กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 652

กู้ช่านส่ายหน้า “แต่เล็กจนโต เขาไม่เคยมองข้าเป็นสหาย อายุห่างกันมากเกินไป ข้าเองก็เหมือนกัน ถือว่าเป็นญาติครึ่งตัวกระมัง ไม่เหมือนกันหรอก ส่วนหลิวเสี้ยนหยางเจ้าคนที่ใจใหญ่ยิ่งกว่าแผ่นฟ้าผู้นั้น ก็เพียงแค่เพราะว่ามีเฉินผิงอัน ถึงได้ใกล้ชิดกับข้ามากหน่อย ไม่อย่างนั้นข้ากับเขาก็ไม่มีทางเป็นคนบนเส้นทางเดียวกันได้ เมื่อก่อนไม่ใช่ วันหน้าก็ยิ่งไม่ใช่ แต่ก็พอจะถือว่าเป็นสหายได้อย่างถูไถ”

รอกระทั่งหลิวเสี้ยนหยางกลับจากสกุลเฉินผู้รอบรู้ของทักษินาตยทวีป ก็น่าจะกลายเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดของหร่วนฉงแห่งสำนักกระบี่หลงเฉวียนแล้ว ปีนั้นเดิมทีก็เพราะบรรพบุรุษของหลิวเสี้ยนหยางเป็นคนเฝ้าสุสานของสกุลเฉิน ถึงได้ถูกพาตัวไปไกลจากบ้านเกิด

มีอยู่ข้อหนึ่งของหลิวเสี้ยนหยางที่ทำให้กู้ช่านนับถือมากที่สุด เกิดมาก็เชี่ยวชาญกับการเข้าเมืองตาหลิ่วหลิ่วตาตาม ไม่เคยมีเหตุการณ์ที่ว่าปรับตัวเข้ากับสถานที่ไม่ได้เกิดขึ้นกับเขา

ส่วนตนนั้น หลังจากไปถึงทะเลสาบซูเจี่ยนกลับกลายเป็นว่าแม้แต่ข้อดีที่ใหญ่ที่สุดอย่างความอดทนข่มกลั้น กลับทำหายไปจนหมดสิ้น

กู้ช่านหวนย้อนนึกถึงวันเวลาที่คล้ายจะมีหน้ามีตาบนเกาะชิงเสีย ถึงได้ค้นพบว่าที่แท้ตนกำลังเดินทีละก้าวไปบนเส้นทางแห่งความตาย

อายุน้อย เอามาเป็นข้ออ้างไม่ได้เลย

กู้ช่านมองอาหารบนโต๊ะแล้วหยิบตะเกียบขึ้นมากินข้าวต่อ

หลิ่วชื่อเฉิงพลันเอ่ย “วันหน้าไปถึงนครจักรพรรดิขาว ความสัมพันธ์พวกนี้ หากตัดได้ก็ตัดซะ”

กู้ช่านสีหน้าเป็นปกติ เพียงแค่กินข้าว ไม่เอ่ยอะไร

หลิ่วชื่อเฉิงเองก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองสามารถเปลี่ยนนิสัยของกู้ช่านได้ เกรงว่ายังต้องดูที่วิธีการถ่ายทอดมรรคาของศิษย์พี่มากกว่า จึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ก่อนหน้านี้คำที่เจ้าบอกว่า ‘มีชีวิตอยู่ได้ไม่เลว’ คือไม่เลวแค่ไหน? ในเมื่อเป็นคนวัยเดียวกันที่มาจากบ้านเกิดเดียวกับเจ้า ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นผู้ฝึกกระบี่โอสถทองแล้วสิ? หรือจะเป็นผู้ฝึกลมปราณก่อกำเนิด”

กู้ช่านเอ่ย “ตอนนี้เป็นผู้ฝึกลมปราณขอบเขตสี่ ภายในเวลาสิบปีมีหวังว่าจะเลื่อนเป็นขอบเขตถ้ำสถิต คอยช่วยสกุลสวี่ดูแลการค้าเล็กๆ ส่วนหนึ่งในแคว้นหู ฝึกตนได้ไม่เร็ว แต่สามารถใช้เงินเทพเซียนผลักดันขอบเขตได้”

หลิ่วชื่อเฉิงเก็บพัดพับ เอามาเคาะหัวตัวเอง ยิ้มเอ่ยว่า “ว่าที่ศิษย์น้องเล็ก เจ้าล้อข้าเล่นอยู่หรือไร หรือว่ากำลังพูดเรื่องตลกกันแน่?”

