กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 637

เฉินผิงอันแค่เดินเล่นอย่างเดียวเท่านั้นจริงๆ ระหว่างทางก็ปั้นลูกหิมะลูกใหญ่เก็บใส่ไว้ในวัตถุจื่อชื่อ คิดว่าจะนำไปมอบให้กับกวอจู๋จิ่ว เพราะตอนนี้กำแพงเมืองปราณกระบี่อากาศร้อนแผดเผาอย่างยิ่ง

คาดว่าหลายวันต่อจากนี้กิจการของเรือนหลิงจือจะต้องดีมากเป็นแน่

นี่คือส่วนที่สำนักต้องจ่าย สามารถจดลงบัญชีได้ แต่คิดดูแล้วทุกคนคงยังต้องควักกระเป๋าเงินตัวเองเอาสมบัติตระกูลเซียนที่เข้าท่าเข้าทีออกมาอีกชิ้นหนึ่ง มอบของขวัญไม่มอบให้เพียงชิ้นเดียว เพราะเรื่องดีๆ มักต้องมาเป็นคู่

ครึ่งชั่วยามถัดมาหมี่อวี้ก็มาหาอิ่นกวานหนุ่ม

เฉินผิงอันยิ้มเอ่ยสัพยอกว่า “อีกฝ่ายไม่ได้รับปากแต่ก็เหมือนรับปาก ทำให้เจ้าได้มิตรภาพมาเปล่าๆ ครั้งหนึ่ง? ก่อนจะจากกันได้มองเจ้าด้วยดวงตาคลอประกายน้ำ ด่าเจ้าชุดใหญ่ แล้วบอกให้เจ้าไสหัวออกไปหรือไม่? แต่ด้วยตบะของเซียนกระบี่หมี่น่าจะต้องทิ้งสมบัติชิ้นนั้นไว้ได้สำเร็จถึงจะถูก”

หมี่อวี้กล่าวอย่างจนใจ “ใต้เท้าอิ่นกวาน หากท่านตั้งใจใช้ความคิดและจิตใจกับสตรีสักหน่อย คงร้ายกาจน่าดู สุดท้ายข้าก็เอาสมบัติชิ้นนั้นวางทิ้งไว้หน้าประตู”

เฉินผิงอันลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยว่า “ข้าให้เจ้าทำเรื่องสองเรื่อง ดังนั้นจึงยังมีสมบัติอีกชิ้นที่จะเป็นของเจ้า กลับไปถึงกำแพงเมืองปราณกระบี่ เจ้าเลือกชิ้นหนึ่งเอาไปมอบให้พี่ชายได้”

หมี่อวี้เริ่มอึดอัดขึ้นมาอีกครั้ง

รู้ว่าใต้เท้าอิ่นกวานผู้นี้หวังดี แล้วก็รู้ว่าพี่ชายอย่างหมี่ฮู่ที่เห็นตนพอจะสร้างความดีความชอบได้บ้างอยู่ในสายอิ่นกวาน อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ถึงขั้นได้แต่รอกินรอตายอย่างเดียว พี่ชายก็น่าจะปลาบปลื้มอย่างมาก

แต่หมี่อวี้ก็ยังทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้อยู่ดี

ในชีวิตคนเรามีเรื่องเล็กๆ แบบนี้อยู่มากมายเกินไป ควรจะเอ่ยขอบคุณใคร ควรจะเอ่ยขอโทษใคร เขาทำไม่ได้เลย

