กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 654

หลังจากเขาจงใจทำให้เว่ยเปิ่นหยวนค้นพบร่องรอยก็ปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ท่าทางเยือกเย็นมีสมาธิ ไม่รีบไม่ร้อน

แน่นอนว่าไม่ได้แค่อาศัยว่าขอบเขตสูงแล้วจึงทำตัวประมาท

แต่เป็นเพราะนอกจากค่ายกลของหุบเขาแล้ว เขาเองก็ยังจัดวางค่ายกลอีกแห่งหนึ่งโอบล้อมภูเขาทั้งลูกไว้อย่างประณีตตั้งใจ

ทำลายค่ายกลขุนเขาสายน้ำของเว่ยเปิ่นหยวนจำเป็นต้องสาวเอาเส้นใยออกมา หาช่องโหว่ก่อน จากนั้นก็ใช้พละกำลังอันป่าเถื่อนทุบทำลายค่ายกล เพียงแต่ว่าหากเริ่มทำลายค่ายกล การทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ ก็จะไม่มีความหมายอีกต่อไป

เว่ยเปิ่นหยวนทำมุทราอยู่ในชายแขนเสื้อ ลมภูเขาและไอหมอกมารวมตัวกันกลายเป็นเมฆขาวหลายก้อน พยายามที่จะบดบังการมองเห็นของคนผู้นั้น

คิดไม่ถึงว่าผู้ฝึกลมปราณคนนั้นจะเปิดปากเอ่ยถ้อยคำที่เป็นภาษาทางการของแจกันสมบัติทวีป ราวกับว่ามรรคกถาสูงส่งลึกล้ำ จุดที่สายตามองไปเห็นคือเมฆขาวที่เชื่อมต่อกับค่ายกลของหุบเขา และเมฆขาวเหล่านั้นก็พลันสลายหายไปด้วยตัวเอง

เว่ยเปิ่นหยวนกวาดตามองไปรอบด้าน ฝีมือที่ดีเช่นนี้ ถึงขั้นทำให้น้ำในลำธารเกิดริ้วแสงสีเขียวมรกตกระเพื่อมเป็นระลอก เห็นได้ชัดว่ามีสมบัติอาคมซ่อนอยู่ภายใน

เพียงไม่นานประกายแสงพวกนั้นก็ลามขึ้นมาบนชายฝั่ง คล้ายฝูงมดที่เคลื่อนตัวแผ่ปกคลุมขึ้นมา

การหลอมโอสถพิถีพิถันในเรื่องน้ำและไฟผสานกลมเกลียว การที่เว่ยเปิ่นหยวนเลือกสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่หลอมโอสถ ลำธารที่มีชะตาน้ำหนักอึ้งเยียบเย็นมาตั้งแต่กำเนิดเส้นนี้ก็คือกุญแจสำคัญ เว่ยเปิ่นหยวนท่องคาถาเงียบๆ อย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย เขาถึงขั้นคิดจะใช้วิชาเต่าอ๋าวพลิกกระดองทำลายโชคชะตาน้ำและรากฐานภูเขาของลำธารสายนั้นให้แหลกสลาย ยอมที่จะหลอมโอสถไม่สำเร็จแต่ก็ต้องสะบั้นการแทรกซึมจากสมบัติอาคมของอีกฝ่ายที่มีต่อค่ายกลภูเขาสายน้ำให้จงได้

คนผู้นั้นไม่สนใจฝีมืออ่อนด้อยของเว่ยเปิ่นหยวนแม้แต่น้อย สมบัติอาคมและเวทลับเฉพาะของตนจะปล่อยให้โอสถทองที่ไม่ใช่แม้แต่อาจารย์ค่ายกลคนหนึ่งมาทำลายได้อย่างไร

เพียงแต่ว่าพอครุ่นคิดเล็กน้อยก็กังวลว่าเว่ยเปิ่นหยวนจะก่อเรื่องบางอย่างขึ้นมาเพื่อที่จะได้ติดต่อไปขอความช่วยเหลือจากนครลมเย็น เขาจึงท่องคาถาเงียบๆ แสงสีเขียวที่ขึ้นมาบนชายฝั่งเหล่านั้นจึงหลบเร้นหนีไป เวทคาถา ‘พลิกภูเขา’ ของเว่ยเปิ่นหยวนนั้นกลับมิอาจสั่นคลอนลำธารได้แม้แต่น้อย คนผู้นั้นยิ้มเอ่ย “เวทคาถาดีเยี่ยม น่าเสียดายที่ถูกเจ้าเอามาใช้อย่างเละเทะ จัดการเจ้าได้แล้วจะต้องกักขังดวงวิญญาณเพื่อเอามาเค้นสอบสักรอบ นั่นต้องเป็นเรื่องน่ายินดีที่ไม่คาดฝันอีกเรื่องหนึ่งแน่นอน พอโชคมาเยือนแล้วจะขวางก็ขวางไม่อยู่จริงๆ”

