เผยเฉียนมาถึงเมืองหงจู๋แล้วก็ต้องประหลาดใจเล็กน้อย หมี่ลี่น้อยบังอาจไม่ปรากฏตัว เอาแต่แทะเมล็ดแตงอยู่บนภูเขา มโนธรรมถูกแทะไปหมดด้วยแล้วหรือไร? ไปถึงภูเขาลั่วพั่วจะต้องพาโจวหมี่ลี่ไปยืนลงโทษที่ศาลบรรพจารย์ ลงโทษด้วยการยืนเสร็จค่อยให้นางช่วยหน่วนซู่กวาดลานบ้าน
เพียงแต่ไม่นานเผยเฉียนก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ บนถนนที่ห่างไปไกลมีเสียงเอะอะ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังลั่น เผยเฉียนหูดีจึงรีบวิ่งเข้าไป พอได้ยินก็กำไม้เท้าเดินป่าในมือแน่น
นางอดทนข่มกลั้นไม่ได้ออกเดินทางในทันที แต่หยุดรับฟังให้มากขึ้น แล้วถึงได้ดีดปลายเท้ากระโดดขึ้นไปบนหลังคา ทอดสายตามองไป สุดท้ายกระโดดข้ามหลังคาเรือนเหมือนกบกระโดดแตะผิวน้ำไล่ตามเส้นทางคร่าวๆ ที่ผู้คนตามถนนพูดกัน พริบตาเดียวร่างก็หายวับไป
ตรงริมขอบอาณาเขตของเมืองหงจู๋มีโค้งน้ำรูปทรงพระจันทร์เสี้ยวอยู่แห่งหนึ่ง บนผืนน้ำคือเรือหลายลำที่ตกแต่งประดับประดาอย่างงดงามเปี่ยมด้วยกลิ่นอายของสตรี ผู้ที่อยู่ด้านบนคือสตรีชาวเรือที่ชะตาชีวิตน่าสงสาร
เผยเฉียนกระโดดเหยียบไปบนเรือเหล่านั้นสี่ห้าครั้ง เรือแต่ละลำลดระดับลงต่ำเล็กน้อย จากนั้นก็เด้งกลับขึ้นมา ตัวเรือไม่ได้ส่ายโคลงเคลงมากนัก
เผยเฉียนข้ามอ่าวแห่งนั้นมาแล้วก็มุ่งหน้าไปต่อ มองเห็นแม่นางน้อยชุดดำคนหนึ่งออกมาจากน้ำเดินขึ้นเขาไปเพียงลำพัง
ตลอดทางที่ผ่านมานี้นางไม่ทันมีเวลามัวสนใจว่าจะดึงดูดสายตาของผู้ฝึกตนหรือภูตตามภูเขาสายน้ำอะไรหรือไม่
จะอย่างไรก็ต้องให้ได้พบหมี่ลี่น้อยก่อนถึงจะวางใจ
แม่นางน้อยชุดดำคนนั้นเดินโยกตัวคลอเพลงเบาๆ อยู่ในป่าอย่างไม่อนาทรร้อนใจต่อสิ่งใด
เผยเฉียนพลิ้วกายลงบนกิ่งไม้กิ่งหนึ่งเบาๆ ไม่ได้ปรากฎกายทันที นางกวาดตามองรอบด้านแล้วก็ขมวดคิ้ว แสร้งทำเป็นไม่รู้ พอประเมินได้คร่าวๆ แล้วว่าน่าจะมีปัญหาไม่มาก เพราะถึงอย่างไรภูตน้อยที่ซ่อนตัวฝึกตนซึ่งอยู่ห่างไปแปดสิบจั้งนั้นก็มีตบะห่างชั้นจากเทพวารีที่หวังดีผู้นั้นอยู่มาก เดิมทีเผยเฉียนทั้งร้อนใจทั้งโมโห ผลคือพอเห็นว่าหมี่ลี่น้อยที่เดินโยกไปทางซ้ายย้ายไปทางขวาผู้นั้นยังมีอารมณ์เด็ดใบไม้สีเขียวมรกตข้างทางใบหนึ่งมายัดใส่ปาก ก่อนจะเริ่มเคี้ยวใบไม้ยังมองไปรอบด้านก่อน พอเห็นว่าไม่มีใครก็อ้าปากเสียกว้าง
ตอนนี้เผยเฉียนไม่ร้อนใจแล้ว แต่กลับโมโหหนักยิ่งกว่าเก่า
