นักพรตน้อยหันหน้ากลับไป มองไกลไปยังเงาร่างที่อยู่บนยอดเขาเดียวดายด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าคิดจะใช้กฎเกณฑ์มาห้ามปรามการกระทำของข้างั้นหรือ?”
เทียนจวินใหญ่ที่อยู่คนละสายกับนักพรตน้อยหัวเราะเสียงเย็น “กฎเกณฑ์? กฎเกณฑ์ล้วนมีข้าเป็นคนตั้ง เจ้าไม่ยอมรับเรื่องนี้มานานหลายปี แต่ข้าเคยใช้กฎเกณฑ์มาข่มเจ้าสักครั้งไหม? ก็มรรคกถาต่างกันเท่านั้น”
นักพรตน้อยเดือดดาลหนัก เดินวนอยู่ที่เดิม
แล้วจู่ๆ ก็มีศีรษะหนึ่งโผล่ออกมาอีกครั้ง พูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดว่า “ถูกคนต่างถิ่นทำให้รำคาญใจ ถูกคนของตัวเองทำให้อึดอัดใจ โมโหจะตายอยู่แล้ว มันน่าโมโหให้ตายจริงๆ”
เมื่อนักพรตน้อยโกรธาอย่างแท้จริงก็ชักนำให้ฟ้าดินเกิดภาพเหตุการณ์ผิดปกติ ทะเลเมฆเหนือภูเขาห้อยหัวพลิกตลบ คลื่นยักษ์โถมตัวอยู่บนมหาสมุทร เทพเซียนตีกัน แต่กลับเดือดร้อนให้เรือจำนวนนับไม่ถ้วนที่จอดเทียบท่าโยกคลอนขึ้นลง ผู้คนพากันแตกตื่น แต่กลับไม่รู้สาเหตุ
เทียนจวินใหญ่แห่งภูเขาห้อยหัวที่สร้างฟ้าดินขนาดเล็กขึ้นมาตรงประตูใหญ่ตีนเขานานแล้วเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “หยุดเมื่อพอสมควรเถอะ”
ชุยตงซานถึงได้เดินเข้าไปในกำแพงเมืองปราณกระบี่จริงๆ เสียที
หลักการเหตุผลบางอย่างที่เล็กเท่าเมล็ดงาเมล็ดถั่ว เมื่อเอามาโต้เถียงกับหมัดที่ใหญ่ที่สุดของภูเขาห้อยหัวจนได้คำตอบอย่างชัดเจนแล้ว ถ้าอย่างนั้นเรื่องยุ่งยากนับหมื่นที่อยู่ตรงหน้าก็ล้วนมีคนคอยช่วยคลี่คลายปัญหาให้เอง
แต่กระนั้นอารมณ์ของชุยตงซานก็ยังไม่ใคร่จะดีนัก
นักพรตน้อยคนนั้นก็มีมรรคกถาเพียงเท่านั้น ทว่าประวัติความเป็นมากลับไม่ธรรมดา ไม่พูดถึงอาจารย์ของนักพรตน้อย แต่ใครบางคนที่มีความเกี่ยวข้องกับนักพรตน้อยอย่างลึกล้ำยังเป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่อยู่ในจุดสูงที่สุดของป๋ายอวี้จิง ซึ่งอันที่จริงชุยตงซานเกลียดขี้หน้าเขามานานหลายปีแล้ว
เพียงแต่พอคิดว่าตนได้แต่เกลียดขี้หน้า แต่กลับไม่สามารถกดอีกฝ่ายลงบนพื้นแล้วสั่งสอนให้รู้ว่าเป็นคนควรทำตัวอย่างไรได้ทันที ได้แต่รอคอยไปก่อน รอให้โอกาสนั้นมาถึง ชุยตงซานก็ให้รู้สึกอึดอัดขัดใจยิ่งนัก
ตนเป็นคนมีเหตุผลขนาดนี้ คบหาสหายกว้างขวางไปทั่วใต้หล้า ใต้หล้านี้ก็ไม่ควรมีความแค้นใดที่ปล่อยให้ค้างคาข้ามคืนสิ
พอคิดถึงขอบเขตของเจ้าตะพาบเฒ่าชุยฉานในทุกวันนี้ ชุยตงซานก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่
ดังนั้นสีหน้าจึงไม่ค่อยน่ามองนัก
เผยเฉียนถามอย่างเป็นกังวลใจ “พูดจาไม่น่าฟังก็เลยถูกคนซ้อมเข้าให้? ออกจากบ้านมาอยู่ข้างนอก เสียเปรียบบ้างเล็กน้อยก็ต้องอดทนให้มาก”
ชุยตงซานส่ายหน้า ไม่ได้พูดสัพยอกกับศิษย์พี่หญิงใหญ่ของตัวเองอย่างที่หาได้ยาก
สายของเหวินเซิ่ง บุญคุณความแค้นก็ดี การอบรมสั่งสอนก็ช่าง ระหว่างอาจารย์และศิษย์ ระหว่างศิษย์พี่ศิษย์น้อง ไม่ว่าใครทำอะไรก็ล้วนควรให้เป็นเรื่องในบ้านตัวเองที่ปิดประตูตีกันอยู่ภายใน
สายเหวินเซิ่งของข้า นับตั้งแต่อาจารย์มาจนถึงลูกศิษย์ เคยทำร้ายใครเพียงเพราะความปรารถนาส่วนตัวบ้างหรือไม่?
