กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 634

ในห้องหลักยังมีผู้ดูแลเรือข้ามฟากที่อารมณ์ไม่ค่อยต่างจากป๋ายซีอยู่อีกหลายคน แต่ละคนนั่งตัวตรงอย่างสำรวม

และประโยคแรกที่เซี่ยจื้อเปิดปากพูดก็ทำให้ทุกคนกระวนกระวายนั่งไม่ติดที่ได้ทันที

“อาศัยความสามารถหาเงินมาได้คือเรื่องดี แต่หากไม่มีชีวิตเหลืออยู่ให้ใช้เงิน แบบนั้นก็ไม่ดีแล้ว”

ป๋ายซีข่มกลั้นอาการตกตะลึงไม่และความไม่สบอารมณ์ในใจ ถามเสียงหนักว่า “เซียนกระบี่เซี่ย เหตุใดถึงพูดแบบนี้?”

เซี่ยจื้อชำเลืองตามองเขา “ข้ามีชาติกำเนิดเป็นผู้ฝึกตนอิสระที่ขุดดินหาอาหารอยู่ล่างภูเขา ชีวิตนี้ทนเห็นเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลได้กำไรเป็นเงินก้อนใหญ่ไม่ได้มากที่สุด เหตุผลแค่นี้เพียงพอหรือไม่?”

ป๋ายซีอับจนคำพูดไปอย่างสิ้นเชิง

จวนพักอีกแห่งหนึ่ง ผู้ดูแลคนหนึ่งของเกราะทองทวีปเข้าประตูมาก็เห็นว่ามีคนนั่งอยู่ตรงตำแหน่งประธานของห้องหลักเช่นกัน คือสตรีคนหนึ่งที่หลับตาทำสมาธิ สะพายกระบี่ไว้ด้านหลัง

รูปโฉมธรรมดาไม่สำคัญ สำคัญที่กระบี่ยาว ‘ฝูเหยา’ ที่นางสะพายไว้ด้านหลังเล่มนั้นมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วเกราะทองทวีปและฝูเหยาทวีป และยังเกี่ยวพันไปถึงเรื่องราวในอดีตและคนในอดีตที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างถึงที่สุด กระบี่ยาวเล่มหนึ่งที่ตั้งชื่อตามทวีปแห่งหนึ่งได้ และเจ้าของกระบี่ดันไม่ใช่ผู้ฝึกตนของทวีปนั้น แล้วจะไม่มีเรื่องเล่าที่แปลกประหลาดเลยได้อย่างไร

เซียนกระบี่หญิงซ่งพิ่น

เคยมีอดีตนักกวีใหญ่คนหนึ่งของฝูเหยาทวีปมองเห็นซ่งพิ่นอยู่ไกลๆ ก็ไม่อาจลืมเลือนนางได้อีกเลยตลอดชีวิต คิดถึงซ่งพิ่นอยู่นานหลายปี ด้วยความรักที่ลุ่มหลงทำให้ตลอดชีวิตนี้ไม่เคยแต่งภรรยา ลำพังเพียงแค่บทกวีแห่งความคิดถึงคะนึงหาที่แต่งเพื่อนางก็สามารถนำมาทำเป็นรวมเล่มได้แล้ว และหนึ่งในนั้นก็คือประโยค ‘ข้าไม่เคยรู้จักท่านแต่กลับฝันถึง ดวงตาที่มองสบมาใสสว่างดุจแสงเทียน’ ที่สืบทอดไปอย่างแพร่หลายที่สุด ไม่เพียงเท่านี้ ยังมี ‘บทขับร้องและบทกวี’ หลายบทที่จงใจแต่งขึ้นโดยอิงตามลักษณะการพูดจาของซ่งพิ่น ซึ่งอันที่จริงก็สร้างความประทับใจให้ผู้คนได้เป็นอย่างดี ทั้งทำให้คนขำขันและเวทนาเป็นเท่าทวี

ผู้ฝึกตนเฒ่าหลายคนของเรือข้ามฟากที่อยู่ในห้อง แต่ละคนมีสีหน้ากลัดกลุ้ม เห็นพี่น้องร่วมทุกข์ร่วมยากที่เพิ่งมาใหม่คนนั้นแล้ว สีหน้าก็ไม่ได้ดีขึ้นแต่อย่างใด

