สรุปตอน บทที่ 645.1 ลงจากหัวกำแพงเมือง – จากเรื่อง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet
ตอน บทที่ 645.1 ลงจากหัวกำแพงเมือง ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
บนเกาะหลูฮวา ในถ้ำแห่งวาสนาที่เล่าลือกันว่ามียอดฝีมือลัทธิเต๋ามาฝึกวิชาเซียนอยู่นั้น ปีศาจใหญ่คอขวดเซียนเหรินตนหนึ่งที่มีหวังว่าจะเลื่อนเป็นขอบเขตบินทะยานถูกจั่วโย่วถามกระบี่ออกไปก่อนหนึ่งครั้ง เพื่อหยั่งเชิงว่าอีกฝ่ายเป็นตัวจริงหรือไม่ จากนั้นก็ออกกระบี่อีกครั้ง บีบให้อีกฝ่ายหลบหนีออกจากเกาะหลูฮวา สุดท้ายก็ยังคงถูกจั่วโย่วสังหารบนมหาสมุทร
หลังจากที่จั่วโย่วและหวังซือจื่อขี่กระบี่ขึ้นฝั่ง สำนักฝูจีก็ทยอยส่งกระบี่บินสองเล่มมาแจ้งข่าวแก่เรือนชุนฟานภูเขาห้อยหัว
ผู้ฝึกกระบี่โอสถทองที่เดินทางไปเยือนใบถงทวีปร่วมกับจั่วโย่วพยายามที่จะเล่ารายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ได้ครบถ้วนที่สุดบนจดหมายกระบี่บิน
หลังจากที่จั่วโย่วประมือกับปีศาจใหญ่ตนนั้น ผู้ฝึกกระบี่โอสถทองอย่างหวังซือจื่อก็ได้แต่ชมศึกอยู่ไกลๆ ขอบเขตของหวังซือจื่อไม่สูง แต่โลกทัศน์กลับกว้างไกลมากพอ เพราะถึงอย่างไรตอนที่อยู่บนสนามรบของกำแพงเมืองปราณกระบี่ก็เคยเห็นการลงมือที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินของปีศาจใหญ่มาแล้วหลายครั้ง จึงพอจะวิเคราะห์ขอบเขตของปีศาจใหญ่ที่อยู่ในถ้ำแห่งวาสนาตนนั้นได้ว่าต้องไม่ใช่ขอบเขตเซียนเหรินทั่วไปอย่างแน่นอน
ตอนนั้นหวังซือจื่ออยู่ห่างจากสนามรบมาเกือบสามร้อยลี้ แต่กระนั้นคลื่นใต้ฝ่าเท้าของเขาก็ยังโถมตัวขึ้นสูงเป็นคลื่นยักษ์ เสียงน้ำขึ้นสะเทือนเลือนลั่นดุจเสียงอสนีบาต แล้วยังพอจะสัมผัสได้ถึงริ้วคลื่นปราณกระบี่ที่กระเพื่อมออกมาจากปณิธานกระบี่ของจั่วโย่วได้อย่างชัดเจน
หลังจากจั่วโย่วเก็บกระบี่ก็ตามหาตัวหวังซือจื่อ แล้วเอ่ยแค่ว่าหมดเรื่องแล้ว จากนั้นคนทั้งสองก็ออกเดินทางไปด้วยกันต่อ
หวังซือจื่ออดไม่ไหวจริงๆ จึงเอ่ยถาม ‘ผู้อาวุโส’ เซียนกระบี่ ‘คนวัยเดียวกัน’ ข้างกายที่เงียบงันมาตลอดทางไปหนึ่งประโยค
ถามว่าปีศาจใหญ่ตนนั้นเป็นขอบเขตบินทะยานแล้วหรือไม่ จั่วโย่วส่ายหน้า บอกว่ายังขาดอีกเสี้ยวหนึ่ง หากมาถึงเกาะหลูฮวาช้ากว่านี้สักนิด เวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่ปี อย่างมากสุดก็สิบกว่าปี ปีศาจใหญ่ที่กระโดดออกมาจากถ้ำแห่งโชควาสนาจะกลายเป็นขอบเขตบินทะยานตัวจริงเสียงจริง แบบนั้นจะยุ่งยากอย่างมาก
