หลีเจินไม่กำมือเป็นหมัดหลวมๆ อีกต่อไป มือข้างหนึ่งกำเป็นหมัดเบาๆ เลือดเนื้อของแขนทั้งแขนเริ่มแยกจากกัน กระดูกขาวแตกละเอียด
คิดไม่ถึงว่าจะอเนจอนาถถึงขั้นต้องใช้ยันต์อาวุธเซียนในมือชิ้นนี้
แขนทั้งข้างของหลีเจินหายวับไป สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย แต่จุดที่เดิมทีกำเป็นหมัดกลับมียันต์บรรพกาลที่เก่าแก่แผ่นหนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ
เห็นเพียงว่าคนหนุ่มที่แขนข้างหนึ่งห้อยร่องแร่ง มือซ้ายสะบัดชายแขนเสื้อก็มีชุดคลุมยาวสีทองชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นมา เขาวิ่งตะบึงไปด้านหน้าต่ออีกครั้ง แต่เวลาเดียวกันนั้นชุดคลุมยาวก็สวมลงบนร่างโดยอัตโนมัติ
นาทีถัดมา บนพื้นดินก็ปรากฏเทือกเขายาวที่มียอดเขาสามยอดสลับสล้างเรียงต่อกัน
มองไม่เห็นคนหนุ่มที่เปลี่ยนจากชุดสีเขียวมาสวมชุดคลุมยาวสีทองผู้นั้นอีกแล้ว
เส้นยาวสีทองเส้นหนึ่งพุ่งผ่านกลางอากาศของกำแพงเมืองปราณกระบี่ไป
ข้ามผ่านเทือกเขาใหญ่ทั้งสามลูกนั้น
หนึ่งกระบี่ฟันผ่าฟ้าดินขนาดเล็กที่กระบี่บินแห่งชะตาชีวิตแสงจันทร์และกระแสน้ำแห่งกาลเวลาร่วมกันสร้างขึ้นมา ร่วงตกลงบนศีรษะของหลีเจินโดยตรง
หลีเจินโยนเม็ดกระบี่ที่อยู่ในมือออกไป พริบตาเดียวมันก็หลอมรวมเข้าที่กลางหว่างคิ้วของของกวนจ้าวเซียนกระบี่ที่อยู่ข้างกาย
เรือนกายล่องลอยของเซียนกระบี่กวนจ้าวมีแสงกระบี่สาดส่องออกมาในชั่ววินาที เรือนกายที่สูงหลายสิบจั้งถือกระบี่ยาวสกัดขวางกระบี่สีทองเล่มนั้นเอาไว้
เลือดไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดของหลีเจิน ในใจมีแต่ความเคียดแค้น
จะตายคนเดียวก็ไม่ได้ ยังต้องลากตนลงน้ำไปด้วย!
เดิมทีมีเพียงแค่หนิงเหยาเท่านั้นที่มีคุณสมบัติจะทำให้ตนต้องจ่ายค่าตอบแทนยิ่งใหญ่ขนาดนี้!
เพื่อควบคุมยันต์อาวุธเซียนชิ้นนั้น ก็ต้องหักหนึ่งจิตหนึ่งวิญญาณของเขาหลีเจินออกไป! และเม็ดกระบี่นั้นก็ต้องหลอมรวมเข้ากับจิตแห่งกระบี่ของกวนจ้าว
ความตั้งใจเดิมของหลีเจินก็คือต้องการสละกวนจ้าวที่มีมูลค่าเทียบเท่ากับอาวุธเซียนสองชิ้น บวกกับยันต์สามขุนเขาเพื่อเอามาแลกชีวิตกับหนิงเหยาผู้นั้น!
ไม่อย่างนั้นหลังจากนี้ขอแค่จิตแห่งกระบี่ของตนสัมผัสกับ ‘กวนจ้าว’ แม้เพียงเล็กน้อย ก็หมายความว่าชีวิตนี้จะไม่อาจควบคุมกวนจ้าวหุ่นเชิดที่ในมือถืออาวุธเซียนชิ้นหนึ่ง และเดิมทีตัวเขาเองก็เป็นอาวุธเซียนชิ้นหนึ่งได้อย่างแท้จริงอีกแล้ว นั่นจะกลายเป็นซี่โครงไก่สำหรับเขา ยิ่งทำลายจิตแห่งเต๋าของเขาหลีเจินในชาตินี้ กวนจ้าวที่เคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเฉินชิงตู แม้จะตายก็ไม่ยอมทำเหมือนหลงจวินนักโทษที่เก่าแก่ที่สุดของกำแพงเมืองปราณกระบี่อะไรนั่น เดิมก็ควรตายไปอย่างหมดจด ตายไปอย่างรวดเร็วฉับไวไปนานแล้ว
หลีเจินพลันมองจุดสูงหลังจากที่ฟ้าดินและดินเชื่อมโยงกันแล้ว เบิกตากว้างมองจ้องเป๋งตรงไป
คือปิ่นหยกขาวชิ้นหนึ่งที่ค่อยๆ ร่วงลงมา
ไม่เหลือจิตหยินชุดขาวนั้นอยู่แล้วจริงๆ
กลางอากาศเหนือศีรษะ เจี้ยนเซียนอาวุธเซียนที่ตอนพุ่งมาเป็นแสงสีทองที่รวมตัวกันแน่นหนาปะทะเข้ากับกระบี่ยาวในมือของกวนจ้าว
นอกจากจุดที่หลีเจินยืนอยู่แล้ว พื้นดินรอบด้านพลันยุบยวบลงไปหลายสิบจั้ง
