ตอน บทที่ 635.4 ย้ายภูเขาคว่ำมหาสมุทร จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 635.4 ย้ายภูเขาคว่ำมหาสมุทร คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ในที่สุดอู๋ฉิวก็ลุกขึ้นยืน กุมหมัดเอ่ยว่า “ใต้เท้าอิ่นกวานไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ การค้าขายก็เป็นเพียงการค้าขาย พวกเราทั้งสองฝ่ายต่างถอยกันคนละก้าว พยายามให้ได้ผลลัพธ์ที่ทุกคนยินดี ให้ด้านเงินทองเป็นดั่งสายน้ำเส้นเล็กที่ไหลได้ยาว”
อิ่นกวานหนุ่มทำเพียงแค่นั่งเท้าคางด้วยมือข้างเดียว ทอดสายตามองไปยังหิมะใหญ่เท่าขนห่านนอกประตู
เฉินผิงอันพูดเหมือนพึมพำกับตัวเองว่า “พวกเจ้าคิดจริงๆ หรือว่ากำแพงเมืองปราณกระบี่ไม่มีโชควาสนากับคนดี ไม่มีความสัมพันธ์ควันธูปกับใต้หล้าไพศาลเลยแม้แต่น้อย? คิดว่ากำแพงเมืองปราณกระบี่ไม่ใช้สิ่งเหล่านี้ก็แสดงว่าพวกมันไม่มีอยู่อย่างนั้นหรือ? แค่ไม่ทำตัวสกปรกต่ำช้าอย่างพวกเจ้าก็กลายเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเจ้าเข้าใจผิดคิดว่าเซียนกระบี่ไร้สมองแล้วหรือ? รู้หรือไม่ว่าทำไมตอนนี้พวกเจ้าถึงยังยืนอยู่โดยไม่ตายได้?”
เฉินผิงอันถามเองตอบเอง “นั่นก็เพราะว่าท่ามกลางกาลเวลาอันยาวนานเกือบหมื่นปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่ทักษินาตยทวีปมีเรือข้ามฟากลำแรกมาจอดเทียบท่าที่ภูเขาห้อยหัว นับตั้งแต่ ‘เจิ่นสุ่ย’ ลำนั้น หากข้าจำไม่ผิดล่ะก็ ลำที่สองก็คือเรือข้ามฟาก ‘ฟู่หย่าง’ ของสำนักอวิ๋นตู้ที่หายไปจากฝูเหยาทวีปแล้ว ส่วนลำที่สามก็คือของใบถงทวีปที่ทุกวันนี้ทั้งทวีปกลับไม่มีเรือข้ามฟากแม้แต่ลำเดียว นั่นก็คือ ‘ถงส่าน’ ที่เจอกับหายนะกลางทะเลเรือคว่ำคนตายกันหมด หลังจากนี้ข่าวนี้ส่งมาถึงกำแพงเมืองปราณกระบี่ เซียนกระบี่ก็ได้แต่ออกกระบี่เงียบๆ เซ่นไหว้พวกเขาอยู่ไกลๆ เรื่องนี้ผ่านมานานมากเหลือเกินแล้ว เกรงว่าแม้แต่เซียนกระบี่ในท้องถิ่นของกำแพงเมืองปราณกระบี่หลายคนที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็น่าจะไม่รู้เรื่องแล้ว”
เฉินผิงอันยืดตัวนั่งตรง
“ในช่วงเวลาแรกเริ่มสุดนั้น เรือข้ามฟากแทบทุกลำที่มุ่งหน้ามายังภูเขาห้อยหัวล้วนไม่ได้มาเพื่อหากำไร แต่ทุกลำเท่ากับว่าเอาเงินมามอบให้แก่กำแพงเมืองปราณกระบี่ ต่อให้เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป สถานการณ์จะเปลี่ยนแปลง และในความเป็นจริงแล้วก็เปลี่ยนจากเดิมไปมาก แต่ก็ไม่เป็นไร กำแพงเมืองปราณกระบี่ยังคงเห็นแก่น้ำใจของเรือข้ามฟากแปดทวีปของใต้หล้าไพศาลพวกเจ้า จึงจดจำเอาไว้ไม่เคยลืมเลือน เหตุใดปีนั้นทั้งๆ ที่น่าหลันเซาเหว่ยเดือดดาล แต่ก็ยังไม่เคยออกกระบี่ที่อาณาเขตของสำนักอวี่หลง? ตอนนี้คงรู้เหตุผลแล้วกระมัง? ไม่ใช่ว่าบรรพบุรุษของถ้ำซานสุ่ยผู้นั้นฉลาดล้ำอะไร แล้วก็ไม่ใช่ว่าแผนการในประสานนอกแตกแยกของเขาจะงดงามเพียงไหน เพราะหากปล่อยหนึ่งกระบี่ไป คนก็ตายได้ทันที”
