จุดที่ห่างจากด้านหลังของหนิงเหยาไปไกล
บนสนามรบว่างเปล่า ผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจปลาเล็กปลาน้อยที่ห่างออกมาไกลเล็กน้อย และกองกำลังทหารเผ่าปีศาจที่สติปัญญายังไม่เปิดออกก็ถูกเตี๋ยจ้างและต่งฮว่าฝูที่พยายามสุดชีวิตเพื่อตามหนิงเหยาไปให้ทันสังหารทิ้งอย่างง่ายดาย
ต่งฮว่าฝูถึงขั้นมีเวลายืนเกาหัว บ่นเสียงเบาว่า “พี่หญิงหนิง จะดีจะชั่วก็เหลือไว้ให้พวกเราเยอะๆ หน่อยสิ”
เตี๋ยจ้างบิดตัวโยนเจิ้นเยว่ในมือออกไปอย่างว่องไว สังหารผู้ฝึกตนขอบเขตชมมหาสมุทรของเผ่าปีศาจคนหนึ่งโดยตรง จากนั้นก็กวักมือหนึ่งครั้ง ไม่ได้เก็บกระบี่มาไว้ในมือ แต่ดีดปลายเท้าขี่กระบี่ไปหาหนิงเหยา รักษาระยะห่างให้ห่างจากปณิธานกระบี่กลุ่มที่อยู่ใกล้กับทิศใต้มากที่สุด และอันที่จริงนางกับต่งฮว่าฝูก็ยังอยู่ห่างไปอีกร้อยกว่าจั้ง
นางหันหน้ามาพูดอย่างไม่พอใจ “มัวบ่นอะไรอยู่ได้ ตามมาสิ อีกเดี๋ยวพวกเราก็จะมองไม่เห็นแม้แต่แผ่นหลังของหนิงเหยาแล้ว”
แน่นอนว่าเตี๋ยจ้างไม่ได้ไม่พอใจหนิงเหยา เพียงแต่ว่าคิดจะบ่นต่งถ่านดำสักคำสองคำย่อมไม่เป็นปัญหา
เฉินซานชิวกับเยี่ยนจั่วก็ยิ่งไม่มีเรื่องให้ทำยิ่งกว่าเตี๋ยจ้างและต่งฮว่าฝูที่อยู่เบื้องหน้าเสียอีก
เฉินซานชิวเกิดมาก็มีนิสัยเกียจคร้าน จึงไม่ถือสาสถานการณ์อันน่ากระอักกระอ่วนที่ไม่มีศัตรูให้ฆ่าอย่างในเวลานี้ แต่เยี่ยนจั๋วกลับถือสาอยู่นิดๆ ทว่าก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
ฟ่านต้าเช่อแค่ขี่กระบี่ทะยานมาด้านหน้าอย่างเดียวเท่านั้น
ด้านหลังสุดคือเฉินผิงอันที่ติดสอยห้อยตามมา ซึ่งอย่างมากก็แค่ขี่กระบี่อ้อมวนไปเตร็ดเตร่อยู่รอบด้านเล็กน้อย คอยเก็บของที่ตกหล่นอยู่บนสนามรบ แต่ผลเก็บเกี่ยวไม่มากนัก
อันที่จริงต้องบอกว่าเป็นเฉินผิงอันที่รู้สึกจนใจมากที่สุด ราวกับว่าถึงแม้เขาจะจับตามองสนามรบอยู่ก็จริง แต่ก็ไม่ได้ต่างจากการไม่จับตามองสักเท่าไร เบาะแสบางอย่างที่กว่าเขาจะมองออกได้อย่างยากลำบาก ไม่ทันรอให้เขาเปิดปากเอ่ยเตือน หากไม่วิ่งหนีฉี่ราดอึราดก็เป็นพวกที่วิ่งหนีได้ช้าหน่อย สุดท้ายก็ตายกันหมดสิ้น เพียงแต่ก็ไม่ถือว่าไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิงเสียเลย เพราะอยู่ห่างจากหนิงเหยาไกลเกินไป เฉินผิงอันจึงได้แต่ใช้เสียงในใจพูดกับเฉินซานชิว หวังว่าเขาจะบอกต่อไปยังต่งถ่านดำ สุดท้ายค่อยบอกหนิงเหยาว่าให้ระวังใต้ดิน เมื่อครู่นี้มีผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจที่อย่างน้อยก็ต้องเป็นคอขวดโอสถทอง หรืออาจถึงขั้นขอบเขตหยกดิบที่ในที่สุดก็อดรนทนไม่ไหวเตรียมจะลงมือแล้ว
เพียงแต่เฉินผิงอันเพิ่งจะอ้าปาก
บนสนามรบที่ห่างไปไกลแสนไกล หนิงเหยาฝ่าทะลวงค่ายกลไม่หยุดยั้งไปเพียงลำพัง
ในที่สุดก็ยอมหยุดนิ่งอีกครั้ง ใช้เจี้ยนเซียนในมือค้ำยันผืนดิน กดด้ามกระบี่เบาๆ กระบี่ยาวสีทองก็ผลุบหายเข้าไปในผืนดินไม่เห็นร่องรอยอีก
เห็นได้ชัดว่าสัมผัสได้ถึงร่องรอยที่ปรากฏอย่างลึกลับของเผ่าปีศาจก่อกำเนิดคนนั้นแล้ว