กู้ช่านมีสีหน้าเคร่งขรึม ไม่ดื่มเหล้า ขยับตะเกียบเชื่องช้า ยังคงชอบที่จะเคี้ยวอย่างละเอียดอยู่เหมือนเดิม “หากฆ่าคนแล้วเผ่นหนี ชั่วชีวิตนี้จะมีสถานที่ให้พักผิงอย่างสงบได้จริงๆ หรือ?”

หลิ่วชื่อเฉิงหลุดหัวเราะพรืด ส่ายหน้า “เศษสวะคนหนึ่งที่ฝึกตนไม่ได้เรื่องแบบนี้ก็มีค่าให้เจ้าสังหารทิ้งแล้วเผ่นหนีด้วยหรือ? ข้าคนนี้เป็นคนพูดง่ายนักล่ะ แค่เจ้าพยักหน้า ข้าจะช่วยจัดการให้เจ้าเอง ก็แค่สวี่หุนคนเดียวเท่านั้น แม้แต่ห้าขอบเขตบนยังไม่ใช่ เรื่องเล็ก”

กู้ช่านย้อนถาม “แล้วถ้าเป็นหนึ่งในหมื่นล่ะ? จะต้องทำเช่นนั้นไปไย?”

หลิ่วชื่อเฉิงไร้คำพูดตอบโต้

กู้ช่านวางตะเกียบลง ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “แต่หากคิดจะลงมือกับศัตรูคู่อาฆาตจริงๆ ก็ต้องทำให้อีกฝ่ายไม่มีแม้แต่คนจะเก็บศพให้”

อีกอย่างก็คือ ทำให้คนนอกหาข้อตำหนิไม่ได้

ส่วนคนนอกที่ว่านี้ แบ่งออกเป็นแค่สองประเภทเท่านั้น หนึ่งคือเฉินผิงอัน อีกหนึ่งก็คือทุกคนที่เหลือ หากจะต้องเลือกหรือสละอะไรล่ะก็ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่จำเป็นต้องสนใจฝ่ายหลัง

สรุปก็คือชั่วชีวิตนี้เฉินผิงอันอย่าหวังว่าจะได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับตนอย่างสิ้นเชิงเด็ดขาด

หลิ่วชื่อเฉิงคลี่ยิ้มเจิดจ้า

เจ้าเด็กนี่ ยิ่งมองก็ยิ่งถูกชะตา

ตนทำหน้าที่เป็นผู้ปกป้องมรรคา ก็ไม่ต่างจากการเห็นบุตรสาวขึ้นเกี้ยวเป็นครั้งแรก เพียงแต่ว่าตนนั้นยินยอมพร้อมใจ ทำหน้าที่นี้อย่างสบายใจยิ่ง

นี่ทำให้หลิ่วชื่อเฉิงถึงขั้นเกิดความคิดที่จะรับลูกศิษย์ขึ้นมาบ้างแล้ว

กู้ช่านถาม “หากกลายเป็นศิษย์น้องของท่านจริงๆ ข้าจะได้เรียนเวทคาถาชั้นสูงสุดหรือไม่?”

หลิ่วชื่อเฉิงหัวเราะอย่างอดไม่อยู่ “นครจักรพรรดิขาวมีทรัพย์สินอุดมสมบูรณ์ หากเจ้ากลายเป็นศิษย์น้องเล็กของข้า แน่นอนว่าสามารถเรียนได้ เจ้าอยากเรียนอะไรก็เลือกได้ตามใจ เพียงแต่ว่าจะเรียนได้สำเร็จหรือไม่ก็บอกได้ยากแล้ว”

กู้ช่านเอ่ย “ข้าอยากเรียนทั้งหมด”

หลิ่วชื่อเฉิงใช้พัดพับชี้กู้ช่าน ยิ้มเอ่ยว่า “เจ้าน่ะ ยังเป็นเด็กน้อยไม่รู้ความ ดั่งคนปัญญาอ่อนที่พูดจาเพ้อเจ้อ”