“พวกเจ้าหากำไรก็ส่วนหากำไร เพราะจะว่าไปแล้วการที่ทรัพยากรของเรือแต่ละลำถูกส่งมาที่ภูเขาห้อยหัวไม่ขาดสาย แล้วส่งต่อไปยังกำแพงเมืองปราณกระบี่ หากไม่มีพวกเจ้า กำแพงเมืองปราณกระบี่ก็คงรักษาไว้ไม่ได้นานแล้ว ข้อนี้กำแพงเมืองปราณกระบี่ของพวกเราจำเป็นต้องยอมรับ แล้วก็ยินดีจะยอมรับ”
เฉินผิงอันลุกขึ้นยืน แล้วเขาก็พลันคลี่ยิ้มกว้าง ยื่นสองมือออกมากดลงบนความว่างเปล่าหลายที “นั่งกันเถอะ มัวยืนอึ้งกันอยู่ทำไม ข้าบอกว่าฆ่าคนก็จะฆ่าคนโดยไร้เหตุผลจริงๆ หรือ? พวกเจ้าก็เชื่อด้วยหรือไร?”
เห็นเพียงว่าอิ่นกวานหนุ่มผู้นั้นหัวเราะร่า “เจ้าของเรือเจียง นั่งลง หลิ่วเซินก็นั่งลงด้วย ทุกคนนั่งลงพูดคุยกันดีๆ เถอะ หาเงินด้วยความปรองดอง พวกเราล้วนเป็นคนทำการค้า ฆ่าแกงกันเอง ไม่เข้าท่าหรอก”
หมี่อวี้ไม่นั่งลง
ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้านั่งลง
ผู้ฝึกกระบี่ของใต้หล้าไพศาลอย่างเซี่ยซงฮวา ผูเหอ เซี่ยจื้อ เห็นได้ชัดว่าแต่ละคนยังแผ่จิตสังหารออกมาไม่เลิก
เฉินผิงอันเดินไปหยุดอยู่ด้านหลังเก้าอี้ของน่าหลันไฉ่ฮ่วน ยื่นสองนิ้วกดลงบนไหล่ของผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดหญิงผู้นี้เบาๆ แล้วเอ่ยด้วยเสียงในใจพร้อมยิ้มบางๆ “นำทุกคนนั่งลง ไม่อย่างนั้นก็ตายไปซะ การค้าที่ทำเกินเลยขอบเขตมากมายในมือของเจ้า ล้วนมีบันทึกไว้บนเอกสารคดีลับของสายอิ่นกวานอย่างชัดเจน ดังนั้นถึงได้บอกว่าเจ้าน่ะโง่เกินไป คิดจริงๆ หรือว่าความสามารถในการทำการค้าของบรรพบุรุษเจ้าสู้เจ้าไม่ได้? เจ้าห่างชั้นกับเซียนกระบี่ผู้เฒ่าไกลเป็นหมื่นลี้ น่าหลันเซาเหว่ยช่วยชีวิตเจ้าไปแล้วรอบหนึ่ง ไม่มีทางช่วยเจ้าได้เป็นครั้งที่สองหรอกนะ”
น่าหลันไฉ่ฮ่วนเหมือนถูกฟ้าผ่า ในสมองขาวโพลนว่างเปล่า สีหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด ทรุดตัวลงนั่งช้าๆ
จากนั้นอิ่นกวานหนุ่มก็วางสองมือไว้บนจุดสูงของพนักผิงด้านหลังน่าหลันไฉ่ฮ่วน มองพวกผู้ดูแลเรือข้ามฟากฝั่งตรงข้ามที่ทำตัวไม่ถูก แล้วพูดด้วยสีหน้าระอาใจว่า “ปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างมีมารยาท ใช้อำนาจสยบผู้อื่น ใช้เหตุผลอธิบายให้เข้าใจ ใช้ความรู้สึกทำให้ซาบซึ้ง คืนนี้อะไรที่ทำได้ อิ่นกวานตัวเล็กๆ อย่างข้าล้วนทำไปหมดแล้ว เหตุใดทุกคนถึงยังไม่ไว้หน้าข้าสักนิด? หืม?!”