จากนั้นจั่วโย่วก็เอ่ยอีกประโยคว่า หากมาเจอกันโดยบังเอิญหลังจากนี้สามปีห้าปี ตนไม่มีอาการบาดเจ็บติดตัว อันที่จริงก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาสักเท่าไร
เดิมทีจั่วโย่วก็ไม่ใช่คนที่พูดเยอะอยู่แล้ว ขอแค่เปิดปากพูด แต่ไหนแต่ไรมามีหนึ่งเขาก็พูดแค่หนึ่ง ไม่เคยจะคุยโวโอ้อวด แล้วก็คร้านที่จะถ่อมตนด้วย
ส่วนกระบี่บินที่จั่วโย่วส่งข่าวไปให้สำนักฝูจีหลังจบเรื่องก็เรียบง่ายมาก แค่ประโยคเดียว ‘เดินทางไปใบถงทวีปครั้งนี้ ถือโอกาสสังหารเผ่าปีศาจขอบเขตเซียนเหรินตนหนึ่งไประหว่างทาง ศพไม่เหลือใต้คมกระบี่ข้า คุณความชอบนี้จดให้เป็นของเฉินผิงอันผู้เป็นศิษย์น้อง’
หากเรือนชุนฟานและกำแพงเมืองปราณกระบี่ต่างก็ได้รับกระบี่บินส่งข่าวจากจั่วโย่วแค่คนเดียว คาดว่าคงจะเห็นอีกฝ่ายเป็นปีศาจใหญ่ขอบเขตเซียนเหรินทั่วไปจริงๆ
ทางฝั่งห้องบัญชีของเรือนชุนฟาน
เยี่ยนหมิงกับน่าหลันไฉ่ฮ่วนต่างก็อึ้งตะลึงกันไปก่อน จากนั้นก็มองหน้าแล้วยิ้มให้กัน ไม่เสียแรงที่เป็นจั่วโย่ว
เหวยเหวินหลงกลับรู้สึกเหมือนกำลังฟังตำราสวรรค์
หมี่อวี้หัวเราะร่าเอ่ยว่า “เหวินหลงอ่า”
เหวยเหวินหลงรู้สึกชาไปทั้งหนังหัว เงยหน้าขึ้น “มิทราบว่าเซียนกระบี่หมี่มีอะไรจะชี้แนะหรือ?”
หมี่อวี้ถาม “รู้หรือไม่ว่าศิษย์น้องเล็กของผู้อาวุโสจั่วโย่วคือใคร?”
เหวยเหวินหลงตอบอย่างคาดเดา “น่าจะเป็นใต้เท้าอิ่นกวาน”
ขอบเขตไม่สูง แต่หัวสมองกลับดีเยี่ยม
คำพูดนี้ก็คือกล่าวถึงเหวยเหวินหลงนั่นเอง
หมี่อวี้มองหน้าเจ้าคนที่ทำให้การพูดคุยไปต่อไม่ได้ผู้นี้นิ่ง
เหวยเหวินหลงจึงรีบเอ่ยเสริมเหมือนคนล้อมคอกเมื่อวัวหาย “กระมัง?”
หมี่อวี้ยิ้มพลางพยักหน้ารับ “เดาได้แม่นจริงๆ ไม่เสียแรงที่เป็นคนมีความสามารถที่ใต้เท้าอิ่นกวานหมายตา เหวินหลง เจ้ามีสตรีในดวงใจที่ไม่ได้มาครอบครองบ้างหรือไม่? ต้องการให้ข้าสอนเคล็ดลับแก่เจ้าหรือไม่? วางใจเถอะ ไม่ใช่วิชามารนอกรีตไม่เข้าขั้นอะไรพวกนั้นหรอก รับรองว่าจริงใจต่อเจ้าจริงๆ”
เหวยเหวินหลงรีบส่ายหน้า
ต่อให้มีก็ไม่กล้าให้หมี่อวี้รู้จักเด็ดขาด
หมี่อวี้มือหนึ่งถือพัด ยิ้มถามว่า “หากสตรีที่ชอบพอกันกับเจ้าหันมาชอบข้าแทน นางยังจะมีค่าพอให้เจ้าชอบอีกหรือ?”