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ต้องตกอยู่ในสถานะที่ได้แต่ให้คนอื่นซึ่งอยู่สูงส่งเกินใครบนฟ้าร่วมมือกันมาเจ้ากี้เจ้าการ ชี้ไม้ชี้มือบงการ?
สายของเหวินเซิ่งจะยังมีควันธูปให้พูดถึงอีกได้อย่างไร?
นี่เป็นคำพูดที่กล่าวผิดจริงๆ หรือ?
ไม่เลย!
อย่าว่าแต่ตลอดทั้งใต้หล้าไพศาลเลย พูดถึงแค่แจกันสมบัติทวีปที่เล็กที่สุด จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าบนภูเขาลั่วพั่วแขวนภาพเหมือนของใครเอาไว้บ้าง?
ตลอดร้อยปีที่ผ่านมา ความผิดอยู่ที่ชุยฉานผู้นั้น แน่นอนว่าก็ต้องอยู่ที่เขาชุยตงซานด้วย!
แล้วก็อยู่ที่ซิ่วไฉเฒ่าตกอับที่ขังตัวเองอยู่ในสวนกงเต๋อหลิน! อยู่ที่จั่วโย่วที่ไปหลบอยู่ในมหาสมุทรเพื่อเยี่ยมเยียนเซียนกับมารดาอะไรนั่น! แล้วก็อยู่ที่เจ้าคนโง่เง่าที่สุดที่เอาแต่กินข้าวไม่ออกแรง สุดท้ายก็ไม่รู้ว่าหายหัวไปอยู่ที่ไหน!
หากในอนาคตอาจารย์ของข้าชุยตงซาน ลูกศิษย์ของเจ้าซิ่วไฉเฒ่า ศิษย์น้องเล็กของเศษสวะอย่างพวกเจ้าสองคนที่มีแต่ตบะและขอบเขตเสียเปล่า แต่กลับไม่เคยรู้ว่าควรจะแบ่งเบาภาระให้สำนักอย่างไร ต้องมามีจุดจบเช่นนี้เหมือนกัน? ควรจะทำอย่างไร?
ยังจะเห็นทุกคนบนโลกเป็นศัตรู นั่งหยัดหลังตั้งตรง เงยหน้ามองแต่ละคนที่อยู่บนฟ้าเพียงลำพังแบบนั้นอีกหรือ?
ข้าชุยตงซาน?
วันหน้าหากต้องพิทักษ์แจกันสมบัติทวีปจนตัวตาย หากมีภัยใหญ่จากการที่แผ่นดินของทั้งทวีปจมดิ่ง สุดท้ายเจ้าตะพาบเฒ่าก็ยังไม่อาจตายได้ แต่เขาชุยตงซานสามารถตายได้
เผยเฉียนถามเสียงเบา “เป็นอะไรไป? เจ้าบอกข้ามาเถอะ หากข้าช่วยได้ก็จะช่วย ต่อให้ช่วยเจ้าไม่ได้ก็ยังคอยโบกธงร้องไห้กำลังใจเจ้าได้”
ชุยตงซานคลี่ยิ้ม “พอคิดว่ายังสามารถได้มาพบกับอาจารย์อีกครั้ง ข้าก็ดีใจ ดีใจจริงๆ”
เผยเฉียนพยักหน้ารับ จากนั้นก็เอ่ยสั่งสอนด้วยท่าทางจริงจังว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เก็บเอาไว้หน่อย อย่าดีใจครั้งเดียวหมด ต้องเอาความดีใจในวันนี้เหลือไว้ใช้วันพรุ่งนี้ วันมะรืน วันมะเรื่องบ้าง ทำแบบนี้หากวันหน้ามียามใดที่เสียใจก็สามารถเอาออกมาทำให้ดีใจได้แล้ว”
ชุยตงซานพลันหัวเราะ คราวนี้เขาอารมณ์ดีจริงๆ แล้ว
เพราะจู่ๆ เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่า เรื่องหนึ่งที่อาจารย์ของตนเชี่ยวชาญที่สุดในชีวิตนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นการมีชีวิตอยู่ต่อไป
ชุยตงซานเงยหน้าขึ้นมอง
กำแพงเมืองปราณกระบี่ เขาเพิ่งเคยมาเยือนครั้งแรกจริงๆ
ได้ยินมาว่าเจ้าคนที่ลืมไปแล้วว่าแซ่จั่วนามโย่วหรือแซ่โย่วนามจั่วผู้นั้น ทุกวันนี้ก็มานั่งกินลมตะวันตกเฉียงเหนืออยู่บนหัวกำแพง? ลมทะเลกินไม่อิ่มก็วิ่งมากินพายุลมกรดอีก สมองจะไม่เลอะเลือนได้หรือ?
พอคิดถึงว่าตนเคยมีศิษย์น้องเช่นนี้ก็ให้กลัดกลุ้มนิดๆ ขึ้นมาอีก
ชุยตงซานหรี่ตาลง “ไป ตรงไปที่หัวกำแพงเมืองเลย! ที่นั่นกำลังมีเรื่องสนุกให้ชม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!