ไม่ใช่ไม่รู้ว่ากู้ช่านผู้นี้มีพรสวรรค์ด้านการฝึกตนดีเยี่ยม ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่คิดจะพาอีกฝ่ายไปยังทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง ถือเป็นใบเบิกทางในการหวนกลับคืนสู่นครจักรพรรดิขาวอีกครั้ง แต่นครจักรพรรดิขาวที่ศิษย์พี่สร้างขึ้นไม่ใช่สถานที่ทั่วๆ ไปในโลกมนุษย์

หลิ่วชื่อเฉิงไม่พอใจศิษย์พี่อย่างล้ำลึกก็จริง แต่หากไม่พูดถึงความไม่พอใจในอดีตเหล่านั้น ศิษย์พี่ก็เป็นคนที่หลิ่วชื่อเฉิงให้ความเคารพยำเกรงมากที่สุดในชีวิตนี้จริงๆ

จากนั้นถึงจะเป็นเทียนซือใหญ่ของภูเขามังกรพยัคฆ์ แล้วค่อยเป็นชุยฉานที่เคยเล่นหมากล้อมเมฆหลากสีกับศิษย์พี่

มีแค่สามคนนี้เท่านั้น

หลิ่วชื่อเฉิงอดไม่ไหวเอ่ยเตือนว่า “นิสัยของศิษย์พี่ข้ายากจะคาดเดา ไม่แน่ว่าเจ้าอาจได้เดินขึ้นฟ้าในก้าวเดียว หรือไม่ก็อาจกลายเป็นคนธรรมดาไปเลย หากอนาถยิ่งกว่านั้นก็คือต้องชดใช้ด้วยชีวิตอีกหลายภพหลายชาติ เจ้าอย่าคิดอะไรง่ายเกินไป เพื่อขัดเกลาตัวสำรองของลูกศิษย์คนสุดท้ายที่ซ่อนตัวอยู่ ศิษย์พี่เคยจับตามองเจ้าแมลงน่าสงสารผู้นั้นนานถึงหกร้อยปีเต็ม สำหรับเจ้าแมลงน่าสงสารตัวนั้นแล้วก็เท่ากับชีวิตแปดชาติภพเต็มๆ อันที่จริงก็ล้วนเป็นการทำไปเพื่อได้เป็นลูกศิษย์คนสุดท้ายของนครจักรพรรดิขาวในชาติภพสุดท้าย ผลคือพอถึงท้ายที่สุด เมื่อถึงภพที่เก้าของคนผู้นั้น ไม่รู้ว่าเหตุใดศิษย์พี่ถึงยังทอดทิ้งเขาไป ศิษย์พี่เชี่ยวชาญเรื่องการแบ่งสมาธิไปทำเรื่องต่างๆ มากที่สุด ฝึกตน เล่นหมากล้อม ดูแลกิจการของนครจักรพรรดิขาว หลอมอาวุธ รับลูกศิษย์…แทบไม่มีเรื่องใดที่ศิษย์พี่ไม่เชี่ยวชาญ อีกทั้งทุกเรื่องยังทำอย่างรอบคอบรัดกุม น้ำสักหยดก็ไม่อาจไหลรอดไปได้”

กู้ช่านพยักหน้ารับ “ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าข้าหาอาจารย์ที่ดีได้”

หลิ่วชื่อเฉิงหัวเราะเสียงดังไม่หยุด

กู้ช่านลุกขึ้นเตรียมจะไปคิดเงินแล้ว

หลิ่วชื่อเฉิงพลันเอ่ยอย่างประหลาดใจ “ช่างเป็นแม่นางที่งดงามนัก”

กู้ช่านไม่ได้สนใจ

หลิ่วชื่อเฉิงจุ๊ปากพูด “พบเห็นได้ไม่บ่อยเลย น่าจะมีภูมิหลังไม่ธรรมดา น้ำเต้าสีเงินลูกนั้น หากข้ามองไม่ผิดก็คือหนึ่งในน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่เจ็ดลูกที่มีระดับขั้นสูงที่สุด”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!