เหวยเหวินหลงรู้สึกวุ่นวายใจเล็กน้อย
น่าหลันไฉ่ฮ่วนรำคาญคนเจ้าชู้ผู้นี้เต็มที จึงเอ่ยอย่างเดือดดาลว่า “มีรูปโฉมเหม็นเน่านี้เสียเปล่า มามัวโอ้อวดอะไรอยู่”
หมี่อวี้หุบพัดอย่างสง่างาม “จิตใจที่รักความงามเป็นสิ่งที่มนุษย์ทุกคนล้วนมี ไม่ทำให้สตรีบนโลกที่พบเจอหมี่อวี้รู้สึกขวางหูขวางตา ก็คือเรื่องเดียวที่ข้าหมี่อวี้พอจะทำได้แล้ว”
น่าหลันไฉ่ฮ่วนหัวเราะเสียงเย็น “แต่ข้ากลับรู้สึกขวางหูขวางตาอย่างถึงที่สุด”
หมี่อวี้คลี่พัดออกอีกครั้ง ยกขึ้นบดบังใบหน้า “ยินดีทำเรื่องที่มากกว่านี้เพื่อแม่นางน่าหลัน”
เหวยเหวินหลงรู้สึกเหมือนได้เปิดโลกทัศน์ครั้งใหญ่
บนภูเขาฉุยซางภูเขาบรรพบุรุษของสำนักฝูจี
เดิมทีจีไห่เจ้าสำนักฝูจีปฏิเสธข้อเสนอของจงขุยไปแล้ว เพราะถึงอย่างไรวิชาลับตระกูลเซียนวิชานั้นก็เป็นรากฐานมหามรรคาของเขาจีไห่ จะถ่ายทอดให้แก่ผู้สืบทอดที่เป็นเจ้าสำนักในแต่ละรุ่นเท่านั้น แล้วนับประสาอะไรกับที่อันที่จริงเจ้าสำนักรุ่นถัดไปของสำนักฝูจีที่เขาหมายตาก็คือคนหนุ่มที่ปีนั้นเปิดโปงที่ซ่อนตัวของปีศาจใหญ่โดยบังเอิญ เด็กคนนี้มีวาสนากับสำนักฝูจี การฝึกตนบนภูเขา วาสนาบนมรรคานั้นสำคัญที่สุด
แค่รอให้เด็กคนนั้นกลับมาจากการไปขอศึกษาที่สำนักศึกษาต้าฝู จีไห่ก็เตรียมจะรับเขาเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายอย่างเป็นทางการ ก่อนหน้านี้ไม่ได้จุดูปกราบไหว้ภาพเหมือนที่ศาลบรรพจารย์ จึงไม่ถือว่าเป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของจีไห่อย่างแท้จริง
ระหว่างที่เดินไปบนเส้นทางลงจากภูเขา จงขุยจึงไม่เกรงใจศิษย์พี่ของตัวเองแม้แต่น้อย เขาเริ่มเล่าถึงสภาพอันน่าเวทนา การที่ไม่เป็นที่ต้อนรับ การที่ต้องกินน้ำแกงประตูปิด ถูกคนตวัดตามองอย่างดูแคลนซึ่งตนพบเจอในสำนักฝูจีด้วยน้ำเสียงน้อยเนื้อต่ำใจ…
ทำเอาจีไห่เจ้าสำนักฝูจีโมโหจนหน้าเขียวคล้ำ ความรู้สึกผิดน้อยนิดที่เดิมทีมีอยู่ในใจหายวับไปไม่มีเหลือ
จั่วโย่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะทยอยใช้เสียงในใจสอบถามจงขุยและจีไห่ สุดท้ายเอ่ยว่า “จีไห่ เจ้าสามารถบอกให้จงขุยเอ่ยคำสาบานว่าจะไม่แพร่งพรายวิชาลับนั้นแก่ใคร ในเมื่อเขาไม่ใช่ลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อแล้วก็สามารถรับหน้าที่เป็นผู้ถวายงานของสำนักฝูจีได้ แต่ข้าเป็นแค่คนนอก ก็แค่แนะนำให้เท่านั้น “
จีไห่ถอนหายใจ นึกไม่ถึงว่าเขาจะยอมพยักหน้าตอบตกลงจริงๆ
จงขุยย่อมไม่มีความเห็นต่าง
จีไห่พาจั่วโย่วมาส่งที่หน้าประตูภูเขา จงขุยหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ตนขึ้นเขามากับหวงถิงก่อนหน้านี้แล้วก็ให้รู้สึกว่าช่างเปรียบเทียบกันไม่ได้เลยจริงๆ
จั่วโย่วจะเดินทางไปที่ภูเขาไท่ผิงพร้อมกับจงขุยพอดี
จงขุยจึงเอ่ยว่า “ผู้อาวุโส ท่านกลายเป็นศิษย์พี่ของเฉินผิงอันได้อย่างไร?”