คนผู้นั้นขยับเส้นสายตามองไปยังหลี่เป่าผิงแล้วเอ่ยว่า “ทรัพย์สมบัติของแม่นางน้อยอุดมสมบูรณ์จนน่าตะลึงจริงๆ ทำเอาก่อนหน้านี้ข้าไม่กล้าลงมือ ได้แต่ติดตามเจ้ามาตลอดทาง เลยถือโอกาสจัดการกับผู้ฝึกตนอิสระให้เจ้าไปสองกลุ่ม ควรจะขอบคุณข้าที่มีบุญคุณช่วยชีวิตเจ้าอย่างไร? หากเจ้ายินดีใช้ร่างกายตอบแทน วันหน้ามาเป็นสาวใช้ประจำตัวของข้า ได้ทั้งคนได้ทั้งทรัพย์สินเช่นนี้ ข้าไม่ถือสาหรอก น้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลูกหนึ่ง ดาบยันต์มงคลเล่มนั้น บวกกับยันต์อีกสองแผ่นที่เป็นความน่ายินดีไม่คาดฝัน ข้าเอาทั้งหมด แล้วจะไว้ชีวิตเจ้า”

หลี่เป่าผิงตบน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลูกเล็กจิ๋วที่ห้อยไว้ตรงเอว “ถ้าอย่างนั้นก็มาแย่งไปสิ อย่ามัวพูดมาก”

คนผู้นั้นหลุดหัวเราะพรืด “โอสถทองกระจอกที่ไม่ถนัดด้านการโจมตี ดีแต่หลอมยา ผูกมิตรกับคนไปทั่ว พอเกิดเรื่องเข้าจริงๆ เขาก็ปกป้องเด็กอย่างเจ้าไม่ได้หรอกนะ”

ในใจของเว่ยเปิ่นหยวนตะลึงพรึงเพริด

หนึ่งเพราะเขาคิดแค่ว่ามีเพียงดาบแคบเล่มนั้นของแม่หนูเป่าผิงเท่านั้นที่ถึงจะเป็นสมบัติอาคมบนภูเขา ไม่เคยมองเวทอำพรางตาบนน้ำเต้าสีเงินลูกนั้นออก แต่ผู้ฝึกตนบนยอดเขาคนนั้นกลับรู้อย่างกระจ่างแจ้ง อีกทั้งยังเอ่ยชื่อของดาบแคบออกมาได้ด้วย ติดตามหลี่เป่าผิงมาตลอดทาง เห็นได้ชัดว่าเขามีความมั่นใจมากถึงได้กล้าปรากฏตัว ขอบเขตของอีกฝ่ายอย่างน้อยที่สุดก็น่าจะเป็นคอขวดโอสถทอง หากเป็นเทพเซียนผู้เฒ่าก่อกำเนิดที่จำศีลมานานหลายปีจนนับไม่ถ้วนคนหนึ่งก็จะยิ่งยุ่งยากมากกว่าเดิม

ในใจเว่ยเปิ่นหยวนรู้สึกเสียใจภายหลัง หากตอบตกลงยอมเป็นผู้ถวายงานของสกุลสวี่นครลมเย็น มีวิธีการส่งข่าวให้กับค่ายกลที่เชื่อมโยงกับทั้งนครก็จะสามารถเรียกตัวสวี่หุนให้มาช่วยเหลือได้ บางทีอีกฝ่ายอาจจะไม่กล้าทำตัวกำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้ คิดไม่ถึงว่าค่ายกลภูเขาสายน้ำที่ตัดขาดการลอบสังเกตการณ์ของสถานที่แห่งนี้กับภายนอกกลับกลายมาเป็นดั่งกรงขังเอาเสียได้