พื้นดินใต้ฝ่าเท้าของหนิงเหยาปริแตก กระบี่ยาวสีทองนำหน้ารับศัตรูไปก่อน ตามมาด้วยปราณกระบี่ในบริเวณใกล้เคียงที่เป็นดั่งฝนกระหน่ำพรำลงสู่พื้นดิน แทรกซึมเข้าไปเบื้องล่างอย่างถี่กระชั้น นางคร้านจะสิ้นเปลืองความคิดว่าจะตามหาตำแหน่งที่ซ่อนตัวของผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจตนนั้นให้แม่นยำได้อย่างไรด้วยซ้ำ
นางชำเลืองตามองพวกผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจริมขอบ ‘ค่ายกลกระบี่’ ที่ขอบเขตนับว่าสูงอยู่บ้าง แล้วเอ่ยอย่างเฉยเมยมา “มาอีก”
แล้วก็มีปณิธานกระบี่บรรพกาลอีกสี่เส้นที่ตลอดหมื่นปีที่ผ่านมาสวนพุ่งผ่านไหล่ของผู้ฝึกกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนไปอย่างไม่แยแส ไม่ว่าพวกเขาจะพยายามไขว่คว้าอย่างยากลำบากแค่ไหนก็ไม่ได้มาครอง แต่เวลานี้กลับเผยกายระหว่างฟ้าดินเพียงเพราะหญิงสาวผู้นี้เปิดปากเอ่ยเพียงสองคำ
บวกกับปณิธานกระบี่สี่เส้นก่อนหน้านั้น ปราณกระบี่บรรพกาลรวมแล้วแปดเส้นมาอยู่สี่ด้านแปดทิศของหนิงเหยา สร้างกรงค่ายกลกระบี่ที่ใหญ่กว่าเดิมขึ้นมา
ในค่ายกลใหญ่ คนบาดเจ็บและล้มตายมีเกินคณานับ
ทว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ หนิงเหยาก็ยังรู้สึกว่าไม่พอ
สองนิ้วทำมุทราวิชากระบี่เก่าแก่วิชาหนึ่ง จิตขยับเล็กน้อย ปณิธานกระบี่แปดเส้นก็พลันใช้ปราณกระบี่แทนเลือดเนื้อ ใช้ปณิธานกระบี่เป็นโครงกระดูก สร้างเซียนกระบี่แปดท่านที่สวมชุดขาวพลิ้วไสวขึ้นมา เซียนกระบี่ที่สีหน้าเย็นชาทั้งแปดท่านเรือนกายสูงหลายจั้ง แต่ละคนยื่นมือออกมากำ ปราณกระบี่ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงก็พุ่งเข้ามารวมตัวกันเป็นกระบี่ยาวในมือพวกเขา จากนั้นทุกคนก็พากันหันตัวกลับ หันหลังให้แก่หนิงเหยาที่ออกคำสั่งให้พวกมันปรากฏกาย แล้วแยกย้ายกันออกไปสี่ด้านแปดทิศ ครั้นจึงเปิดฉากออกกระบี่สังหารศัตรูแทบจะในเวลาเดียวกัน
‘เซียนกระบี่’ บรรพกาลไร้สติปัญญาเหล่านี้ แน่นอนว่าไม่อาจกลับคืนสู่สภาวะสูงสุดได้ หากพูดถึงแค่พลังในการสู้รบก็แค่เทียบเท่าได้กับผู้ฝึกกระบี่โอสถทองเท่านั้น แล้วก็ไม่มีกระบี่บินแห่งชะตาชีวิตและวิชาอภินิหารด้วย
แต่พลังการต่อสู้ของผู้ฝึกกระบี่โอสถทองแปดคน อีกทั้งต่อให้จะถูกกองทัพใหญ่เผ่าปีศาจของใต้หล้าเปลี่ยวร้างทำลาย ‘เรือนกาย’ ให้แหลกสลาย ก็แค่ต้องรวบรวมปราณกระบี่บนสนามรบขึ้นมาใหม่เท่านั้น ถือกำเนิดได้ไม่รู้ดับ ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ไม่รู้จักเป็นตาย ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องปราณวิญญาณที่มีสะสมอยู่ ใช้สิ่งนี้เข่นฆ่าบนสนามรบยังไม่ง่ายอีกหรือ? ขอแค่พลังจิตของหนิงเหยาไม่ถูกเผาผลาญมากเกินไป บวกกับที่ปณิธานกระบี่บริสุทธิ์แปดส่วนที่มีสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นเป็น ‘รากฐานมหามรรคา’ นี้ไม่ถูกผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดหรือเซียนกระบี่ห้าขอบเขตบนของฝ่ายศัตรูบังคับสะบั้นการเชื่อมโยงทางจิตระหว่างพวกมันกับหนิงเหยา เซียนกระบี่บรรพกาลทั้งแปดท่านนี้ก็สามารถดำรงอยู่บนสนามรบได้ตลอดไป