ดังนั้นทุกคนจึงพากันนั่งลง
อิ่นกวานหนุ่มที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนผู้นี้มีวิธีการที่โหดเหี้ยม มีจิตใจอำมหิตไร้ปราณี แล้วสมองก็มีปัญหา!
เฉินผิงอันเดินกลับไปที่เดิม แต่ไม่ได้นั่งลง เขาเอ่ยเนิบช้าว่า “ไม่กล้ารับรองว่าทุกท่านจะต้องได้กำไรมากกว่าในอดีต แต่สามารถรับประกันได้ว่าทุกท่านจะได้กำไรไปไม่น้อย ประโยคนี้สามารถเชื่อได้ แต่ถ้าไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร บัญชีเบื้องหน้าทุกท่านที่นานวันจะยิ่งหนาขึ้นย่อมหลอกกันไม่ได้”
หมี่อวี้ลุกขึ้นยืน สะบัดชายแขนเสื้อ สมุดแต่ละเล่มก็พากันลอยออกมาจากจักรวาลในแขนเสื้อ แล้วพากันมาหยุดลอยอยู่ตรงหน้าผู้ดูแลเรือข้ามฟากทุกคน
เฉินผิงอันเอ่ยต่อไปว่า “วันหน้าทรัพยากรทั้งหมดที่กำแพงเมืองปราณกระบี่ต้องการล้วนอยู่บนรายการพวกนี้ มีการแบ่งระดับขั้นอย่างละเอียดตามอักษรภาคสวรรค์ของแผนภูมิสวรรค์ ราคาก็เขียนไว้ด้านบนหมดแล้ว ควรจะลดราคาอย่างเป็นรูปธรรมอย่างไร ก็ต้องดูที่ความสามารถในการขุดดินลึกสามฉื่อของทุกท่านในใต้หล้าไพศาลแล้ว เรือข้ามฟากลำอื่นๆ ที่ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมในคืนนี้ รบกวนทุกท่านนำความไปบอกต่อด้วย ทรัพยากรจำนวนมากในอดีต วันหน้ากำแพงเมืองปราณกระบี่จะไม่รับมาแม้แต่น้อย แต่ทรัพยากรบางอย่าง ใครที่นำมามอบให้ กำแพงเมืองปราณกระบี่ล้วนไม่ปฏิเสธ และราคาก็มีแต่จะยิ่งสูงขึ้น พื้นที่ของแปดทวีปต่างก็มีความพิเศษในตัวเอง”
“ผู้ที่ยอมให้กำแพงเมืองปราณกระบี่เชื่อเงินไว้ก่อนได้ และผู้ที่ไม่ยอมให้เราเชื่อเงิน ฝ่ายแรกคือมิตรภาพและความสัมพันธ์ควันธูป ฝ่ายหลังถือเป็นหน้าที่ของคนทำการค้าที่ต้องแสวงหาเงินทอง ล้วนมาคุยกับข้าเป็นการส่วนตัวได้ จะสามารถเอาการเชื่อเงินนี้แลกเปลี่ยนเป็นผลประโยชน์แท้จริงจากเรื่องอื่นมาชดเชยกันได้หรือไม่ ก็สามารถพูดคุยกันได้เช่นกัน”
ผู้ดูแลเรือข้ามฟากทุกลำต่างก็เริ่มอ่านสมุดที่อยู่เบื้องหน้าตนเองอย่างละเอียด
กล่าวมาถึงตรงนี้ เฉินผิงอันก็ยิ้มมองป๋ายซีผู้ฝึกตนก่อกำเนิดของถ้ำซานสุ่ย “ประหลาดใจมากเลยใช่หรือไม่? อันที่จริงเรื่องที่เจ้ากระทำการบางอย่างอย่างลับๆ เรื่องหนึ่งในนั้นดูเหมือนว่าก็คือการปลดสินค้าออกแล้วค่อยบรรจุใหม่ก่อนจะมาถึงภูเขาห้อยหัว พยายามให้เรือข้ามฟากลำหนึ่งขายทรัพยากรได้หลายชนิด เพื่อที่ว่าจะทำได้ราคาสูง หลีกเลี่ยงไม่ให้ต่างฝ่ายต่างกดราคากันเอง