เว่ยเปิ่นหยวนสูดลมหายใจเข้าลึกหนึ่งครั้งเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับจิตแห่งมรรคา พยายามทำให้น้ำเสียงของตัวเองสงบนิ่ง แล้วใช้เสียงในใจเอ่ยกับหลี่เป่าผิง “แม่หนูผิง ไม่ต้องกลัว ท่านปู่เว่ยจะต้องคุ้มครองให้เจ้าจากไปได้อย่างปลอดภัย ทุบทำลายโอสถทองจะทำให้เกิดความเคลื่อนไหวที่รุนแรงมาก ทางฝั่งของนครลมเย็นจะต้องสัมผัสได้ถึงอย่างแน่นอน หลังเจ้าออกไปจากสวนดอกท้อแล้วก็อย่าได้หวนย้อนกลับมาเด็ดขาด ให้ตรงไปที่นครลมเย็น ความสามารถในการต่อสู้ของท่านปู่เว่ยมีไม่มาก แต่อาศัยฟ้าอำนวยดินอวยพร คิดจะปกป้องชีวิตของตัวเองเอาไว้ต้องไม่ใช่เรื่องยากอย่างแน่นอน”

คนผู้นั้นส่ายหน้า “ข้าว่ายากมากนะ คอขวดโอสถทองยังฝ่าไปยากขนาดนี้ ความหมายในการมีชีวิตอยู่ก็มีไม่มากแล้ว”

เว่ยเปิ่นหยวนพลันรู้สึกเหมือนตกอยู่ในอุโมงค์น้ำแข็ง ต้องเป็นขอบเขตก่อกำเนิดที่มีตบะลึกล้ำอย่างแน่นอน

กองทัพม้าเหล็กต้าหลีเหยียบย่ำภูเขาสายน้ำของหนึ่งทวีป แต่ละพื้นที่ปริแตกย่อยยับ ชักนำให้ผู้ฝึกตนอิสระจำนวนมากที่แฝงตัวอยู่ท่ามกลางป่าเขาเริ่มพากันออกจากภูเขาเข้าสู่สังคมทางโลก จับปลาในน้ำขุ่น ย่อมต้องมีคนทำอยู่แล้ว

หลี่เป่าผิงเอ่ย “ท่านปู่เว่ย หากรู้แต่แรกคงมอบยันต์ให้ท่านไปนานแล้ว”

เว่ยเปิ่นหยวนเอ่ยด้วยรอยยิ้มอย่างฉุนๆ “พูดจาเหลวไหลอะไร!”

หลี่เป่าผิงไม่ได้อธิบายอะไร ทะเลสาบหัวใจเกิดริ้วคลื่นก็ได้ยินเหมือนกัน เรื่องบางอย่างก็อย่าเพิ่งไปพูดถึงมันจะดีกว่า

เส้นสายตาของผู้ฝึกตนคนนั้นหยุดอยู่บนดาบแคบของของหลี่เป่าผิงมากกว่า

เมื่อเปรียบเทียบกับชีวิตอมตะและมหามรรคาแล้ว สาวงามบนโลกก็เล็กจ้อยราวกับเมล็ดงา ไม่มีค่าพอให้พูดถึง

ดาบแคบเล่มนั้นเขารู้จักพอดี มีชื่อว่ายันต์มงคล เป็นวัตถุสยบความชั่วร้ายคว้าชัยชนะของแคว้นเสินสุ่ยในอาณาเขตของแคว้นสู่โบราณยุคบรรพกาล คือสมบัติล้ำค่าของแคว้นอย่างแท้จริง สามารถสยบและรวบรวมโชคชะตาบู๊มาได้ สมบัติอาคมประเภทนี้สามารถจัดให้อยู่ในขอบข่ายของ ‘สมบัติล้ำค่าแห่งขุนเขาสายน้ำ’ ได้แล้ว แม้ว่าจะเป็นระดับขั้นของสมบัติอาคม แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นอาวุธกึ่งเซียนชิ้นหนึ่งแล้ว

น้ำต้าเลี้ยงกระบี่ลูกนั้นแค่มองออกว่าระดับขั้นสูงมาก ส่วนจะเป็นของดีแค่ไหนกลับยังมิอาจบอกได้

ถึงอย่างไรเมื่อได้มาอยู่ในมือแล้ว เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อนเขาก็ควรจะออกเดินทางไกลไปยังทวีปอื่นก่อนแล้วกัน เพราะอย่างไรแจกันสมบัติทวีปในทุกวันนี้ก็ไม่เหมือนพื้นที่ที่เหมาะให้ผู้ฝึกตนอิสระได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอีกแล้ว

หลี่เป่าผิงเอ่ยเสียงเบา “ท่านปู่เว่ย อีกเดี๋ยวหากต้องตีกันขึ้นมา ข้าคงชดใช้ให้สถานที่ฝึกตนแห่งนี้ไม่ไหว แต่ไม่เป็นไร วันหน้าค่อยให้พี่ชายข้าชดใช้ท่านแทนแล้วกัน”

เว่ยเปิ่นหยวนได้แต่ยิ้มจืดเจื่อน ตอนนี้ใช่เวลาให้มาพูดเรื่องนี้ไหม?