จั่วโย่วยิ้มกล่าว “อาจารย์ยัดเยียดศิษย์น้องเล็กมาให้ข้า ข้าก็เลยฝืนใจรับไว้”
จงขุยหลุดหัวเราะพรืด
……
ต่อให้เป็นมีดหั่นผักที่วางไว้ข้างเขียงในห้องครัวของพวกชาวบ้าน เมื่อหั่นเนื้อหั่นผักมากๆ นานวันเข้าคมมีดก็ต้องโค้งงอ ยิ่งนานยิ่งทื่อ
มีดทื่อต้องถูกลับให้คม
ทว่าการโจมตีที่ทอดยาวเป็นสายซึ่งเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าของใต้หล้าเปลี่ยวร้าง นอกจากจะใช้โครงกระดูกของเผ่าปีศาจที่กองทับกันเป็นภูเขาแลกเปลี่ยนมาด้วยกระบี่บินและชีวิตของผู้ฝึกกระบี่กำแพงเมืองปราณกระบี่แล้ว จุดที่สำคัญที่สุดก็คือ พวกมันยังไม่ยอมเปิดโอกาสให้เซียนกระบี่คนใดบนหัวกำแพงเมืองได้ลับกระบี่ หากคิดจะหล่อเลี้ยงกระบี่สักพักโดยการดึงกระบี่บินออกมาจากสนามรบครู่หนึ่ง ถ้าอย่างนั้นก็จำเป็นต้องเอาชีวิตและกระบี่บินของผู้ฝึกกระบี่ห้าขอบเขตกลางมาแลก
ในอดีตสงครามโจมตีเมืองของใต้หล้าเปลี่ยวร้างไม่ได้มีระเบียบ ขาดๆ หายๆ เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นมากมาย การระดมกำลังทหารบนสนามรบ การส่งกองกำลังเสริมมาช่วย รวมไปถึงการโจมตีเมืองของปีศาจใหญ่แต่ละตน การออกจากสนามรบโดยพลการ มักจะทำให้ขาดความต่อเนื่องเชื่อมโยง ดังนั้นถึงได้เกิดเหตุการณ์ที่ต้องหยุดพักรบไปเป็นเดือนๆ หรือไม่ก็เกือบครึ่งปี ฝั่งหนึ่งตากแดดเสร็จแล้ว ก็ถึงคราวที่อีกฝั่งหนึ่งจะได้เห็นแสงจันทร์ ระหว่างที่สงครามระเบิดปะทุ สนามรบก็จะดุเดือดผิดปกติ เลือดเนื้อปลิวว่อนสาดกระเซ็น กระบี่บินแตกสลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจับคู่เข่นฆ่าระหว่างปีศาจใหญ่กับเซียนกระบี่ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันก็จะยิ่งดึงดูดสายตาผู้คน การแบ่งแพ้ชนะแบ่งเป็นตายของทั้งสองฝ่ายถึงขั้นสามารถตัดสินสถานการณ์การดำเนินไปของสนามรบทั้งหมดได้
แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้สึกอึดอัดและหายใจไม่ออกได้เหมือนสงครามใหญ่ครานี้
ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสามารถเป็นผู้ตัดสินได้ว่าสุดท้ายสงครามจะเป็นอย่างไร ปีศาจใหญ่แต่ละตนร่ายวิชาอภินิหาร เซียนกระบี่ออกกระบี่อย่างเฉียบคม ใครก็ไม่สามารถเป็นผู้ให้บทสรุปในท้ายที่สุดได้ เป็นๆ ตายๆ แพ้ๆ ชนะๆ สุดท้ายล้วนถูกสนามรบกลืนกินกลบทับไปสิ้น
สงครามครั้งที่ใหญ่ที่สุด การเข่นฆ่าที่ชวนให้คนอกสั่นขวัญผวามากที่สุดก็คือครั้งที่ปีศาจใหญ่ฉงกวงย้ายห้าขุนเขามาถึงบนสนามรบ หย่างจื่อปีศาจใหญ่บนบัลลังก์ได้เฝ้าพิทักษ์ภูเขาลูกหนึ่งในนั้น เซียนกระบี่สามคนอย่างพวกหลี่ถุ่ยมี่ทยอยกันอุทิศชีวิตฝ่าสถานการณ์ตาย จากนั้นจั่วโย่วก็เข้าไปในสนามรบ ปีศาจใหญ่แต่ละตนที่อำพรางตัวอยู่พลันเผยกายล้อมสังหารเขา ต่งซานเกิงเซียนกระบี่ผู้เฒ่าออกจากหัวกำแพงเมืองไปช่วยจั่วโย่ว สุดท้ายจั่วโย่วถูกอิ่นกวานเซียวสวิ้นลอบต่อยหนึ่งหมัดจนบาดเจ็บสาหัส นับจากนั้นสงครามก็ปิดฉากลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!