กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 637

หมี่อวี้กระอักกระอ่วนเล็กน้อย “ใต้เท้าอิ่นกวานพูดมาตรงๆ ก็ได้ หมี่อวี้ก็แค่สนใจเรื่องความรักชายหญิงมากกว่า ออดอ้อนคลอเคลียกับสตรี ข้าถนัดกว่าฝึกกระบี่สังหารศัตรู”

เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “น้ำดินของพื้นที่หนึ่งเลี้ยงคนรูปแบบหนึ่ง ใต้หล้าไพศาลไม่มีทางมีผู้ฝึกกระบี่ได้มากมายขนาดนี้ แต่ค่าตอบแทนก็คือต้องให้คนนอกที่คุ้นเคยกับกฎของต่างถิ่นมาเป็นอิ่นกวาน แต่หากข้าเสียสมาธิเพราะเรื่องนี้ ยิ่งนานวันจิตแห่งมรรคาก็ยิ่งห่างไกลกับคำว่าบริสุทธิ์มากขึ้นทุกที คอขวดการฝึกตนในอนาคตของข้าก็มีแต่จะยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ แต่ข้าสามารถรับรองได้ว่า ขอแค่ไม่มีเรื่องไม่คาดฝันที่ใหญ่นัก ความสำเร็จบนมหามรรคาของเซียนกระบี่หมี่ โดยเฉพาะความสามารถในการเข่นฆ่าก็น่าจะสูงยิ่งกว่าข้า”

หมี่อวี้พยักหน้า “ขอบเขตไม่สามารถแก้ไขเรื่องทุกอย่างได้ แต่สามารถแก้ไขเรื่องหลายอย่างได้”

เฉินผิงอันเอ่ย “ขอบเขตสามารถแก้ไขเรื่องหลายอย่างได้ แต่ขอบเขตไม่สามารถแก้ไขเรื่องทุกอย่างได้”

หมี่อวี้เอ่ยชื่นชม “การที่ใต้เท้าอิ่นกวานได้เป็นใต้เท้าอิ่นกวาน ก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล”

เฉินผิงอันไม่ได้ต่อคำ เพียงยิ้มเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้เส้าอวิ๋นเหยียนได้เอ่ยถ้อยคำที่ถือเป็นการผลักเรือตามกระแสน้ำกับข้า ถือเป็นวิธีการอย่างหนึ่งที่แสดงออกถึงท่าทีของเขา โดยคร่าวๆ แล้วก็คือตรงข้ามกับเจ้าพอดี เขาเกลี้ยกล่อมไม่ให้ข้าทำอะไรโดยใช้อารมณ์ ฆ่าคนบริสุทธิ์พร่ำเพื่อ คำพูดที่ใช้ละมุนละม่อมมาก แต่หากข้าไม่ยอมเชื่อฟังคำเกลี้ยกล่อมของเขา วันหน้าหากมีการพูดคุยธุระกันอีก คาดว่าก็คงต้องเปลี่ยนสถานที่ประชุมเป็นตำหนักสุ่ยจิงหรือเรือนหลิงจือแล้ว เจ้าคิดว่าการที่เส้าอวิ๋นเหยียนไปนั่งอยู่ตรงหน้าประตูใหญ่ ก็เพียงแค่เพื่อเป็นเทพทวารบาลให้กับกำแพงเมืองปราณกระบี่ของพวกเราเท่านั้นจริงๆ หรือ? เซียนกระบี่ท่านหนึ่ง ความหยิ่งทระนงไม่ได้ต่ำเช่นนั้นหรอก”

หมี่อวี้ขมวดคิ้วมุ่น

เฉินผิงอันโบกมือ “ไม่จำเป็นต้องพานโมโหเส้าอวิ๋นเหยียนเพราะเรื่องนี้ ขอแค่พูดจามีเหตุผล ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ควรจะฟัง แล้วนับประสาอะไรกับที่นับแต่นี้ไป เส้าอวิ๋นเหยียนก็ไม่ถือสาหากพวกเราจะใช้วิธีการที่อำมหิตบางอย่าง ข้าเคยลองหยั่งเชิงแล้ว เขารับได้ ไม่เพียงเท่านี้ เขายังยินดีจะลงมือด้วยตัวเอง อีกทั้งยังรับปากข้าว่าจะตามผู้มีพรสวรรค์ด้านการค้าที่เชี่ยวชาญการปลอมบัญชีคนนั้นกลับมา ดังนั้นแม้จะบอกว่าวกวนอ้อมค้อม แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงเป็นผลลัพธ์ที่ข้าต้องการ”

หมี่อวี้เอ่ยเบาๆ “ลำบากอยู่ไม่น้อย”

โดยทั่วไปแล้ว หากประโยคใดที่ไม่เอ่ยเรียกว่าใต้เท้าอิ่นกวาน ส่วนใหญ่ล้วนเป็นถ้อยคำจากใจจริงของหมี่อวี้