ก่อนหน้านี้ได้ยินคนพวกนั้นพูดคุยกันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เล็กๆ อิงตามคำบอกของผู้คนที่อยู่บนถนน ก็คือหมี่ลี่มาเดินเที่ยวอยู่แถวๆ แถบของเมืองหงจู๋อย่างสะเปะสะปะคนเดียวอยู่นานมากแล้ว จากนั้นวันนี้ก็ไม่รู้ว่านางที่ฟุบตัวอยู่ริมลำน้ำไปทำอะไรเข้าถึงได้ถูกภูตผู้ตรวจตราจากจวนวารีของเหนียงเนียงเทพวารีแม่น้ำอวี้เจียงมาเห็นเข้า นึกว่านางเป็นภูตน้อยแห่งหนองน้ำที่ไม่อยู่ในทำเนียบตระกูล ก็เลยคิดจะรับตัวนางให้ไปทำงานที่แม่น้ำอวี้เจียง โจวหมี่ลี่ไม่ตอบตกลง ไปๆ มาๆ ก็เลยเกิดความขัดแย้งกันขึ้น ดูเหมือนว่าทางฝั่งจวนเทพวารีจะยกเอากฎขุนเขาสายน้ำของต้าหลีขึ้นมาอ้าง ทำเอาหมี่ลี่น้อยตกใจ สรุปก็คือสุดท้ายจึงโดนอีกฝ่ายซ้อมไป
เผยเฉียนรู้ต้นสายปลายเหตุมากกว่า ตามคำบอกของซานจวินเว่ยป้อ หมี่ลี่น้อยมีชาติกำเนิดจากทะเลสาบคนใบ้ของอุตรกุรุทวีป ถึงอย่างไรรากฐานของนางก็เป็นภูตของทวีปอื่น จึงมีความขัดแย้งกับธาตุน้ำในแม่น้ำสามสายของต้าหลีอยู่บ้างจริงๆ ยังดีที่ตอนนี้มีสถานะผู้ถวายงานของภูเขาลั่วพั่ว ผลกระทบจึงแทบไม่มี มาเดินเล่นรับเอาปราณน้ำของแต่ละฝ่ายก็เพราะเข้าเมืองตาหลิ่วหมายหลิ่วตาตาม ธาตุน้ำของสองฝ่ายจะได้ผสมผสานกลมกลืนกัน ดังนั้นเผยเฉียนถึงได้มักจะพาหมี่ลี่น้อยออกจากภูเขาลั่วพั่วมาเที่ยวเล่นแถวๆ ภูเขาฉีตุนหรือไม่ก็เมืองหงจู๋อยู่บ่อยๆ แต่กลับไม่ค่อยเข้าใกล้ริมแม่น้ำสามสายเท่าใดนัก เพราะรู้สึกว่าให้ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปดีกว่า หากจำนวนครั้งมากเข้า ต่อให้วันหน้าหมี่ลี่มาเยือนริมลำน้ำชงตั้น ซิ่วฮวา อวี้เจียงเพียงลำพังก็ไม่เป็นไร
เผยเฉียนกระดกหีบไม้ไผ่ใบเล็กให้เข้าที่ ถอนหายใจหนึ่งทีแล้วเอ่ยเรียกโจวหมี่ลี่
แม่นางน้อยชุดดำหันหน้ากลับมา เห็นเผยเฉียนที่พลิ้วกายลงพื้นก็ยิ้มปากกว้าง นางเกาแก้ม จากนั้นก็เบี่ยงตัวเล็กน้อย พยายามหันแก้มข้างที่ไม่บวมแดงเข้าหาเผยเฉียน
เผยเฉียนตาดีขนาดไหน แค่มองก็เห็นว่าแก้มอีกข้างของโจวหมี่ลี่เขียวช้ำ ดีนักนะ เดินกลับบ้านช้าขนาดนี้ แล้วยังมีอารมณ์เคี้ยวใบไม้ใบหญ้าก็เพราะจะปกปิดเรื่องที่ตัวเองถูกตีอย่างนั้นหรือ?
เผยเฉียนไม่ได้เอ่ยอะไร
โจวหมี่ลี่กะพริบตาปริบๆ
แม่นางน้อยผู้นี้กำมือข้างหนึ่งไว้แน่น อีกมือหนึ่งยกขึ้นเกาหัว
คิ้วเล็กบางสีอ่อนจางออกเหลืองสองข้างของแม่นางน้อยถึงขั้นไม่กล้าขมวดเข้าหากัน กลัวว่าเผยเฉียนจะคิดว่าตนได้รับความอยุติธรรมอย่างใหญ่หลวง
ตอนที่เที่ยวเล่นไปตามภูเขาสายน้ำของอุตรกุรุทวีปด้วยกัน คนผู้นั้นเคยเอ่ยว่า ยามเป็นเด็ก ทุกครั้งที่มีความกลัดกลุ้มเล็กๆ ก็คือเมล็ดข้าวเล็กๆ เมล็ดหนึ่ง พอแก่ตัวแล้วนึกถึงมันขึ้นมาก็จะกลายเป็นข้าวถ้วยใหญ่ ใหญ่มากๆ เลยล่ะ!