คนทั้งสองเดินเคียงบ่าไปด้วยกัน เฉินผิงอันเอ่ยเนิบช้าว่า “ข้าไม่ได้บอกให้เจ้าจงใจใช้กลอุบาย ต้องการให้เจ้าฝืนใจทำอย่างนี้เพื่อประจบเอาใจพี่ชาย หากเป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับว่าข้าเหยียบย่ำทั้งพวกเจ้าสองคนและตัวข้าเองไปพร้อมๆ กัน คนคนหนึ่งวางแผนคิดคำนวณกับเรื่องราวมากมาย ก็เพื่อให้ท้ายที่สุดแล้วไม่จำเป็นต้องคิดคำนวณกับสองสามเรื่อง การที่เจ้ารู้สึกอึดอัดก็เพราะเจ้าคิดว่า ระหว่างตัวเองคิดอย่างไรกับพี่ชายหมี่ฮู่คิดอย่างไร แบบไหนสำคัญกว่ากัน ซึ่งเจ้ายังทำความเข้าใจได้ไม่ชัดเจน หากจะพูดถึงการทุ่มเทและการตอบแทนกันจริงๆ เจ้าหมี่อวี้ชดใช้หมี่ฮู่ได้ไหวจริงหรือ? หากหมี่ฮู่ไม่ถูกเจ้าถ่วงรั้งเอาไว้ ป่านนี้ก็ควรกลายเป็นเซียนกระบี่ใหญ่เคียงบ่ากับเยว่ชิงไปนานแล้ว แต่ตอนนี้เพิ่งจะได้เลื่อนขั้นเป็นเซียนเหริน เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ คนตลอดทั้งกำแพงเมืองปราณกระบี่ล้วนรู้กันดี ข้าแนะนำเจ้าว่าลองไปพบหมี่ฮู่ดู ไม่ใช่ว่าให้เจ้าชดใช้อะไรคืนให้เขา ในความเป็นจริงแล้วหมี่ฮู่หรือจะต้องการให้เจ้าตอบแทนอะไร แต่หมี่อวี้ก็ควรจะใช้เรื่องเรื่องหนึ่งหรือคำพูดประโยคหนึ่งทำให้พี่ชายตัวเองรู้ว่า ทุกสิ่งที่เขาทุ่มเทไป น้องชายอย่างหมี่อวี้นั้นรู้ดี และไม่คิดจะแกล้งโง่”

กล่าวมาถึงตรงนี้ เฉินผิงอันก็ไม่อยากพูดให้เป็นเรื่องเข้มงวดจริงจังเกินไปนัก จึงเอ่ยหยอกล้อว่า “ทำตัวหน้าไม่อายอีกสักหน่อย พอเจอเซียนกระบี่ใหญ่หมี่ฮู่ หมี่อวี้ก็พูดไปตามตรงเลยว่า ท่านพี่ ชั่วชีวิตนี้ข้าไม่คาดหวังถึงขอบเขตเซียนเหรินแล้ว แต่วันหน้าการสืบทอดควันธูปและเรื่องการแตกกิ่งก้านสาขาของตระกูลหมี่เรา จะต้องดีเป็นอันดับต้นๆ ของกำแพงเมืองปราณกระบี่อย่างแน่นอน วันหน้าเจ้าตัวน้อยทั้งหลายที่เรียกท่านว่าท่านลุงต้องไม่ได้มีแค่คนสองคนแน่”

สุดท้ายเฉินผิงอันเอ่ยว่า “นี่คือความรู้สึกว่าดีของข้าที่เป็นคนนอก ตัวเจ้าหมี่อวี้เองรู้สึกเช่นไร อันที่จริงกลับสำคัญยิ่งกว่า”

หมี่อวี้ยิ้มกล่าว “ข้าเองก็รู้สึกว่า…ดูเหมือนจะไม่เลว กลับไปข้าจะลองทำดู”

หลังหมี่อวี้จากไป เฉินผิงอันก็เดินอยู่บนทางก้อนหินที่ภูเขาสายน้ำอิงแอบกัน ทางสายนี้แบ่งแยกภูเขาจำลองและน้ำพุออกจากกัน บนเส้นทางปูหินห้าสีตามธรรมชาติของภูเขาตระกูลเซียนเอาไว้จนเต็ม แต่ไหนแต่ไรมาแขกที่ได้เข้ามาพักในเรือนชุนฟานก็มีไม่มาก นี่จึงเป็นเหตุให้ก้อนหินได้รับความเสียหายน้อยมาก ทำให้เฉินผิงอันไพล่นึกไปถึงหน้าผาอวี้อิ๋งของสวนน้ำค้างวสันต์แห่งอุตรกุรุทวีป

บังเอิญเจอเส้าอวิ๋นเหยียนยืนอยู่ห่างไปไม่ไกล มือหนึ่งของเขาถืออ่างกระเบื้องที่งามประณีต กำลังโปรยเหยื่อล่อปลาลงไปในน้ำ

เฉินผิงอันเดินเข้าไปหา เอนตัวพิงรั้ว มองภาพที่ปลาแหวกว่ายแย่งชิงอาหารกัน เอ่ยว่า “มีปลาน้อยอยู่ในน้ำมรกตมากน้อยแค่ไหน”

เส้าอวิ๋นเหยียนกล่าว “ทั้งสง่างามและเรียบง่าย”

ครู่หนึ่งต่อมา เส้าอวิ๋นเหยียนก็ถามว่า “ตอนนี้ยังมีเรื่องที่เป็นกังวลอยู่อีกหรือ?”

เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “กังวลว่าภูเขาของพวกผู้ดูแลเรือข้ามฟากจะสมคบคิดกับใต้หล้าเปลี่ยวร้างมานานแล้ว ยิ่งกลัวว่าความสัมพันธ์นั้นจะลึกล้ำอย่างยิ่ง ต่อให้ต้องทุ่มสุดชีวิตก็จะต้องทำลายสัญญาของเรือนชุนฟานให้จงได้ แล้วก็กังวลว่าภูเขาห้อยหัวจะมีคนที่คาดไม่ถึงอยู่ ซึ่งคนเหล่านั้นจะลงมืออย่างอำมหิต ไม่ว่าจะเป็นความกังวลเรื่องใด ขอแค่มันเกิดขึ้น แล้วก็ไม่สนว่าความจริงเป็นเช่นไร สรุปก็คือผลลัพธ์ที่ทุกคนจะได้เห็นก็คือมีคนตายภายใต้คมกระบี่ของเซียนกระบี่แห่งกำแพงเมืองปราณกระบี่ เจ้าของเรือสองทวีปอย่างฝูเหยาทวีป ธวัลทวีป โดยเฉพาะอย่างยิ่งป๋ายซีแห่งถ้ำซานสุ่ย มีโอกาสสูงที่จะเป็นที่ตายไป หลังจบเรื่องย่อมต้องมีเหตุผลต่ำช้ามากพอจะทำให้คนสะอิดสะเอียนมาอธิบาย ถึงเวลานั้นจิตใจคนจะระส่ำระส่าย เรื่องที่ตกลงกันเรียบร้อยแล้วก่อนหน้านี้กลายเป็นโมฆะทั้งหมด”

เส้าอวิ๋นเหยียนกล่าวอย่างกังขา “เจ้าทำมากขนาดนี้แล้ว แต่ก็ยังมีคนตาย มีช่องโหว่อยู่ทุกหนแห่ง ทนการทุบตีจากฝ่ายใดไม่ได้เลย แล้วจะพลิกเปลี่ยนสถานการณ์ได้จริงๆ หรือ?”

เฉินผิงอันยื่นมือไปปาดหิมะที่กองทับกันอยู่บนราวรั้ว “ใจคนมีเหตุผลให้อธิบายมากมายขนาดนั้นเสียเมื่อไหร่ สร้างโต๊ะขึ้นตัวหนึ่งอย่างยากลำบาก แต่หากคิดจะทุบให้แตกก็เป็นเรื่องของการทุบแค่สองสามทีเท่านั้น คิดคำนวณจิตใจคนแล้วก็ต้องตระหนักด้วยว่าอาจถูกคนอื่นวางแผนเล่นงานได้เหมือนกัน”

จากนั้นเฉินผิงอันก็คลี่ยิ้มย้อนถาม “แล้วหากข้าลองตั้งสมมติฐานอีกอย่างว่ามีคนไม่แยกแยะถูกผิด ออกจากภูเขาห้อยหัวไปแล้ว ไม่พูดจาไม่จาก็สังหารเจ้าของเรือพวกนั้นจนตายเกลี้ยงล่ะ? วันหน้าจะยังมีเรือข้ามทวีปมาจอดที่ภูเขาห้อยหัวอีกหรือไม่?”

สีหน้าเส้าอวิ๋นเหยียนเคร่งเครียด “เกี่ยวกับเรื่องงนี้ ดูเหมือนว่าจะพูดกับพวกเจ้าของเรือไม่ได้ แต่ไม่พูดก็ไม่ได้ พูดไป ทุกคนก็มีแนวโน้มว่าจะช่วงชิงผลประโยชน์หลีกเลี่ยงหายนะ แต่หากไม่พูดแล้วเรื่องนี้เกิดขึ้น วันหน้าพวกเขาก็ยิ่งไม่มีทางมาเยือน”

เฉินผิงอันฟุบตัวลงบนราวรั้ว “ดังนั้นถึงได้บอกว่าไม่กลัวเรื่องไม่คาดฝันจะเกิดขึ้น แต่กลัวว่าเรื่องไม่คาดฝันนั้นกำลังหลบซ่อนอยู่ ขอแค่อีกฝ่ายมีความอดทนเป็นเลิศ ไม่ยอมลงมือเสียที ข้าก็ได้แต่เสียเวลาเป็นเพื่อนเขาต่อไป”

เส้าอวิ๋นเหยียนถาม “จะรับมืออย่างไร?”

