กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 644

แถบทิศตะวันออกเฉียงใต้ของแจกันสมบัติทวีป เด็กหนุ่มชุดขาวคนหนึ่งหยุดเดินในป่ากลางเขาลึก ตรงนั้นมีท้องน้ำที่เหลือแต่กรวดทรายซึ่งถูกทิ้งร้างมานานหลายปี ร่องรอยของการขุดเจาะเพื่อสกัดเอาหินมีให้เห็นอย่างชัดเจน เพียงแต่ไม่ถือว่าเป็นหินมีชื่อเสียงในหลุมเก่าแก่อะไร สายน้ำแห้งขอดสิ้นแล้ว ชุยตงซานกระโดดลงในท้องน้ำ พยายามแหวกพวกก้อนหินดินโคลนที่ขวางอยู่เบื้องหน้าออกไป สุดท้ายเขาก็ขุดจนเจอกระดานหินแผ่นหนึ่งที่พอจะนำมาทำเป็นแผ่นฝนหมึกได้อย่างถูไถ ดีดนิ้วเคาะเบาๆ เงี่ยหูฟังเสียง คุณภาพน่าจะไม่เลว จึงปาดเอาดินที่ติดเปื้อนออก ยิ่งมองก็ยิ่งชอบ ของที่ได้เจอโดยบังเอิญมักทำให้คนชื่นชอบเป็นที่สุด จ่ายเงินก็ยังหาซื้อมาไม่ได้ ชุยตงซานเป่าลมหนึ่งที เป่าให้รอยยับ รอยแตกริ้วเล็กๆ บนแผ่นหินราบเรียบ จากนั้นก็ใช้ใบหน้าของตัวเองถูอยู่นานเป็นครึ่งวัน ลวดลายของหินฝนหมึกยิ่งเนียนละเอียดมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วชุยตงซานก็หิ้วถือไว้ในมือ เด็กชายคนนั้นนั่งยองอยู่ริมฝั่ง สีหน้าทึ่มทื่อคล้ายไม่เข้าใจว่าชุยตงซานกำลังทำอะไร ตอนที่ชุยตงซานปีนขึ้นฝั่งก็เอาแผ่นหินเคาะหัวเด็กน้อย สุดท้ายพอขึ้นฝั่งมาได้แล้วชุยตงซานก็ให้เด็กชายเทินแผ่นหินขึ้นหัวแล้วเดินไป ไม่อนุญาตให้ใช้สองมือจับประคอง

หันกลับไปมองท้องน้ำแวบหนึ่ง ชุยตงซานก็จุ๊ปากพูด “ลงน้ำได้ ขึ้นบกได้ สมกับเป็นผู้มากฝีมือเสียจริง”

เดินเตร็ดเตร่ไปตลอดทาง มาหยุดพักแรมที่สุสานรวมที่ชานป่าเปลี่ยวร้างแห่งหนึ่ง ชุยตงซานนอนคว่ำกับพื้น ใช้ต้นหญ้าเล็กบางตนหนึ่งมาแกะสลักแผ่นหิน

จากนั้นบัณฑิตหนุ่มคนหนึ่งก็เผยกาย มานั่งยองอยู่ด้านข้าง ยิ้มเอ่ยว่า “เจอคนผู้นั้นแล้ว ไม่เลว เป็นตัวอ่อนที่ดี ไม่แน่ว่าศิษย์พี่คนนั้นของข้าอาจถูกใจจนรับเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดเข้าจริงๆ”

ชุยตงซานเพียงแค่ถือหญ้าต้นเล็กไว้ในมือ สายตาจับจ้องแผ่นหิน เอ่ยถามว่า “ช่วยให้เจ้าได้หวนคืนสู่นครจักรพรรดิขาว เจ้าไม่ควรต้องขอบคุณข้าหรอกหรือ?”

บัณฑิตหนุ่มก็คือหลิ่วชื่อเฉิงที่ไปเยือนนครอวิ๋นโหลวของทะเลสาบซูเจี่ยนมารอบหนึ่ง

หลิ่วชื่อเฉิงยิ้มกล่าว “เดิมทีข้าควรต้องอยู่ที่นี่เพื่อสร้างความวุ่นวายให้แก่สถานการณ์ในแจกันสมบัติทวีป แต่ตอนนี้กลับไม่ทำอะไรทั้งนั้น พวกเราสองคนก็ถือว่าหายกันแล้วหรือเปล่า?”