ผู้ฝึกตนยอดเขาคนนั้นหาวิธีในการทำลายค่ายกลอย่างสมบูรณ์เจอแล้ว แต่กระนั้นก็ยังชั่งน้ำหนักอย่างระมัดระวัง รู้สึกว่าเรื่องไม่คาดคิดทั้งหมดล้วนอยู่ในการคิดคำนวณมาหมดแล้ว

เซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลลงจากภูเขามาฝึกประสบการณ์ต่างก็ชอบมากราบไหว้ภูเขาก่อน ในเมื่อที่พึ่งและภูมิหลังของแม่หนูนี่เป็นคนอย่างพวกเว่ยเปิ่นหยวน แม้แต่คุณสมบัติที่จะได้เป็นแขกผู้มีเกียรติของสวี่หุนแห่งนครลมเย็นก็ยังไม่มี แบบนี้ก็จะมั่นคงอย่างมากแล้ว

จะไม่ให้ผู้ฝึกตนอิสระที่เป็นถึงก่อกำเนิดผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งระมัดระวังรอบคอบเลยก็ไม่ได้

ต่อให้ขอบเขตของผู้ฝึกตนอิสระจะสูงแค่ไหน แต่ก็มีแค่ชีวิตเดียว

พวกเซียนซือทำเนียบวงศ์ตระกูลที่นอนเสวยสุขอยู่บนสมุดคุณความชอบในศาลบรรพจารย์ทั้งหลาย ต่อให้ขอบเขตจะต่ำแค่ไหน แต่ก็เท่ากับว่าพวกเขามีสองชีวิต!

ถ้าอย่างนั้นก็ควรต้องลงมืออย่างเด็ดขาด

เรือนกายของคนผู้นี้พลันล่องลอยไม่หยุดนิ่ง ขยายใหญ่จนใหญ่โตดุจขุนเขา นึกไม่ถึงว่าจะเป็นกายธรรมของซานจวินที่เก่าแก่ตนหนึ่ง ไม่เพียงเท่านี้ บนแขนสองข้างของกายธรรมร่างทองยังมีเผ่าพันธุ์เจียวหลงสีเขียวล้อมพันเอาไว้ ในมือถือง้าวใหญ่ ปราณวิญญาณขุนเขาสายน้ำที่อยู่รอบร่างกายธรรมวุ่นวายยุ่งเหยิง ‘สิ่งศักดิ์สิทธิ์’ ขนาดใหญ่ยักษ์ที่มีภาพบรรยากาศของขุนเขาสายน้ำควบคู่ไปด้วยนั้นพลิ้วกายจากบนยอดเขามาที่กระท่อมริมลำธาร มีพลังอำนาจดุจดั่งขุนเขาที่กดทับลงมา

ขณะที่อยู่กลางอากาศ กายธรรมร่างทองก็พูดกลั้วหัวเราะเสียงดังว่า “นังหนูน้อย ช่างพูดจาวางโตยิ่งนัก พี่ชายของเจ้า? หากยกเอาบรรพบุรุษบ้านเจ้าออกมาข่มขู่คนอื่น ข้าอาจจะยังพอเชื่อเจ้าสักเสี้ยวอยู่บ้าง! ทำไม พี่ชายของเจ้าคือหม่าขู่เสวียนแห่งภูเขาเจินอู่ หรือว่าคือเซียนกระบี่ใหญ่หวงเหอแห่งสวนลมฟ้าเล่า?”

เว่ยเปิ่นหยวนเตรียมจะเรียกโอสถทองแห่งชะตาชีวิตออกมาเพื่อต่อสู้แลกชีวิตกับโจรเฒ่าก่อกำเนิดผู้นี้

หลี่เป่าผิงเดินออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ใช้นิ้วโป้งผลักดาบแคบห้อยเอวออกจากฝักมาชุ่นกว่า มือซ้ายอีกข้างหนึ่งที่อยู่ในชายแขนเสื้อก็มีของสิ่งหนึ่งปรากฏขึ้นมา เมื่อของชิ้นนี้เผยกายบนโลกก็ไม่มีริ้วคลื่นลมปรากฎขึ้นแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงไม่ทำให้คนจับสังเกตได้มากเท่าดาบแคบที่ออกมาจากฝัก

ทว่าเวลานี้เอง

ไม่รู้ว่าเหตุใดกายธรรมร่างทองถึงลอยอยู่กลางอากาศเช่นนั้น ไม่หล่นลงมาบนพื้นเสียที

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!