เฉินผิงอันลุกขึ้นยืน “จะแค่ฟาดไม้ทุบให้คนมึนงงอย่างเดียวไม่ได้ ควรจะมอบผลประโยชน์ที่แท้จริงให้บ้างแล้ว ไม่อย่างนั้นรอให้พวกเขาคืนสติก็จะยังอวดฉลาดลงมือทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ข้าสามารถรับมือได้ไหว แต่ไม่มีเวลามากขนาดนั้น”

ย้อนกลับไปที่ห้องโถงกลางของเรือนชุนฟาน ทุกคนประจำที่นั่งกันแล้ว

เฉินผิงอันนั่งลงบนตำแหน่งประธาน ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ไม่ทะเลาะถกเถียงก็ไม่ใช่สหาย ในเมื่อเป็นเพื่อนกันแล้ว ข้าจึงมีของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มอบให้กับทุกคน”

คิดไม่ถึงว่าไม่มีใครที่รู้สึกผ่อนคลาย แต่ละคนกลั้นหายใจทำสมาธิ เจ้าของเรือผู้เฒ่าหลายคนถึงขั้นเอามือเก็บซ่อนไว้ในชายแขนเสื้อสองข้าง เตรียมพร้อมหากพูดจาไม่เข้าหูกันจะได้…หนีเอาชีวิตรอดได้ทัน

ตอนนี้ไม่มีเซียนกระบี่นั่งคุมอยู่ฝั่งตรงข้าม ใต้เท้าอิ่นกวานผู้นั้นกลับคิดจะฆ่าคนแล้วอย่างนั้นหรือ?

ดูเหมือนว่าสมองของอิ่นกวานหนุ่มผู้นี้จะไม่ค่อยเหมือนคนปกติ เขาน่าจะทำอย่างนั้นได้จริงๆ!

เฉินผิงอันยิ้ม “ก็แค่ของขวัญเล็กๆ ทำเองเท่านั้น ทุกคนไม่จำเป็นต้องนั่งกันอย่างสำรวมขนาดนี้”

หมี่อวี้ลุกขึ้นยืนช้าๆ

เจ้าของเรือฝั่งตรงข้ามหลายคนที่ค่อนข้างขี้ขลาดเกือบจะลุกขึ้นตามจิตใต้สำนึก เพียงแต่ก้นเพิ่งจะกระดกขึ้นเล็กน้อยก็พบว่าไม่เหมาะสม จึงนั่งกลับลงไปบนเก้าอี้เงียบๆ อีกครั้ง

หมี่อวี้เอามือหนึ่งไพล่หลัง อีกมือหนึ่งสะบัดชายแขนเสื้อของชุดคลุมเบาๆ แผ่นหยกประหลาดที่มีประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ไหลวนเวียน มีปราณกระบี่โอบล้อมก็มาลอยอยู่เบื้องหน้าเจ้าของเรือแปดทวีปทั้งห้าสิบสี่คน

จิตของหมี่อวี้เคลื่อนไหวเล็กน้อย ไม่มีริ้วคลื่นใดๆ ชักนำ แผ่นหยกทั้งหมดกลับตั้งตรงขึ้นมาในชั่วพริบตา แล้วจึงพลิกหมุนช้าๆ เพื่อให้พวกคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามได้เบิกตาสุนัขมองให้ชัดเจน

ทุกคนไม่มีเวลามาสนใจวิชาอภินิหารของเซียนกระบี่ขอบเขตหยกดิบท่านนี้แล้ว

อู๋ฉิวเพ่งสายตามองไป รูปร่างคล้ายป้ายสงบสุขปลอดภัยที่ธรรมดาที่สุดของใต้หล้าไพศาล ไม่ได้แยกชัดว่าด้านไหนหน้าตรงด้านไหนฝั่งหลัง ด้านหนึ่งแกะสลักคำว่า ‘กำแพงเมืองปราณกระบี่’ อีกฝั่งหนึ่งแกะสลักคำว่า ‘ใต้หล้าไพศาล’ เพียงแต่ว่าด้านที่แกะสลักสี่คำว่ากำแพงเมืองปราณกระบี่ยังมีตัวอักษรตัวเล็กๆ อีกสองคำว่า ‘อิ่นกวาน’ รวมไปถึงตัวอักษรเล็กเท่าหัวแมลงวันที่เล็กยิ่งกว่า เขียนระบุตัวเลข เก้า

อู๋ฉิวกวาดตามองไปยังแผ่นหยกชิ้นอื่นอย่างรวดเร็ว ของถังเฟยเฉียนคือตัวเลข ‘สิบสอง’ เจียงเกาไถสิบหก

ป๋ายซีผู้ดูแลเรือข้ามฟาก ‘อ่างกระเบื้อง’ แห่งฝูเหยาทวีป ตัวอักษรระบุตัวเลขเป็นคำว่าสิบสาม