เฉินผิงอันถอนหายใจ “ข้าก็คงต้องไปพบเทียนจวินใหญ่ท่านนั้นดูสักครั้ง หวังว่าจะไม่ต้องกินน้ำแกงประตูปิดหรอกนะ”

เส้าอวิ๋นเหยียนมีสีหน้าปั้นยาก “เพิ่งจะได้ข่าวมาว่าเขาปิดด่านไปแล้ว”

เฉินผิงอันยื่นมือมาคลึงขมับ ปวดหัวยิ่งนัก ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็เอ่ยว่า “ก็ดีเหมือนกัน เท่ากับว่าช่วยตัดสินใจแทนข้า รู้แล้วว่าเซียนกระบี่คนที่สามที่จะเดินทางไปเยือนทักษินาตยทวีปกับเซียนกระบี่เส้าคือใคร”

คือเซียนกระบี่ใหญ่หญิง ลู่จือ

อันที่จริงผลงานการสู้รบที่นางสั่งสมไว้ เดิมทีก็มากพอจะให้นางออกไปจากกำแพงเมืองปราณกระบี่แล้ว

ดูจากท่าทางแล้วนางคงจะอยากไปขัดเกลาวิชากระบี่ที่ใต้หล้าเปลี่ยวร้างมากกว่าใต้หล้าไพศาล

ซึ่งก่อนจะทำอย่างนั้นได้ ตัวนางเองต้องยินดีจะออกจากกำแพงเมืองปราณกระบี่มาพิทักษ์อยู่ที่ภูเขาห้อยหัวแทน

ไม่อย่างนั้นก็อย่าว่าตำแหน่งอิ่นกวานที่ใช้ไม่ได้ผลเลย เกรงว่าต่อให้ยกเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสมาก็ยังไร้ความหมายอยู่ดี

แต่ต่อให้ลู่จือตอบตกลงทำเรื่องนี้ อันที่จริงการที่นางออกไปจากกำแพงเมืองปราณกระบี่ก่อนกำหนดก็ได้สร้างผลกระทบที่ไม่น้อย

เจอกับเหตุการณ์ที่เป็นโทษทั้งสองอย่าง ถ้าอย่างนั้นก็ได้แต่เลือกเอาอย่างที่ให้โทษน้อยที่สุดแล้ว

เฉินผิงอันยื่นมือมาเคาะราวรั้วเบาๆ ร่วมปรึกษาหาวิธีแก้ไขปัญหากับเส้าอวิ๋นเหยียน

ควรจะเปิดเผยเรื่องวงในของการประชุมที่เรือนชุนฟานครั้งนี้ เผยแพร่ให้ทุกคนรับรู้ล่วงหน้า จงใจทิ้งไว้แค่เซียนกระบี่หมี่อวี้ของบ้านตัวเอง เพื่อจะได้ล่อให้อีกฝ่ายที่ชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียแล้วลงมือทันทีดีหรือไม่?

ควรจะแจ้งข่าวไปให้แก่เซี่ยซงฮวาที่มุ่งหน้าไปยังแถบร่องเจียวหลง สำนักอวี่หลงเลยหรือไม่? ลู่จือ หมี่อวี้ บวกกับเซี่ยซงฮวา รวมไปถึงเส้าอวิ๋นเหยียน ขอแค่อีกฝ่ายปรากฏตัว ยิ่งขอบเขตของอีกฝ่ายสูงเท่าไรก็ยิ่งดี ต่อให้เป็นปีศาจขอบเขตบินทะยานตนหนึ่งก็ยังยากจะหนีหายนะครั้งนี้ไปได้พ้น

สองวันต่อมา อิ่นกวานหนุ่มกลับมาพร้อมของเต็มไม้เต็มมือ ของขวัญที่ได้รับมามีไม่น้อยเลยจริงๆ

เซียนกระบี่หมี่อวี้อยู่ต่อที่เรือนชุนฟาน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!