เผยเฉียนถาม “เกิดอะไรขึ้น”
โจวหมี่ลี่คิดแล้วก็เอ่ยว่า “ข้านึกสนุกก็เลยไปที่ริมแม่น้ำ เอาหัวมุดลงไปในน้ำ มองดูว่ามีกุ้งมีปลาหรือไม่ แต่ก็แค่ดูเท่านั้น ไม่กล้ากิน จากนั้นก็เจอกับขุนนางที่ใหญ่มากๆ ของจวนเทพวารีแม่น้ำอวี้เจียง ข้าอธิบายอยู่นานเขาถึงเชื่อว่าข้าพักอยู่ในเมืองเล็กอำเภอไหวหวง ข้าไม่ได้พูดถึงภูเขาลั่วพั่ว ยิ่งไม่ได้พูดถึงตรอกหนีผิง แค่บอกชื่อตรอกเล็กของที่อื่นไปมั่วๆ บอกว่าข้าคอยเลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ ที่บ้านยากจนไม่มีเงินทอง ขุนนางใหญ่ผู้นั้นก็เชื่อข้า เลยปล่อยข้ากลับบ้านไงล่ะ…”
เผยเฉียนเอ่ยอย่างเดือดดาล “โจวหมี่ลี่! ถูกคนอื่นรังแกแล้วเหตุใดถึงไม่บอกชื่ออาจารย์พ่อของข้า?! บ้านของเจ้าคือภูเขาลั่วพั่ว เจ้าคือผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาของภูเขาลั่วพั่ว!”
แม่นางน้อยชุดดำเอ่ยอย่างขลาดๆ “กลัวว่าจะสร้างปัญหาให้เขา อีกอย่างก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เรื่องเล็กเท่าเมล็ดข้าวสารเอง”
ตอนนี้เผยเฉียนตัวสูงขึ้นมาอีกนิดแล้ว นางจึงรู้สึกว่าตัวเองตัวเตี้ยลงไปอีก
โจวหมี่ลี่แบมือ คือเมล็ดแตงหนึ่งกำมือที่เหลืออยู่ ก่อนหน้านี้นางพกมาถุงใหญ่ แต่ตอนนี้เหลือแค่นี้แล้ว แม่นางน้อยเอ่ยเสียงเบา “เผยเฉียน กลับบ้านกันไหม พวกเราสามารถแทะเมล็ดแตงไปด้วยเดินไปด้วยได้”
เผยเฉียนถลึงตาใส่
โจวหมี่ลี่ยู่หน้า คราวนี้จะร้องไห้จริงๆ แล้ว
เผยเฉียนออกจากบ้านเกิดไปนานขนาดนี้ กว่าจะกลับมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ผลคือพอพบหน้ากันก็ทำหน้าดุใส่ตน นี่ต่างหากที่ทำให้แม่นางน้อยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอย่างแท้จริง
นางเดินเที่ยวแถวภูเขาฉีตุนและเมืองหงจู๋ตั้งหลายรอบขนาดนั้นก็เพื่อรอให้เผยเฉียนกลับมาบ้าน จะได้เจอตนก่อนใคร แล้วยังมีเมล็ดแตงให้กินด้วย
เผยเฉียนลูบศีรษะของหมี่ลี่น้อย พูดเสียงอ่อนโยน “อย่าร้องๆ”
จากนั้นเผยเฉียนก็บอกให้โจวหมี่ลี่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้นางฟังอย่างละเอียด
แม่นางน้อยชุดดำที่ไม่ได้คิดจะจำเรื่องที่เกิดขึ้นแม้แต่น้อยต้องอธิบายอยู่นานกว่าจะเข้าใจกัน
เผยเฉียนจึงเอ่ยว่า “โจวหมี่ลี่ ฟังคำสั่ง!”
โจวหมี่ลี่รีบยืดอกตั้ง เขย่งปลายเท้า
เผยเฉียนโบกมือเป็นวงกว้าง “เจ้ากลับบ้านไปก่อน วิ่งให้ไวหน่อย ห้ามอืดอาด ห้ามเดินเล่นเตร็ดเตร่ไปส่งเดช กลับบ้านไปแล้วเจอพ่อครัวเฒ่า หรือหากซานจวินเว่ยอยู่บนภูเขาของพวกเราด้วย เจ้าก็ไปบอกกับพ่อครัวเฒ่าว่าข้าจะซื้อของบางอย่างอยู่ที่เมืองหงจู๋ก่อนแล้วค่อยกลับบ้าน นี่เป็นช่วงปลายปีแล้ว ข้าต้องเตรียมข้าวของ หากกลับไปช้าก็เพราะว่าซื้อของเยอะเกินไป เจ้าก็บอกให้พ่อครัวเฒ่ามาช่วยข้าขนกลับไป”
โจวหมี่ลี่ทรุดตัวลงนั่ง “ข้าไม่ได้โง่สักหน่อย วันนี้ไม่ฟังคำสั่ง จะกลับพวกเราก็ต้องกลับด้วยกัน”
เผยเฉียนเอ่ย “บนภูเขาลั่วพั่ว ตำแหน่งใครใหญ่กว่ากัน? ใครเป็นคนแนะนำให้เจ้าได้ขึ้นเป็นผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา? โจวหมี่ลี่!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!