ชุยตงซานหลุดหัวเราะพรืด “เจ้าฝันอยู่หรือไร ถูกขังมาพันปี ฝ่าค่ายกลออกมาได้อย่างไร ในใจเจ้าจะไม่รู้เลยหรือ? เนื้อหนังมังสากายนี้ของเจ้า ไม่ใช่ข้าที่ช่วยเฟ้นหามาให้ จากนั้นก็ช่วยเปิดทางให้เขา ทำให้จับผลัดจับผลูปล่อยเจ้าออกมาได้หรือไร? ยังจะมาบอกว่าหายกัน ถ้าอย่างนั้นไม่สู้ให้ข้าจับเจ้ากลับไปขังแล้วค่อยมาคุยกันใหม่ว่าหายกันหรือไม่ ดีไหมล่ะ?”

หลิ่วชื่อเฉิงนั่งแปะลงบนพื้น ถามอย่างใคร่รู้ “ข้าออกจากนครจักพรรดิขาวมานานเกินไป เจ้าเล่นหมากล้อมกับศิษย์พี่ รู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง? ฝีมือการเล่นหมากล้อมของเขา เมื่อเทียบกับในอดีต ถือว่าสูงขึ้น หรือว่าต่ำลง?”

ชุยตงซานลุกขึ้นนั่ง สะบัดชายแขนเสื้อ ใช้แขนเสื้อเช็ดแผ่นหิน ตัวอักษรที่สลักมีทั้งหมดสิบหกคำ ‘อาบตะวันไล้จันทรา เรือนกายแข็งแกร่ง พลังชีวิตเปี่ยมล้น หันกลับมาช่วยเหลือธรรมชาติ’

ชุยตงซานถาม “ปีนั้นใครบอกให้เจ้ามาหลบภัยที่แจกันสมบัติทวีป?”

หลิ่วชื่อเฉิงหัวเราะร่า “เรื่องนี้บอกไม่ได้หรอก ออกมาใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกแบบนี้ คำว่าคุณธรรมต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง”

ชุยตงซานพยักหน้ารับ ใช้นิ้วปาดตัวอักษทั้งสิบหกตัวที่สลักลงบนแผ่นหิน ทันใดนั้นแต่ละขีดแต่ละเส้นของตัวอักษรก็เหมือนกลายมาเป็นท้องน้ำ ล้วนมีสายธารสีทองไหลรินอยู่ภายใน “นับถือๆ”

หลิ่วชื่อเฉิงเอ่ยทันทีว่า “พระคุณช่วยชีวิต ยิ่งควรต้องมีคุณธรรมมากกว่า ชื่อนั้นจึงพอจะบอกได้”

อยู่ที่แจกันสมบัติทวีป การที่เด็กหนุ่มผู้นี้ไร้ศัตรูเทียมทาน ไม่ได้เกี่ยวกับขอบเขตมากนัก

แต่เกี่ยวกับหัวสมองของเขามากกว่า

……

ชั้นหนึ่งของเรือนไม้ไผ่ภูเขาลั่วพั่ว

วันนี้หลังจากเผยเฉียนคัดตัวอักษรเสร็จก็เอาไปใส่ไว้ด้านล่างหีบไม้ไผ่ใบเล็กที่วางอยู่ข้างเท้า ในกองสมุดปึกใหญ่ที่เต็มไปด้วยตัวอักษรเขียนเรียงกันเป็นพรืด กว่าจะหาสมุดเปล่าสักเล่มเจอไม่ใช่เรื่องง่าย นางสะบัดเบาๆ แล้วคลี่กางลงบนโต๊ะ ทำท่ากดลมปราณสู่จุดตันเถียน เตรียมจะจดบัญชีแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับศาลเทพวารีแม่น้ำอวี้เย่ทั้งสิ้น

โจวหมี่ลี่แบกคานหาบสีทองอันเล็กวิ่งปรู๊ดเข้ามาในห้อง เผยเฉียนรีบเอามือบังสมุดบัญชีที่แท้จริงแล้วว่างเปล่าไม่ได้เขียนอะไรลงไปสักคำเอาไว้ ขมวดคิ้วเอ่ย “บังอาจแล้วนะ ที่นี่คือสถานที่สำคัญอันดับหนึ่งของภูเขาลั่วพั่วเรา เจ้าเข้ามาก็ไม่รู้จักเคาะประตูบ้างเลยหรือ?”

โจวหมี่ลี่รีบหมุนตัววิ่งออกไปข้างนอกแล้วเคาะประตูหนึ่งที เผยเฉียนเอ่ยว่าเข้ามาได้ แม่นางน้อยชุดดำถึงได้วิ่งตุปัดตุเป๋ข้ามธรณีประตูมาหยุดอยู่ฝั่งตรงข้ามกับโต๊ะหนังสือ แล้วเอ่ยรายงานเสียงเบา “พี่น้องต้าเฟิงของพ่อครัวเฒ่าผู้นั้นไปที่เมืองหงจู๋มารอบหนึ่ง แล้วซื้อหนังสือกลับมาหนึ่งถุงผ้าป่าน ค่าใช้จ่ายก้อนใหญ่นัก!”

