียงไปด้วยว่า “นภาสีครามฟ้าผ่าเสียงฆ้องดัง ฝนตกกระหน่ำเหมือนเงินพุ่งมาปะทะใบหน้า รวยแล้วเจ้าข้าเอ้ย รวยแล้วเจ้าข้าเอ้ย…”
ภูเขาลั่วพั่วขาดเงินจริงๆ ข้อนี้ไม่ผิด เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน
แต่ถึงขั้นคิดอยากให้เงินร่วงหล่นลงมาจากฟ้าเช่นนี้ ก็น่าจะมีแต่เด็กหญิงที่แม้แต่ตัวนางเองก็ยังคิดว่าตัวเองเป็นตัวขาดทุนผู้นี้เท่านั้นแหละที่จะคิดได้
เว่ยป้อยิ้มกล่าว “ข้ามีจดหมายอยู่ฉบับหนึ่ง ใครอยากอ่าน?”
เผยเฉียนรีบเก็บไม้เท้าเดินป่า กระโดดลงมาจากราวระเบียง โบกมือหนึ่งที เฉินหน่วนซู่ที่ลุกขึ้นยืนต้อนรับซานจวินแห่งขุนเขาเหนืออยู่นานแล้ว รวมไปถึงโจวหมี่ลี่ที่ขยับตัวลุกขึ้นอย่างอืดอาดก็พากันค้อมเอวก้มหัวพร้อมกับเผยเฉียน พูดอย่างพร้อมเพรียงกันว่า “นายท่านซานจวินอุตส่าห์มาเยือนกระท่อมซอมซ่อ นับเป็นเกียรติอย่างใหญ่หลวง ขอให้ท่านมีเงินทองไหลมาเทมา!”
เว่ยป้อพยักหน้ารับพร้อมยิ้มตาหยี แล้วถึงได้มอบจดหมายที่เขียนด้วยตัวอักษรแบบบจงขนาดเล็กเท่าหัวแมลงวันไว้บนหน้าซองว่า ‘หน่วนซู่เป็นผู้เปิด เผยเฉียนเป็นผู้อ่าน หมี่ลี่เป็นผู้เก็บ’ ให้แก่แม่หนูหน่วนซู่
เฉินหน่วนซู่รีบเช็ดมือกับชายแขนเสื้อ ยื่นสองมือไปรับจดหมายมาแล้วแกะออกอย่างระมัดระวัง จากนั้นจึงมอบจดหมายให้เผยเฉียน เผยเฉียนรับจดหมายมาแล้วก็นั่งขัดสมาธิ ยืดเอวตรงอย่างสำรวม แม่นางน้อยอีกสองคนก็นั่งตามไปด้วย ศีรษะเล็กๆ ทั้งสามแทบจะชนกัน เผยเฉียนหันหน้ามาบ่นคำหนึ่งว่าหมี่ลี่เจ้าจับเบาๆ หน่อยสิ ถ้าจดหมายมีรอยยับจะทำอย่างไร หากเจ้ายังซุ่มซ่ามแบบนี้ วันหน้าข้าจะกล้ามอบหมายงานใหญ่ให้เจ้าไปทำได้อย่างไร?
แม่นางน้อยชุดดำหน้าเบ้ทันที น้ำตาคลอเจียนจะหยด เผยเฉียนจึงรีบคลี่ยิ้ม ลูบศีรษะเล็กของหมี่ลี่น้อยเบาๆ พลางเอ่ยปลอบใจอยู่สองสามคำ
เพียงครู่เดียวโจวหมี่ลี่ก็ยิ้มออก
เว่ยป้อฟุบตัวอยู่บนราวระเบียง ทอดสายตามองไปทิศไกล ฝนตกถี่กระชั้น ฟ้าดินสลัวราง มีเพียงระเบียงแห่งนี้ที่ทัศนียภาพแจ่มกระจ่าง
แม่นางน้อยทั้งสามคนอ่านจดหมายช้ามาก ต่างก็ไม่ยินดีจะพลาดไปแม้แต่คำเดียว แล้วก็รอคอยให้ชื่อของตัวเองปรากฎบนหน้าจดหมาย ต่อให้จะมีแค่ประโยคสองประโยค พวกนางก็น่าจะดีใจได้อีกเป็นนาน
หลังจากเผยเฉียนอ่านอย่างละเอียดไปแล้วหนึ่งรอบ โจวหมี่ลี่ก็เอ่ยว่า “อ่านอีกรอบสิ”
เผยเฉียนพูดเสียงขุ่น “พูดเหลวไหลอะไร”
จากนั้นก็อ่านวนไปอีกสามรอบ แล้วเผยเฉียนก็เก็บจดหมายที่มีแค่สองแผ่นสอดกลับในซองจดหมาย กระแอมอยู่สองสามทีแล้วเอ่ยว่า “พ่อครูบอกไว้ในจดหมายว่าอย่างไร อ่านชัดเจนแล้วหรือยัง? พ่อครูไม่ให้พวกเจ้าสองคนไปที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ ถึงอย่างไรเหตุผลก็เขียนไว้อย่างชัดเจนจนไม่เหลือพื้นที่ให้ตอบโต้ สมเหตุสมผลตามหลักฟ้าดิน ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ปัญหาก็มาแล้ว ในใจพวกเจ้ารู้สึกไม่พอใจหรือไม่? หากมีก็ต้องพูดออกมาดังๆ ในฐานะที่ข้าเป็นลูกศิษย์ใหญ่เปิดขุนเขาของพ่อครู ข้าจะต้องช่วยอธิบายให้พวกเจ้าเข้าใจกระจ่างชัดให้จงได้”
เฉินหน่วนซู่ยิ้มกล่าว “ข้าไปกำแพงเมืองปราณกระบี่ไม่ไหวหรอก ไกลเกินไป ออกจากภูเขาลั่วพั่วไปที่เขตการปกครองหลงเฉวียน แค่คืนเดียวข้าก็อยากกลับขึ้นมาบนภูเขาแล้ว”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!