หลิ่วเซินเจ้าของเรือ ‘หนีซาง’ ที่นั่งอยู่ใกล้ประตูใหญ่มากที่สุดคือ เก้าสิบหก

เฉินผิงอันนั่งเอนตัวพิงโต๊ะสี่เซียน

หมี่อวี้เปิดปากเอ่ยว่า “อย่าได้สนใจตัวเลขมากน้อย สรุปก็คือไม่ว่าใครก็ล้วนมีส่วน แผ่นหยกชิ้นนี้ใต้เท้าอิ่นกวานเป็นวาดและแกะสลักกับมือตัวเอง แผ่นหยกทุกแผ่นล้วนมีปราณกระบี่ของเซียนกระบี่สองถึงสามท่านอยู่ด้านใน ส่วนเรื่องที่ว่าจะเป็นเซียนกระบี่ท่านไหนที่โปรดปรานแผ่นหยกชิ้นไหน นอกจากใต้เท้าอิ่นกวานแล้วก็ไม่มีใครรู้อีก จะอนุมานจนหาคำตอบเจอได้อย่างไร ทุกท่านก็ได้แต่อาศัยวิธีการของตัวเองไปสืบเสาะเอาเท่านั้น สรุปก็คือมองไปทั่วทั้งใต้หล้าไพศาล ไม่ว่าใครก็ไม่อาจเลียนแบบได้ หากจะบอกว่ามีราคา ก็คงไม่ถึงขั้นนั้น ทุกท่านล้วนเป็นคนทำการค้า มีของสิ่งใดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนบ้าง แต่หากจะบอกว่าไม่มีค่าเสียเลย ถึงอย่างไรมันก็เป็นของที่หายากชิ้นหนึ่ง”

หมี่อวี้กล่าวมาถึงตรงนี้ก็เพิ่มน้ำหนักในระดับน้ำเสียง “วันหน้าหากคนอื่นๆ คิดอยากจะได้รับแผ่นหยกเช่นนี้ก็คงต้องดูว่าจะมีโอกาสได้พบหน้าใต้เท้าอิ่นกวานของพวกเราหรือไม่ จะมีคุณสมบัติกลายเป็นแขกผู้มีเกียรติของเรือนชุนฟานหรือไม่ ข้าสามารถยืนยันได้เลยว่า ยากมาก อีกอย่างแผ่นหยกนี้ก็มีรวมทั้งหมดแค่เก้าสิบเก้าแผ่น ไม่มีทางสร้างเพิ่มไปมากกว่านี้แล้ว เป็นเหตุให้จำนวนตัวเลขที่มากที่สุดก็คือเก้าสิบเก้า ดังนั้นในอนาคตหากใครเห็นแผ่นหยกที่มีตัวเลขเป็นหนึ่งร้อย จงมองเป็นเรื่องตลกได้เลย”

เส้าอวิ๋นเหยียนพลันเปิดปากเอ่ยว่า “ข้าเองก็เป็นแขกเหมือนกัน เหตุใดถึงมีเพียงข้าที่ไม่มีแผ่นหยกนี้? ข้าว่ายิ่งตัวเลขน้อยเท่าไรก็ยิ่งเป็นแขกผู้มีเกียรติเท่านั้น ถ้าอย่างนั้นข้าก็ขอแผ่นหยกที่สลักจำนวนตัวเลขว่าเก้าสิบเก้าก็แล้วกัน”

หมี่อวี้ไม่กล้าตัดสินใจเองโดยพลการ จึงหันหน้าไปมองเฉินผิงอัน

เจียงเกาไถพลันลุกขึ้นกุมหมัด พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ใต้เท้าอิ่นกวาน แผ่นหยกของข้านี้สามารถเปลี่ยนเป็นชิ้นที่มีเลขเก้าสิบเก้าได้หรือไม่?”

ครั้งนี้ไม่ใช่ว่าใต้เท้าอิ่นกวานหนุ่มพูดบอกอะไรกับเขาจริงๆ แต่เป็นเจียงเกาไถเองที่หวังว่าจะเปลี่ยนแผ่นหยกตรงหน้าให้เป็นแผ่นที่มีตัวเลขมากที่สุด

เดิมพันเล็กๆ น้อยๆ?

ไม่แน่เสมอไปว่าจะเป็นการเดิมพันที่เล็ก

เจียงเกาไถเชื่อมั่นในลางสังหรณ์ของตัวเองมาโดยตลอด ช่วงเวลาที่เป็นกุญแจสำคัญมากมายบนเส้นทางของการฝึกตน ก็เพราะเจียงเกาไถอาศัยความเลื่อนลอยที่ไร้เหตุผลให้อธิบายข้อนี้ถึงช่วงชิงทรัพย์สินมากมายอุดมสมบูรณ์เช่นนี้มาได้

เส้าอวิ๋นเหยียนยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เจ้าของเรือเจียง นี่เจ้าจะแย่งกับข้าหรือ? ไม่มีคุณธรรมไปหน่อยหรือไม่? แล้วนับประสาอะไรกับที่ยิ่งตัวเลขน้อย ก็ไม่แน่ว่าเซียนกระบี่สองสามท่านที่ราดรดปราณกระบี่ลงไปในแผ่นหยกอาจจะยิ่งมีขอบเขตสูง เหตุใดถึงต้องคิดเล็กคิดน้อยกับตัวเลขมากน้อยพวกนี้ด้วยเล่า?”

เจียงเกาไถยิ้มพลางหันกลับมากุมหมัดอีกครั้ง “ขอเซียนกระบี่เส้าโปรดตัดใจมอบของรักให้ข้าด้วยเถิด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!