พวกเขาไม่ได้มีอารมณ์สุนทรี หรือรู้สึกเศร้าระทมกัดกินใจอย่างนักกวีท่านนั้น รู้สึกเพียงว่าวันนี้มารวมตัวกันที่ภูเขาห้อยหัวอีกครั้ง ประตูเรือนชุนฟานแห่งนี้เข้ามาง่ายแต่คงออกไปได้ยากแล้ว

ซ่งพิ่นลืมตาขึ้น ยื่นสองนิ้วออกมาคีบจอกเหล้าที่วางไว้ข้างมือ กระดกดื่มจนหมดในรวดเดียว “มากันครบแล้วรึ? คนไม่น้อยเลย ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขอวางอำนาจเลี้ยงเหล้าทุกท่านก่อน แล้วค่อยมาคุยธุระกัน”

เซียนกระบี่เลี้ยงเหล้าด้วยตัวเอง ทั้งยังดื่มสุราคารวะก่อน

แต่ดื่มสุราคารวะไปแล้วจะตามมาด้วยสุราลงทัณฑ์หรือไม่ สวรรค์เท่านั้นที่รู้

ผูเหอเซียนกระบี่แห่งหลิวเสียทวีปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือคือผู้เฒ่าผอมสูงใบหน้าแห้งตอบคนหนึ่ง เขาไม่ได้นั่งอยู่ในห้อง แต่กำลังชมหิมะอยู่หน้าประตู ผู้ฝึกตนเฒ่าหลายคนของเรือข้ามฟากจึงได้แต่มายืนอยู่ในระเบียง มองดูหิมะใหญ่เท่าขนห่านตามเขาไปด้วย

ผูเหอเคยเป็นเซียนกระบี่ที่มีนิสัยชั่วร้ายที่สุดของหลิวเสียทวีป ฆ่าคนอาศัยแค่อารมณ์ชื่นชอบหรือโกรธเคืองเท่านั้น ว่ากันว่าเพราะถามกระบี่ล้มเหลวอยู่ที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ ถึงได้เก็บซ่อนตัวตนฝึกตนอยู่ในกำแพงเมืองปราณกระบี่ต่อ

ผูเหอรอให้ทุกคนมากันครบแล้วก็เอ่ยว่า “พวกเจ้าล้วนเป็นคนทำการค้า ชอบขายไปขายมา ถ้าอย่างนั้นในเมื่อต่างก็เป็นคนบ้านเดียวกันก็ขายหน้าให้ข้าสักหน่อย เป็นอย่างไร? ขายหรือไม่?” (ขายหน้าตา เป็นการแปลตรงตัว อีกความหมายหนึ่งก็คือการไว้หน้ากัน ให้เกียรติกัน)

ทุกคนหันมามองหน้ากันเอง

มีคนผู้หนึ่งปลุกความกล้า กุมหมัดเปิดปากถาม “ขอถามเซียนกระบี่ผูว่าท่านใช้สถานะของผู้ฝึกกระบี่กำแพงเมืองปราณกระบี่ถามคำถามนี้แก่พวกผู้น้อย หรือใช้สถานะของเซียนกระบี่แห่งหลิวเสียทวีปมาพูดคุยเรื่องเก่าๆ กับพวกผู้น้อย?”

ผูเหอชำเลืองตามองผู้ฝึกตนก่อกำเนิดที่ ‘ไม่ขายหน้าให้’ ผู้นี้แล้วเอ่ยว่า “ไสหัวออกไป นำความไปบอกหลี่สวิ้นบรรพบุรุษของพวกเจ้า วันหน้ารอให้ข้ากลับไปยังหลิวเสียทวีปเมื่อไหร่จะพาเพื่อนสนิทสองสามคนพกกระบี่ไปเป็นแขกที่ศาลบรรพจารย์บ้านเจ้า”

ไม่รอให้ผู้ฝึกตนก่อกำเนิดคนนั้นเอ่ยอะไรเพิ่มเติม ผูเหอก็เรียกกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตออกมา ปลายกระบี่ชี้ไปที่หว่างคิ้วของผู้ดูแลเรือข้ามฟากคนนี้ ราวกับว่าต้องการกักขังอีกฝ่ายเอาไว้ ทำให้อีกฝ่ายไม่กล้ากระดุกกระดิกแม้แต่น้อย จากนั้นผูเหอก็ยื่นมือมากระชากคอของอีกฝ่ายแล้วโยนไปไว้บนถนนใหญ่นอกเรือนชุนฟานได้อย่างง่ายดาย ใช้ริ้วคลื่นทะเลสาบหัวใจเอ่ยกับอีกฝ่ายว่า “เรือข้ามฟากลำนั้นของเจ้าชื่อว่า ‘มี่จุ้ย’ กระมัง มองดูแล้วไม่ค่อยแข็งแรงแน่นหนาสักเท่าไร ไม่สู้ข้าช่วยเปลี่ยนลำใหม่ให้เจ้าดีไหม? หลิงหรานผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบที่ทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ คนเดียวจะปกป้องได้หรือ?”