กลายเป็นว่าต้องขายให้กำแพงเมืองปราณกระบี่ในราคาถูก เดิมทีกำแพงเมืองปราณกระบี่ของพวกเราก็ช่วยเจ้าทำอยู่แล้วหรือเปล่า? เทพเซียนผู้เฒ่าป๋ายซีเอ๋ย เจ้าลองถามใจตัวเองดูเถิด เดิมทีกำแพงเมืองปราณกระบี่ก็ทำการค้าที่เปิดเผยตรงไปตรงมากับเจ้าถึงเพียงนี้ แต่เจ้ากลับยังทำลับๆ ล่อๆ ไม่เห็นความดีของพวกเรา ไยต้องทำให้ตัวเองลำบากเช่นนั้น? ส่วนใครที่เป็นคนเปิดโปงความคิดของเจ้า ก็อย่าได้คิดไปสืบเสาะเลย ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรในฝูเหยาทวีปและความสามารถของถ้ำซานสุ่ย การหาเงินต่อจากนี้มีแต่จะยุ่งหัวไม่วางหางไม่เว้น จะมัวคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแบบนี้ไปไย?”
ผู้ฝึกตนของธวัลทวีปอ่านถึงจุดหนึ่งก็อึ้งค้างไปนาน นับแต่วันนี้ไปกำแพงเมืองปราณกระบี่จะกว้านซื้อเงินเกล็ดหิมะอย่างนั้นหรือ?!
ผู้ดูแลของตระกูลฝูนครมังกรเฒ่าอ่านไปถึงหน้าหนึ่งก็รู้สึกว่าน่าสนใจอยู่เหมือนกัน เพราะหินรากเมฆที่เป็นผลผลิตเฉพาะของภูเขาเมฆาเรืองซึ่งเป็นพันธมิตรกับตระกูลฝูมานาน มีการเพิ่มราคาให้สูงขึ้น!
แม้แต่พวกผู้ดูแลเรือข้ามฟากของอุตรกุรุทวีปที่ไม่ยินดีจะหากำไรเป็นกอบเป็นกำให้ตัวเองมากที่สุดก็ยังไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี ดีนักนะ ดูท่าหลังกลับไปถึงทวีปของตนคงต้องนั่งลงพูดคุยกับสำนักพีหมาของชายหาดโครงกระดูกให้ดีๆ ซะแล้ว
สุดท้ายเฉินผิงอันเอ่ยว่า “เงินที่จะได้ต่อจากนี้ ทุกท่านสามารถช่วงชิงมาได้ตามสบาย หากมีคนหยุดจอดเรือข้ามฟากไว้ที่ทวีปของตัวเอง ยืนกรานว่าจะไม่เอาเงินเทพเซียนนี้ จะทำตัวเจ้าแง่แสนงอนเป็นเด็กๆ ตัดสินใจตามอารมณ์ของตัวเอง ก็ได้เหมือนกัน ขุนเขาเขียวไม่แปรเปลี่ยน สายน้ำเส้นเล็กไหลยาว มิตรภาพส่วนนี้ค่อยๆ มาคิดกันได้ อีกอย่างนอกจากเรื่องของส่วนรวมแล้ว ผู้ดูแลเรือข้ามทวีปทุกลำก็ควรจะคิดถึงมหามรรคาของตัวเองดูบ้าง สิ่งของหรือสมบัติตระกูลเซียนบางชิ้นที่ต้องการเพิ่มเติมจากหอโอสถ กำแพงเมืองปราณกระบี่ของพวกเราจะมีบันทึกเก็บไว้ ขอแค่ทำได้ก็จะช่วยพวกเจ้าแลกเปลี่ยนสิ่งของที่ต้องการมาให้ได้ หากจำเป็นต้องจ่ายเงินเทพเซียนเพิ่ม แน่นอนว่าพวกเราก็จะบอกกับพวกเจ้าอย่างตรงไปตรงมา ในช่วงเวลาระหว่างนี้ ข้ารับประกันว่ากำแพงเมืองปราณกระบี่ไม่คิดจะรังเกียจเงินเกล็ดหิมะเพียงเหรียญเดียวของใครทั้งนั้น และนี่ก็ถือว่าเป็นผลประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ที่มอบให้ทุกท่านเพิ่มเติม”