ระหว่างปิ่นหยกสีขาวกับหลีเจิน มีกระบี่บินอย่างซงเจิน ไฮเหลยที่ตั้งแต่ต้นจนจบแสร้งทำท่าอ่อนแอลอยอยู่พอดี
กลายเป็นเส้นตรงเส้นหนึ่งอย่างพอดิบพอดี
ระหว่างที่ปิ่นหยกขาวร่วงลงมาก็ปรากฏร่างของเฉินผิงอันคนหนึ่ง
วินาทีนั้นเฉินผิงอันเหยียบลงบนกระบี่บินซงเจิน วินาทีถัดมาก็เหยียบลงบนไฮเหลย
ก่อนจะได้เป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตทะยานลม ก็ควรต้องมีวิชาขี่กระบี่หลบหนีเอาชีวิตรอด
ดังนั้นชุยตงซาน ฉีจิ่งหลงและน่าหลันเย่สิงต่างก็ร่วมกันศึกษาจนได้วิชาลับนี้ออกมา
ก่อนหน้านี้กระบี่บินสองเล่มอย่างซงเจิน ไฮเหลยถูกหล่อหลอมให้กลายเป็นวัตถุที่คล้ายคลึงกับ ‘ยันต์’ นี่จึงเป็นเหตุให้สามารถใช้ซงเจิน ไฮเหลยมาเป็นเหมือนจุดเชื่อมต่ออย่างหนึ่งกลางแม่น้ำแห่งกาลเวลา ช่วยให้เฉินผิงอันสามารถถอยหนีจากสนามรบไปได้ร้อยลี้กว่า หรืออาจถึงขั้นหลายร้อยลี้
แต่ถึงท้ายที่สุดแล้ว สำหรับผู้ฝึกยุทธเต็มตัวอย่างเฉินผิงอัน วิธีการหนีเอาชีวิตรอดก็ยังควรจะเอามาใช้เป็นวิธีเข่นฆ่าเอาชีวิตกับผู้อื่นถึงจะถูก!
อันที่จริงร่างจริงของเฉินผิงอันก็หลอมรวมเป็นหนึ่งอยู่กับจิตหยินตลอดเวลา เพียงแค่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกว่าจิตหยินของตนออกจากร่างเดินทางไกล ถอนตัวออกไปจากบ่อสายฟ้าเท่านั้น
‘จิตหยิน’ ที่จงใจอยู่ในทัณฑ์สวรรค์ทะเลเมฆ ทัณฑ์ดินบ่อสายฟ้าถูกเซียนกระบี่เมล็ดงาสิบแปดท่านทำร้ายบาดเจ็บสาหัส เพียงแต่วินาทีสุดท้าย ร่างจริงกับจิตหยินได้เข้าไปซ่อนอยู่ในปิ่นหยกที่ปักอยู่บนมวยผมของจิตหยินด้วยกัน
ไม่อย่างนั้นหากรีบแอบเข้าไปหลบด้านใน บางทีในชั่วเวลาเพียงเสี้ยววินาที ปิ่นหยกขาวที่ไร้เจ้าของไปชั่วขณะชิ้นนั้นก็อาจตกอยู่ในมือของศัตรูก็เป็นได้
ส่วนชูอี สืออู่ ซงเจิน ไฮเหลย กระบี่บินรวมแล้วสี่เล่มต่างก็ไม่อาจเก็บร่างเฉินผิงอันผู้ฝึกยุทธเต็มตัวที่เป็นจิตหยางกายนอกกาย และชุดคลุมอาคมจินหลี่ที่มีระดับอาวุธเซียนชิ้นนั้นได้
ขอแค่ทั้งสองอย่างนี้ไม่ตาย แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
ในเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่ความคิดไม่กี่อย่างโลดแล่น ไม่พูดถึงเรื่องขอบเขตและเวทกระบี่ หากพูดถึงความคิดความกังวลที่มีมาก ต่อให้เจ้าเป็นเซียนกระบี่บนหัวกำแพงก็ยังสู้ข้าเฉินผิงอันไม่ได้
ทุกอย่างที่ทำลงไปก็เพื่อออกกระบี่ในยามนี้
หลีเจินเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าซับซ้อน ต่อให้ใช้ทุกวิถีทางที่มี แต่แล้วจะอย่างไรเล่า เพราะดูเหมือนว่าผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุด หมื่นหนึ่งที่เรื่องไม่คาดฝันทับซ้อนรวมกันจะมาเยือนแล้วจริงๆ
เฉินผิงอันยื่นมือออกไปคว้า แล้วท่องหนึ่งคำ
หนึ่งกระบี่ฟันฉับลงไป ผ่าร่างของหลีเจินเป็นสองท่อนโดยตรง
หลีเจินเพียงแค่เบี่ยงศีรษะเล็กน้อย
ดังนั้นในที่สุดจึงพอจะรักษาหัวที่สมบูรณ์แบบเอาไว้ได้
กระบี่ยาวในมือเป็นเพียงแค่ปณิธานกระบี่จำลองที่รวมตัวขึ้น คิดว่าทุกครั้งที่เฉินผิงอันถูกจั่วโย่วสอนกระบี่อยู่บนหัวกำแพง เขาใช้เวลาไปอย่างเสียเปล่าจริงๆ งั้นหรือ
ไม่ใช่เจี้ยนเซียนที่ยังคงคุมเชิงอยู่กับกวนจ้าว
ยามบัณฑิตพิศมองโลกมนุษย์ หมื่นสรรพสิ่งล้วนสามารถดึงนำมาให้ตัวเองใช้ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!