ผู้ฝึกตนก่อกำเนิดที่คิดว่าจะจากไปอย่างเจ็บแค้นผู้นั้นอึ้งค้างอยู่กับที่

เรือข้ามฟากลำนี้คือรากฐานแห่งชีวิตของสำนัก ขึ้นชื่อว่ามีขนาดใหญ่และแข็งแรงแน่นหนา ตั้งชื่อว่ามี่จุ้ยก็เพราะว่ามีสมบัติอาคมสะสมไว้เยอะมาก แล้วก็เพราะสาเหตุนี้ ทางสำนักถึงได้ตั้งใจเชื้อเชิญหลิงหรานผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบคนหนึ่งให้มาเฝ้าพิทักษ์อย่างลับๆ เพียงแต่ว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ นอกจากตนแล้ว คนของเรือข้ามฟากบ้านตัวเองก็น่าจะไม่มีใครรู้สิถึงจะถูก เพราะถึงอย่างไรการลงมือที่มีน้อยครั้งจนนับนิ้วได้ของเซียนกระบี่ผู้นั้นก็ลึกลับอำพรางอย่างถึงที่สุด

ผู้ฝึกตนก่อกำเนิดท่านนี้แข็งใจเดินกลับเข้ามาในประตูเรือนชุนฟานอีกครั้ง คิดว่าจะมาขอขมาผูเหอ

เขาไม่กลัวว่ากำแพงเมืองปราณกระบี่จะมีการกระทำใด เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีคนตายแน่นอน ยิ่งไม่ถึงขั้นตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์กับเขาโดยเฉพาะ แต่กลัวแค่ว่าผูเหอจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ กลายเป็นว่าเดือดร้อนให้ทั้งเขาและตลอดทั้งสำนักต้องอยู่ไม่สู้ตาย

สี่ผีใหญ่ตอแยยากที่สุดบนภูเขา ก็คือผู้ฝึกกระบี่ที่ร้ายกาจที่สุด

ถ้าอย่างนั้นหากเซียนกระบี่คนหนึ่งคิดว่าจะทำตัวน่าไม่อาย ประเด็นสำคัญคือยังเป็นคนทวีปเดียวกัน หากผูกปมแค้นแน่นหนายากจะคลายขึ้นมา อีกฝ่ายจะตอแยด้วยยากแค่ไหน ไม่ต้องคิดก็รู้ได้แล้ว

หน้าตาแบบนี้ จะขายหรือไม่ขาย?

คนหลายคนของเรือข้ามฝากทักษินาตยทวีปที่อยู่ในเรือนแห่งหนึ่งกำลังพูดคุยกับเซียนกระบี่หยวนชิงสู่คนบ้านเดียวกันที่มีสหายกว้างขวางอย่างชื่นบาน

หยวนชิงสู่ใช้วิธีการที่แตกต่างไปจากผูเหอ เซี่ยจื้อและซ่งพิ่นอย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่นำสุรามาดื่มกับทุกคนอย่างปรองดอง ยังพูดคุยหัวเราะแย้มยิ้มไม่หยุด บอกว่าตอนนี้กำแพงเมืองปราณกระบี่มีเหล้าถ้ำสวรรค์จู๋ไห่ที่ขึ้นชื่อมากที่สุด เพียงแต่ว่าเรื่องที่พูดถึงในช่วงสุดท้ายได้บอกว่า ลูกศิษย์ผู้สืบทอดทั้งหกคนของเขาสามารถไปแขวนชื่อเป็นผู้ถวายงานอยู่ในถ้ำสถิตตระกูลเซียนของสหายทุกท่านที่นั่งอยู่ที่นี่ได้ ส่วนธุระสำคัญที่ทำให้ทุกคนมาพบกันในวันนี้ ไม่ต้องรีบร้อน ดื่มเหล้าไปแล้ว จากนั้นไปที่ห้องโถงกลาง ย่อมได้คุยกันเอง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!