‘เวทกระบี่ ปณิธานกระบี่ วิถีกระบี่ของแม่หนูหนิง ขอแค่มอบเวลาให้กับนาง อีกทั้งไม่ต้องนานมากนัก ทั้งสามอย่างนี้ล้วนสามารถยกระดับขึ้นไปสู่จุดที่สูงมากได้’
นี่คือคำพูดที่เฉินชิงตูเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสเป็นคนพูดเอง
เหตุใดในบรรดากลุ่มผู้ฝึกกระบี่ผู้มีพรสวรรค์ของกำแพงเมืองปราณกระบี่ ถึงดูเหมือนว่าจะไม่มีใครเรียกหนิงเหยาว่าผู้มีพรสวรรค์? นั่นก็เพราะหากอย่างนางถึงจะเรียกว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ ถ้าอย่างนั้นผู้ฝึกกระบี่รุ่นเยาว์อย่างพวกฉีโซ่ว ผังหยวนจี้ก็จะต้องถูกลดระดับขั้นลงมาหนึ่งขั้นเต็มๆ แม้แต่ผู้มีพรสวรรค์ก็ไม่ถือว่าใช่ด้วยซ้ำ
หนิงเหยา
แต่ไหนแต่ไรมาก็มีเพียงหนึ่งเดียวเสมอ
นับตั้งแต่วันแรกที่หนิงเหยาฝึกกระบี่ยามยังเป็นเด็กเล็ก ก็ไม่มีผู้มีพรสวรรค์ซึ่งเป็นคนรุ่นเดียวกัน หรือแม้กระทั่งคนที่แก่กว่านางหนึ่งรุ่น ยินดีจะถามกระบี่ ประลองกระบี่กับนาง
เพราะไม่มีความจำเป็น
พื้นดินใต้ฝ่าเท้าที่หนิงเหยายืนก่อนหน้านี้ปริแตกเป็นเศษเล็กเศษน้อยแล้วยุบถล่มลงไป
ส่วนหนิงเหยานั้นลอยตัวอยู่กลางอากาศ นางยังมีเวลาหันไปมองข้างหลัง คงจะมองดูว่าเตี๋ยจ้างกับต่งฮว่าฝูตามมาทันหรือไม่
เวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วพริบตา เมื่อกระบี่ยาวสีทองหาตัวผู้ฝึกกระบี่ก่อกำเนิดผู้นั้นเจอ ร่างของหนิงเหยาก็ดิ่งฮวบลงอย่างรวดเร็วแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย
กระทั่งเตี๋ยจ้างกับต่งฮว่าฝูตามมาถึงริมขอบของหลุมใหญ่ หนิงเหยาที่ถือกระบี่ก็ไปปรากฎตัวอยู่ตรงทิศใต้สุดของหลุมใหญ่ จากนั้นก็บุกทะลวงค่ายกลมุ่งลงใต้ต่อไปอีกครั้ง
เพราะนางเจอตัวนักรบเดนตายที่เป็นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตหยกดิบคนหนึ่ง
เพียงแต่ว่าอีกฝ่ายดันเลือกที่จะถอยหนีทั้งที่ยังไม่ได้ต่อสู้
หนิงเหยาที่หันหน้าเข้าหาทางทิศใต้ยกมือขึ้นปาดรอยแผลบนใบหน้าที่ถูกมีดอาคมกรีด ก็แค่แผลถลอกเท่านั้น
เตี๋ยจ้างชำเลืองตามองก้นหลุมใหญ่ ในหลุมใหญ่คือเผ่าปีศาจก่อกำเนิดที่เผยร่างจริง คือวานรเรือนกายใหญ่ยักษ์ ลักษณะคล้ายเผ่าพันธ์วานรย้ายภูเขายุคบรรพกาล จุดจบของมันน่าจะเรียกได้ว่าถูกสับออกเป็นแปดชิ้น ระหว่างรอยแยกบนศพยังมีปราณกระบี่สีทองหลงเหลืออยู่ที่เดิม
เห็นได้ชัดว่าถูกเจี้ยนเซียนอาวุธเซียนในมือหนิงเหยาสังหาร ถึงขั้นที่ว่าแม้แต่โอสถทองกับทารกก่อกำเนิดก็ยังไม่ทันได้ระเบิดทำลายตัวเอง
ตรงก้นหลุม ข้างศพนั้นมีดาบแคบสีขาวใสที่เมื่อเทียบกับเรือนกายมโหฬารนั้นแล้วก็เล็กราวกับเข็มเย็บผ้าเล่มหนึ่งลอยตัวอยู่ ประกายแสงบนดาบเปล่งวิบวับไม่หยุดนิ่ง สะดุดตามากเป็นพิเศษ
ต่งฮว่าฝูเตรียมจะลงไปเก็บสมบัติขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!