เผยเฉียนพยักหน้ารับ “อีกเดี๋ยวพวกเราไปตรวจบัญชีกัน นี่เป็นเรื่องส่วนรวม หากทำให้พ่อครัวเฒ่าเสียใจก็ช่วยไม่ได้เลยจริงๆ”

โจวหมี่ลี่เขย่งปลายเท้า ยื่นคอยืดยาว หมายจะดูว่าเผยเฉียนทำอะไร “เขียนอะไรน่ะ?”

เผยเฉียนโบกมือ “ไปทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ที่หน้าประตู นอกจากหน่วนซู่ ห้ามใครเข้ามา”

โจวหมี่ลี่ร้องอ้อหนึ่งที แล้วจู่ๆ ก็หมุนตัวกลับมาฟุบตัวบนโต๊ะ คิ้วเล็กๆ สีเหลืองอ่อนจางขมวดเข้าหากัน ทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด

เผยเฉียนถามอย่างสงสัย “มีอะไร?”

โจวหมี่ลี่กดเสียงลงต่ำ “คนจิ๋วควันธูปของศาลเทพอภิบาลเมืองประจำจังหวัดผู้นั้น พวกเราต่างก็รู้จัก แล้วยังเป็นสหายของพวกเราด้วย ถูกไหม เขาคิดจะเข้ามาแทนที่ตำแหน่งผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาแห่งตรอกฉีหลงของข้าก่อนหน้านี้ ได้หรือไม่?”

เผยเฉียนคิดแล้วส่ายหน้า “ได้กะผีอะไรกันล่ะ ไม่ได้ๆ แม้จะบอกว่าข้าคนเดียวก็สามารถตัดสินใจได้ว่าจะให้ใครเข้ารับสองตำแหน่งผู้พิทักษ์ซ้ายขวาของตรอกฉีหลง แต่ไม่ใช่ว่าเจ้าตัวน้อยนั่นถามแล้วพวกเราจะต้องตอบตกลงทันที ปล่อยเอาไว้ก่อน ให้พิจารณาก่อนแล้วค่อยว่ากัน”

โจวหมี่ลี่หน้าม่อย ก่อนหน้านี้นางยังตบอกรับรองกับอีกฝ่ายอยู่เลยนะ

เผยเฉียนถอนหายใจ “ก็ได้ๆ เจ้าไปบอกกับเขาว่าข้ารับปากแล้ว แต่หน้าที่นี้สำคัญและใหญ่หลวงนัก ไม่อนุญาตให้เขาละเลยต่อหน้าที่ของตัวเอง ทุกเดือนจะต้องมาขานชื่อกับข้าหนึ่งครั้ง ส่วนการแสดงความเคารพกตัญญูอะไรนั่นก็ช่างเถิด เขาเองก็เป็นคนยากจนตัวน้อยคนหนึ่งเหมือนกัน”

โจวหมี่ลี่ยืดอกตั้งหลังตรง “รับทราบ!”

……

ม้าตัวหนึ่งออกจากเมืองหลวงต้าสุยมุ่งหน้าเดินทางลงใต้

หญิงสาวสวมชุดสีแดงคนหนึ่งตรงเอวห้อยดาบแคบหนึ่งเล่มและน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่สีเงินหนึ่งลูก

นางเงยหน้ามองทะเลเมฆบนท้องฟ้า

จำได้ว่าตอนเป็นเด็กแค่มองเห็นก้อนเมฆก็จะต้องรู้สึกว่านั่นคือพวกเทพธิดาที่ชอบแต่งหน้าประทินโฉมซึ่งกำลังผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์

ตอนที่นางเป็นเด็ก ดูเหมือนว่าทุกวันจะต้องมีความคิดมากมายวุ่นวายจับกลุ่มกันเล่นเอะอะ เหมือนคนจิ๋วตัวน้อยที่เกเรซุกซนกลุ่มหนึ่ง ไม่ว่านางจะควบคุมอย่างไรก็ควบคุมไม่อยู่ ขวางอย่างไรก็ขวางไม่ได้

เวลานี้นางปลดน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลงมาดื่มเหล้าหนึ่งอึก

หลี่เป่าผิงรู้สึกเสียใจนิดๆ

อาจารย์อาน้อย นับแต่เติบใหญ่ ดูเหมือนว่าข้าจะไม่มีความคิดเหล่านั้นอีกแล้ว ราวกับว่าพวกมันแต่ละคนพากันออกจากบ้านไปโดยไม่เอ่ยคำลา แล้วก็ไม่คิดจะกลับมาหานางอีก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!