เจียงเกาไถเปิดตำราเล่มหนานั้นอย่างไม่กระโตกกระตาก ใช้เสียงในใจถามว่า “ใต้เท้าอิ่นกวาน จะไม่ฆ่าคน แค่ทำการค้ากันจริงๆ หรือ?”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ดูแค่ผลลัพธ์ ไม่ดูขั้นตอน ข้าไม่ควรต้องขอบคุณเจ้าหรอกหรือ? วันใดที่พวกเราทั้งสองไม่ทำการค้ากันแล้วค่อยมาคิดบัญชีย้อนหลังกัน แต่เจ้าก็วางใจเถอะ ทุกการค้าที่ทำสำเร็จ ราคาล้วนวางอยู่ตรงนั้น ไม่เพียงแต่เจ้ายินยอมข้าพร้อมใจ อีกทั้งยังถือว่าเป็นน้ำใจควันธูปเล็กๆ น้อยๆ จากเจ้า ดังนั้นจึงมีหวังที่วันหน้าบัญชีนี้จะหายกันไป นับจากนั้น ฟ้าดินกว้างใหญ่ ชีวิตนี้พวกเราจะยังได้พบเจอกันอีกหรือไม่ก็ยังบอกได้ยาก”
เจียงเกาไถกึ่งเชื่อกึ่งสงสัย
หากเฉินผิงอันไม่ใช้เสียงในใจตอบคำถามของคนบางส่วนอย่างเงียบเชียบ
ก็จะเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดกับใครสักคนแทน
ในห้องโถงใหญ่ของเรือนชุนฟานภูเขาห้อยหัว
หิมะใหญ่ด้านนอกตกลงสู่โลกมนุษย์
หมี่อวี้แอบถามเบาๆ ว่า “ใต้เท้าอิ่นกวาน จะปล่อยผ่านไปทั้งอย่างนี้จริงๆ หรือ?”
เฉินผิงอันย้อนถาม “ข้าเคยบอกว่าจะปล่อยผ่านหรือ?”
หมี่อวี้เอ่ย “ดูเหมือนว่าจะเคยนะ”
เฉินผิงอันกล่าว “แต่ไหนแต่ไรมา ข้าพูดจาอะไร แม้แต่ตัวข้าเองก็ยังไม่เชื่อเลยนะ”
หมี่อวี้เข้าใจได้โดยพลัน “เข้าใจแล้ว!”
เฉินผิงอันชำเลืองตามองเซียนกระบี่ใหญ่หมี่ผู้นี้
หมี่อวี้จึงมองไปยังเส้าอวิ๋นเหยียนที่นั่งโง่ๆ ไม่ทำอะไรสักอย่างอยู่ตรงหน้าประตู แล้วเปิดปากถามว่า “เซียนกระบี่เส้า ในจวนมีชาดีสุราดีบ้างหรือไม่ ปล่อยให้ใต้เท้าอิ่นกวานนั่งอยู่แบบนี้คงไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไรกระมัง?”
เส้าอวิ๋นเหยียนคลี่ยิ้มไม่เอ่ยคำใด แล้วก็ไม่มีท่าทีว่าจะขยับตัว
หมี่อวี้จึงควักเหล้าหมักตระกูลเซียนกาหนึ่งออกมาเอง แล้วมอบให้กับใต้เท้าอิ่นกวาน
ลุกขึ้นเอาเหล้ามามอบให้ วางไว้บนโต๊ะ หมุนตัวกลับอย่างสง่างาม นั่งลงอย่างผึ่งผาย
ดั่งน้ำมาคลองสำเร็จ ไม่รู้สึกอึดอัดกระอักกระอ่วนแม้แต่น้อย
เจ้าของเรือนชุนฟานที่นั่งอยู่ตรงประตูถึงขั้นรู้สึกขายหน้าแทนเซียนกระบี่ขอบเขตหยกท่านนี้ด้วยซ้ำ
ตอนนี้หมี่อวี้ต้องไม่รู้แน่ๆ ว่า ในอนาคตตำแหน่งลูกสมุนอันดับหนึ่งข้างกายเฉินผิงอันต้องตกเป็นของเขาอย่างแน่นอน นี่ก็คือชะตาชีวิต
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!